คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นำชัย สุนทรพินิจกิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 858 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3675/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดระยะเวลาอุทธรณ์คำวินิจฉัยคชก.จังหวัด: นับแต่วันมีคำวินิจฉัย แม้ผู้ถูกวินิจฉัยยังไม่ทราบ
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา57 กำหนดระยะเวลาให้คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัด ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยได้อย่างช้าที่สุดไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัย กำหนดระยะเวลาดังกล่าวไม่คำนึงถึงว่าผู้อุทธรณ์ได้ทราบถึงคำวินิจฉัยนั้นแล้วหรือไม่ เมื่อ คชก.จังหวัด มีคำวินิจฉัย วันที่ 29 พฤษภาคม 2533 แต่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยในวันที่ 13 สิงหาคม 2533 ซึ่งพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัย โจทก์จึงไม่มีอำนาจอุทธรณ์คำวินิจฉัยนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนมีทะเบียนและการสั่งริบในความผิดพาอาวุธปืนและยิงปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
อาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมาย แม้จำเลยจะมิได้ใช้ทำผิดฐานชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือฆ่าผู้อื่น และการที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะ และยิงปืนในหมู่บ้านหรือชุมนุมชนไม่อาจทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่มีไว้ผิดกฎหมายไปด้วยก็ตาม แต่ก็คงเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิดหรือเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจหรืออำนาจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆไป ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสั่งริบอาวุธปืน: ปืนมีทะเบียนใช้ทำผิดได้ริบหรือไม่ พิจารณาจากพฤติการณ์
จำเลยพาอาวุธปืนของจำเลยที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ ไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้พกติดตัวไป และยิงปืนในหมู่บ้านเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ และ ป.อ.มาตรา 371,376, อาวุธปืนเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิด หรือทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจ หรืออำนาจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ก็ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3671/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยุบพรรคการเมืองเนื่องจากไม่ส่งผู้สมัครหรือส่งไม่ครบตามกฎหมาย
พรรคการเมืองไม่ส่งสมาชิกเข้ารับสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือส่งสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ละพรรคไม่ถึง 120 คนนายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้ศาลแพ่งไต่สวนคำร้องและทำความเห็นส่งให้ศาลฎีกามีคำสั่งยกเลิกพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 มาตรา 46 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3584/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ท. บิดาต่างด้าว: พิจารณาจากความเป็นจริงและวัตถุประสงค์การพัฒนาท้องถิ่น
การพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นหาได้มุ่งถือสถานะของบุคคลผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่เพียงฝ่ายเดียวเป็นสาระสำคัญไม่แต่จะต้องคำนึงถึงเชื้อชาติตามความเป็นจริง วัยและประสบการณ์ ตลอดจนความผูกพันต่อท้องถิ่นที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเกี่ยวข้องอยู่ด้วยในเขตเลือกตั้งประกอบกัน การที่ พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 ได้กล่าวถึงลักษณะและคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้ใน มาตรา 20และ มาตรา 20 ทวิ ก็เพื่อให้ได้ตัวสมาชิกสภาเทศบาลที่เป็นบุคคลในท้องถิ่น ซึ่งสามารถเข้ามามีสิทธิร่วมในการบริหารและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากวัตถุประสงค์ดังกล่าวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลที่มีบิดาเป็นคนต่างด้าว คำว่า "บิดา" จึงหมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3584/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ท. บิดาต่างด้าว: ศาลฎีกาวินิจฉัย 'บิดา' ตามกฎหมายครอบคลุมทั้งที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำว่า บิดา ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลพ.ศ. 2482 มาตรา 20 และ 20 ทวิ หมายถึง ทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3528/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งคำฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกา และการถือว่าจำเลยทราบคำสั่งตามที่ระบุไว้
