คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พัลลภ พิสิษฐ์สังฆการ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 606 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5719/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษปรับผู้ร่วมกระทำผิด พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 ต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.17 ลงโทษรายบุคคล
พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 148 มิได้บัญญัติว่าถ้ามีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนให้ปรับรวมกันตามมูลค่าของแร่กรณีจึงต้องนำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาใช้มาตรา 17 ดังนี้ต้องลงโทษปรับจำเลยเรียงตามรายตัวบุคคลตามมาตรา 31 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาย่อมแก้ไขให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5286/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีประเด็นกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซ้ำกับคดีก่อนถึงที่สุด
คดีก่อนจำเลยฟ้องขับไล่ ย.กับบริวารออกจากที่พิพาทศาลพิพากษาให้จำเลยชนะคดีแล้ว จำเลยขอให้ศาลบังคับคดีแก่โจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของย.และปลูกบ้านในที่พิพาท โจทก์ต่อสู้ว่าโจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ชายทะเลนอกที่พิพาท โจทก์จำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นคู่ความ ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้โจทก์ขนย้ายออกไปจากที่พิพาท คดีถึงที่สุด โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีเช่นเดิมว่าที่ดินที่ปลูกสร้างบ้านเป็นที่ชายทะเลอยู่นอกเขตโฉนดของจำเลย ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตลอดจนกระบวนพิจารณาในชั้นบังคับคดีของศาลในคดีก่อนเห็นได้ว่าคดีก่อนและคดีนี้โจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกันและมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเช่นเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 และกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 148(1) ซึ่งต้องเป็นกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีที่มิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5285/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: การพิจารณาความเหมือน/คล้ายกันจนอาจทำให้สับสน และการใช้คำทั่วไป
โจทก์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า LIGHTMAN(ไลท์แมน)ของโจทก์ไว้ 4 แบบ แต่ละแบบ ขนาดและลักษณะของตัวอักษรต่างกันตัวอักษรคำว่า LIGHT และ MAN นั้นแยกกัน เว้นแต่แบบที่ 3เท่านั้นที่ตัวอักษรอยู่ติดกันและมีรูปศีรษะคนสวมหมวกอยู่ด้านหลัง ส่วนแบบที่ 2 มีรูปศีรษะคนขนาดเล็กสวมหมวกอยู่ระหว่างตัวอักษร LIGHT และ MAN แบบที่ 4 ซึ่งใช้กับกางเกงยีนสลากกระเป๋าหลังกางเกง มีคำว่า LIGHTMAN อยู่ด้านบนคำว่าFORWORKANDPLAY และมีรูปศีรษะคนสวมหมวกอยู่ด้านล่างด้วยส่วนเครื่องหมายการค้าคำว่า LIONMAN(อ่านว่า ไลออนแมน)ที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนนั้น ตัวอักษรอยู่ใต้ภาพศีรษะคนและหัวสิงโตซึ่งอยู่ติดกันโดยศีรษะคนอยู่ด้านขวาส่วนหัวสิงโตอยู่ด้านซ้าย ภาพศีรษะคนและหัวสิงโตนั้นมีขนิดใหญ่กว่าตัวอักษรประมาณ 4-6 เท่า ส่วนภาพศีรษะคนสวมหมวกในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามแบบที่ 2 นั้นมีขนาดเล็กเท่าตัวอักษร และตามแบบที่ 3กับแบบที่ 4 มีขนาดเล็กกว่าตัวอักษรมาก เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกันแล้ว เครื่องหมายการค้าของโจทก์เน้นที่ตัวอักษรคำว่าไลท์แมน ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยนั้นให้ความสำคัญที่ตัวอักษรไลออนแมน เท่าเทียมกับภาพประกอบรูปศีรษะคนที่ติดกับหัวสิงโต โดยมีเจตนาให้ภาพดังกล่าวเป็นคำอธิบายความหมายของตัวอักษร คือหมายความว่ามนุษย์ สิงโต ส่วนภาพในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งมีภาพศีรษะของคนขนาดเล็กสวมหมวกนั้น มิได้อธิบายความหมายของคำว่า ไลท์แมน แต่ประการใด สำหรับตัวอักษรคำว่า แมน ที่เหมือนกันนั้น ก็เป็นคำสามัญ ไม่ใช่คำเฉพาะ และมีผู้นำไปใช้กับสินค้าหลายประเภท ส่วนคำว่า ไลท์ กับคำว่าไลออนนั้นมีความหมายแตกต่างกันมากทั้งคำว่าไลท์ ก็อ่านออกเสียงพยางค์เดียว ส่วนคำว่า ไลออน อ่านออกเสียงสองพยางค์เมื่อเปรียบเทียบเครื่องหมายการค้าที่ปรากฎที่เสื้ออันเป็นสินค้าของโจทก์ กับที่เสื้ออันเป็นสินค้าของจำเลยแล้วเห็นได้ชัดว่าลักษณะตัวอักษร สี แบบ และขนาดแตกต่างกันมากเครื่องหมายการค้าของจำเลยไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จนกล่าวได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชนให้สับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยคือสินค้าของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5285/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความเหมือนหรือความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้า LIGHT MAN และ LION MAN เพื่อตัดสินว่าเป็นการลวงสาธารณชนหรือไม่
โจทก์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า LIGHT MAN (ไลท์ แมน) ของโจทก์ไว้ 4 แบบ ซึ่งทั้งสี่แบบนี้ตัวอักษรขนาดต่างกันและลักษณะของตัวอักษรก็ต่างกันด้วยตัวอักษรคำว่า LIGHT และ MAN นั้นแยกกัน เว้นแต่ตามแบบที่ 3 เท่านั้นที่ตัวอักษรอยู่ติดกันและมีรูปศีรษะคนสวมหมวกอยู่ด้านล่าง ตามแบบที่ 2 มีรูปศีรษะคนขนาดเล็กสวมหมวกอยู่ระหว่างตัวอักษร LIGHT และ MAN ส่วนตามแบบที่ 4 นั้นเป็นรูปสลากกระเป๋าหลังกางเกง มีคำว่า LIHGT MAN อยู่ด้านบนคำว่า FOR WORK AND PLAY และมีรูปศีรษะคนสวมหมวกอยู่ด้านล่างใช้กับกางเกงยีน ส่วนเครื่องหมายการค้า LION MAN (ไลออน แมน) ที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนนั้น ตัวอักษรอยู่ใต้ภาพศีรษะคนและหัวสิงโตซึ่งอยู่ติดกันโดยศีรษะคนอยู่ด้านขวาส่วนหัวสิงโตอยู่ด้านซ้าย ภาพศีรษะคนและหัวสิงโตนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวอักษรประมาณ 5-6 เท่า ส่วนภาพศีรษะคนสวมหมวกในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามแบบที่ 2 นั้นมีขนาดเล็กเท่าตัวอักษร และตามแบบที่ 3 กับแบบที่ 9 มีขนาดเล็กกว่าตัวอักษรมาก เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกันแล้ว เครื่องหมายการค้าของโจทก์เน้นที่ตัวอักษรคำว่า ไลท์ แมน ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยนั้นให้ความสำคัญที่ตัวอักษร ไลออน แมน เท่าเทียมกับภาพประกอบรูปศีรษะคนที่ติดกับหัวสิงโต โดยมีเจตนาให้ภาพดังกล่าวเป็นคำอธิบายความหมายของตัวอักษร คือหมายความว่ามนุษย์สิงโต ส่วนภาพในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งมีภาพศีรษะคนขนาดเล็กสวมหมวกนั้น มิได้อธิบายความหมายของคำว่า ไลท์ แมน แต่ประการใด สำหรับตัวอักษรคำว่า แมน ที่เหมือนกันนั้นก็เป็นคำสามัญ ไม่ใช่เฉพาะและมีผู้นำไปใช้กับสินค้าหลายประเภท ส่วนคำว่าไลท์ กับคำว่า ไลออน นั้นมีความหมายแตกต่างกันมาก ทั้งคำว่า ไลท์ ก็อ่านออกเสียงพยางค์เดียวส่วนคำว่า ไลออน อ่านออกเสียงสองพยางค์ เมื่อเปรียบเทียบเครื่องหมายการค้าที่ปรากฏที่เสื้ออันเป็นสินค้าของโจทก์กับที่เสื้ออันเป็นสินค้าของจำเลยแล้ว เห็นได้ชัดว่าลักษณะของตัวอักษร สี แบบ และขนาดแตกต่างกันมาก เครื่องหมายการค้าของจำเลยไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จนกล่าวได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชนให้สับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยคือสินค้าของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5282/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาท: ประเด็นกรรมสิทธิ์และการหมดอายุความฟ้องร้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ แต่โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาเพราะศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดี แต่จำเลยก็ยื่นคำแก้ฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาในชั้นฎีกาด้วยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้แต่ไม่ทำตามกม. และการรับมรดกโดยชอบธรรม ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ฟ.พูดยกให้บางส่วนซึ่งที่ดินที่มีโฉนดอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การยกให้ดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ ที่ดินยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามกฎหมาย เมื่อ ฟ.ตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ที่ดินย่อมเป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่จำเลยผู้เป็นทายาทโดยธรรมของ ฟ.การที่จำเลยรับมรดกที่ดินดังกล่าว แล้วนำไปขายให้แก่บุคคลภายนอก จึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้โดยไม่ทำตามฟอร์มกฎหมายไม่สมบูรณ์ ที่ดินยังเป็นมรดกของทายาท การขายโดยทายาทไม่เป็นฉ้อโกง
ฟ. พูดยกให้บางส่วนซึ่งที่ดินที่มีโฉนดอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การยกให้ดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ ที่ดินยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามกฎหมาย เมื่อ ฟ. ตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ที่ดินย่อมเป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่จำเลยผู้เป็นทายาทโดยธรรมของฟ.การที่จำเลยรับมรดกที่ดินดังกล่าว แล้วนำไปขายให้แก่บุคคลภายนอกจึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5140/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม ผู้ครอบครองเช็คโดยชอบมีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คได้
คำบรรยายคำฟ้องที่ว่า จำเลยเล่นแชร์ซึ่งมีโจทก์เป็นหัวหน้าวงแชร์จำเลยประมูลแชร์ได้เป็นคนแรก แล้วออกเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในขณะนั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ ลูกวงแชร์ที่ได้รับโอนเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้จึงโอนเช็คที่พิพาทกลับไปให้โจทก์ โจทก์ในฐานะหัวหน้าวงแชร์ต้องชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่ลูกวงแชร์เหล่านั้น โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบนั้น เป็นคำบรรยายฟ้องที่ได้กล่าวสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหา และต่อสู้คดีได้พอสมควรแล้ว ทั้งจำเลยก็ให้การเกี่ยวกับการเล่นแชร์และการสั่งจ่ายเช็คพิพาทได้เนื้อถ้อยกระทง ความดี แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาต่อสู้คดีได้มิได้หลงต่อสู้แต่อย่างใด คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยออกเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในเวลานั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกวงแชร์ดังกล่าวจึงโอนเช็คพิพาททั้งหมดกลับไปให้โจทก์ และรับชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับจากโจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าวงแชร์ โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5140/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม ผู้ครอบครองเช็คมีสิทธิเรียกร้องได้ แม้เช็คถูกปฏิเสธ
คำบรรยายคำฟ้องที่ว่า จำเลยเล่นแชร์ซึ่งมีโจทก์เป็นหัวหน้าวงแชร์ จำเลยประมูลแชร์ได้เป็นคนแรก แล้วออกเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในขณะนั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ ลูกวงแชร์ที่ได้รับโอนเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จึงโอนเช็คพิพาทกลับไปให้โจทก์ โจทก์ในฐานะหัวหน้าวงแชร์ต้องชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่ลูกวงแชร์เหล่านั้น โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบนั้น เป็นคำบรรยายฟ้องที่ได้กล่าวสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้พอสมควรแล้วทั้งจำเลยก็ให้การเกี่ยวกับการเล่นแชร์ และการสั่งจ่ายเช็คพิพาทได้เนื้อถ้อยกระทงความดี แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหา ต่อสู้คดีได้มิได้หลงต่อสู้แต่อย่างใด คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยออกเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในเวลานั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกวงแชร์ดังกล่าวจึงโอนเช็คพิพาททั้งหมดกลับไปให้โจทก์ และรับชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับจากโจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าวงแชร์ โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5136/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้รับเงินโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายจากเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน ถือเป็นลาภมิควรได้
โจทก์รับเช็คของจำเลยไปเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคารเมื่อเก็บเงินได้แล้วจึงนำเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย อันเป็นการเรียกเก็บเงินตามเช็คแทนจำเลย มิใช่จำเลยนำเช็คไปแลกเงินสดจากโจทก์ เมื่อโจทก์ได้นำเงินเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยไปก่อนเพราะเชื่อว่าจะเรียกเก็บเงินตามเช็คได้เหมือนคราวก่อน ๆ ที่โจทก์เคยปฏิบัติมา แต่เช็คดังกล่าวถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน เช่นนี้จึงถือได้ว่าจำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบเงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นลาภมิควรได้ อันจำเลยจำต้องคืนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406
of 61