วันที่ 25 มีนาคม 2535 ทนายความจำเลยผู้มีอำนาจใช้สิทธิฎีกาได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นฎีกาคำร้องคำแถลงเสียค่าฤชาธรรมเนียมศาลและนำหมายฎีกา ในวันเดียวกันนั้นเองเสมียนทนายได้ลงนามรับทราบข้อความที่ว่า "ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 1 เมษายน 2535 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว" ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 2535 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องฎีกาของจำเลยให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 5 วัน จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถือได้ว่าเป็นการทิ้งคำฟ้องฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษ การไม่ดำเนินการโดยทนายโจทก์ถือเป็นความบกพร่องของผู้ฟ้อง
การที่ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์ในวันครบกำหนดอุทธรณ์โดยอ้างว่า ตัวโจทก์ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่กรุงเทพมหานครขณะศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีนี้ ตัวโจทก์เดินทางไปต่างประเทศจึงไม่ทราบคำพิพากษา คดีมีทุนทรัพย์สูง ตัวโจทก์ต้องพิจารณาปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตลอดจนตระเตรียมค่าฤชาธรรมเนียมนั้น เมื่อทนายโจทก์สามารถดำเนินคดีแทนโจทก์ได้อยู่แล้ว หากจะอุทธรณ์คำพิพากษาไปก่อนโดยขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมเพื่อรอตัวโจทก์ก็อาจกระทำได้ แต่ก็มิได้ขวนขวายกระทำ การที่โจทก์ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ในกำหนดจึงเป็นเพราะความบกพร่องของตัวโจทก์และทนายโจทก์ มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3477/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องสงบ เปิดเผย และรู้ว่าเป็นทรัพย์ของผู้อื่น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 117 ตำบลม่วงสามสิบอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานีเนื้อที่ 2 งาน 84 ตารางวา โดย อ. ยกให้เมื่อ พ.ศ. 2512 ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2529 โจทก์ได้รังวัดสอบเขตจึงทราบว่าสิ่งปลูกสร้างอาทิเช่น ฉางข้าวที่ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 2372ตำบลม่วงสามสิบอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้ปลูกรุกล้ำแนวเขตที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ใช้ประโยชน์ในที่ดินส่วนนั้นไม่ได้ โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำแนวเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 117 ของโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินส่วนดังกล่าวและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ1,000 บาท ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายจึงไม่เคลือบคลุม ในชั้นอุทธรณ์โจทก์อุทธรณ์ว่า การจะได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้นผู้ครอบครอง (จำเลย)จะต้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้ครอบครองนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น (โจทก์) ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นต้องเป็นทรัพย์สินของผู้อื่น แต่หาจำต้องเป็นการครอบครองโดยรู้ว่าเป็นที่ดินของบุคคลอื่นไม่ โจทก์กลับฎีกาว่า การที่จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่นนั้น จะต้องครอบครองทรัพย์สินนั้นโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของแต่ตามพฤติการณ์การครอบครองของจำเลยมิได้เป็นเช่นนั้น คือทั้งโจทก์และจำเลยต่างฝ่ายต่างหวงห้ามต่อกันโดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของ ดังนั้น จะถือว่าจำเลยครอบครองโดยสงบมิได้ และการที่จำเลยปลูกฉางข้าวลงในที่ดินของโจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจะถือว่าจำเลยปลูกโรงเรือนโดยสุจริตมิได้ ทั้งการครอบครองของจำเลยยังไม่ถึง 10 ปีจำเลยจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นั้น เป็นการยกเหตุอื่นขึ้นมาเป็นข้ออ้างในชั้นฎีกา ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3432/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมทำร้ายร่างกายและฆ่าผู้อื่น โดยมีพฤติการณ์เป็นต้นเหตุของเรื่องและให้กำลังใจ
จำเลยเป็นต้นเหตุของเรื่อง หลังจากจำเลยถูกตีแล้วก็กลับไปนำ บ. และพวกมาก่อเหตุที่บ้านโจทก์ร่วมที่ 2 เมื่อ บ.ยิงผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ 2 แล้ว จำเลยก็ร้องตะโกนให้ฆ่าฝ่ายโจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเชิงให้กำลังใจ และรับรองการกระทำของ บ. จากนั้นก็พากันหลบหนีไปพร้อมกัน การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นตัวการ
of 86