พบผลลัพธ์ทั้งหมด 858 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4154/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวานและการใช้ปืนข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
ผู้เสียหายชกต่อยและกอดปล้ำกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1ดิ้นหลุดมาได้ จำเลยที่ 2 ก็ใช้ขวานซึ่งมีใบขวานกว้างประมาณ3 นิ้ว ฟันผู้เสียหายที่ชายโครงซ้ายศีรษะและท้ายทอย จำเลยที่ 1วิ่งไปหยิบปืนมาจ่อที่หน้าผู้เสียหายพร้อมพูดกับจำเลยที่ 2 ว่า"ฆ่าให้ตาย" และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลของผู้เสียหายว่าบาดแผลที่ชายโครงซ้ายยาว 9 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตรลึกตัดกระดูกซี่โครงข้างซ้ายซี่ที่ 9 และซี่ที่ 10 หัก กะบังลมทะลุและไตซ้ายฉีกขาด มีลำไส้ใหญ่โผล่จากปากบาดแผล หากไม่ได้รับการรักษาอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้ขวานฟันผู้เสียหายอย่างแรงประกอบกับเป็นขวานค่อนข้างใหญ่ จึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4077/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงตอบโต้ในสถานการณ์ที่ถูกยิงก่อนในพื้นที่เสี่ยง
ขณะเกิดเหตุมีเสียงปืนจากทางฝ่ายผู้ตายก่อน ขณะนั้นเป็นยามวิกาลและหมู่บ้านที่เกิดเหตุมีโจรผู้ร้ายชุกชุมย่อมมีเหตุอันสมควรที่จำเลย จะเข้าใจว่า ฝ่ายผู้ตายซึ่งใช้อาวุธปืนยิงก่อนนั้นเป็นคนร้ายและใช้อาวุธปืนยิงใส่ตนซึ่งขณะนั้นอยู่ห่างกันเพียงประมาณ 15 เมตร และจำเลยที่ 1 ไม่อาจทราบได้ว่าจะมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ตนอีกหรือไม่ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนคาร์ไปน์ยิงไปที่ผู้ตายทั้งชุดในภาวะเช่นนั้น จึงมิใช่เป็นการกระทำด้วยความประมาทและถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4067/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานและการยกประโยชน์แห่งความสงสัยในคดีอาญา
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวเบิกความยืนยันว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้มีดปลายแหลมจี้แล้วกระชากเอาสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไป แต่ผู้เสียหายตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่าผู้เสียหายกับจำเลยเป็นญาติกัน บ้านอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตรทางเข้าออกบ้านจำเลยต้องผ่านบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายกับจำเลยพบกันเป็นประจำ และเบิกความว่าหลังเกิดเหตุยังเห็นจำเลยขับรถจักรยานยนต์ผ่านไปมาตามปกติไม่ได้หลบหนีไปไหนแต่ทั้งผู้เสียหายและบิดาของผู้เสียหายไม่เคยพูดกับจำเลยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ผู้เสียหายเพิ่งแจ้งความหลังจากเกิดเหตุคดีนี้แล้วถึง17 วัน และเหตุที่จำเลยถูกจับกุมก็เป็นเรื่องอื่นมิใช่เพราะผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ แสดงว่าผู้เสียหายเองก็ไม่แน่ใจว่าจำเลยเป็นคนร้ายหรือไม่ พยานโจทก์มีเหตุอันควรสงสัย จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัย ให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4067/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่ชัดเจน ความสัมพันธ์ผู้เสียหาย-จำเลย และระยะเวลาแจ้งความ เป็นเหตุให้ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวเบิกความยืนยันว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้มีดปลายแหลมจี้แล้วกระชากเอาสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไป แต่ผู้เสียหายตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นญาติกัน บ้านอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเข้าออกบ้านจำเลยต้องผ่านบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายกับจำเลยพบกันเป็นประจำ และเบิกความว่าหลังเกิดเหตุยังเห็นจำเลยขับรถจักรยานยนต์ผ่านไปมาตามปกติไม่ได้หลบหนีไปไหนแต่ทั้งผู้เสียหายและบิดาของผู้เสียหายไม่เคยพูดกับจำเลยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใดผู้เสียหายเพิ่งแจ้งความหลังจากเกิดเหตุคดีนี้แล้วถึง 17 วัน และเหตุที่จำเลยถูกจับกุมก็เป็นเรื่องอื่นมิใช่เพราะผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ แสดงว่าผู้เสียหายเองก็ไม่แน่ใจว่าจำเลยเป็นคนร้ายหรือไม่ พยานโจทก์มีเหตุอันควรสงสัย จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3971/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดขายทอดตลาดและการประเมินราคาทรัพย์สินใหม่: ศาลไม่เห็นด้วยหากราคาเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาดทั่วไป
ตาม คำร้อง ของ จำเลย ที่ 1 ที่ ขอให้ งด การ ขายทอดตลาด ไว้ จนกว่า จะ มี การ ประเมิน ราคา ทรัพย์สิน ใหม่ จำเลย อ้าง เหตุ แต่เพียง ว่า เวลา ผ่าน ไป 1 ปี ทำให้ ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด ราคา สูง ขึ้น มิได้ อ้าง เหตุ ว่า เจ้าพนักงาน บังคับคดี ประเมิน ราคา ทรัพย์สิน ไว้ ไม่ชอบ อย่างไร ที่ จำเลย อ้างว่า เวลา ผ่าน ไป ทำให้ ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด มี ราคา สูง ขึ้น ชอบ ที่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี จะ ต้อง ตีราคา ทรัพย์สิน ใหม่ นั้น ราคา ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด อาจ มี การ ขึ้น ลง ได้ ตาม สภา ว การณ์ ทาง เศรษฐกิจ และ ราคา ที่ ขึ้น ลง นี้ เจ้าพนักงาน บังคับคดี หรือ ศาล จะ นำ มา ประกอบการ พิจารณา ใน ตอน ที่ จะ ใช้ ดุลพินิจ ให้ ขาย หรือไม่ ให้ ขาย ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด ไว้ เจ้าพนักงาน บังคับคดี หรือ ศาล มิได้ ถูก จำกัด ว่า จะ ต้อง ขาย ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด ใน ราคา ที่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ได้ ตีราคา ไว้ ใน ขณะที่ มี การ ยึดทรัพย์ ดังกล่าว จึง ยัง ไม่มี เหตุ ที่ ต้อง งด การ ขายทอดตลาด แล้ว ประเมิน ราคา ทรัพย์สิน ให้ ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3948/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองตามกฎหมายอาญา: การใช้มีดป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้าย
การที่จำเลยเดินออกจากบ้านมาตามถนนในหมู่บ้านเนื่องจากน้อยใจที่ถูกสามีดุด่า มีคนเข้ามาเตะก้นและจับแขนจำเลย จำเลยตกใจหันกลับไปพร้อมกับแกว่งมีดโต้ที่ถือมาเพื่อป้องกันตัวไป 3-4 ครั้งครั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องจึงจำได้ว่าเป็นผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำไปเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง และการกระทำดังกล่าวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3948/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองตามกฎหมายอาญา: ภยันตรายใกล้จะถึงและการใช้กำลังพอสมควร
การที่จำเลยเดินออกจากบ้านมาตามถนนในหมู่บ้านเนื่องจากน้อยใจที่ถูกสามีดุด่า มีคนเข้ามาเตะก้นและจับแขนจำเลย จำเลยตกใจหันกลับไปพร้อมกับแกว่งมีดโต้ที่ถือมาเพื่อป้องกันตัวไป 3 - 4 ครั้ง ครั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องจึงจำได้ว่าเป็นผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำไปเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง และการกระทำดังกล่าวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยขณะฟ้องคดีมีผลต่ออำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน
ขณะกระทำผิดจำเลยอายุยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ แต่ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีจำเลยอายุ 18 ปีเศษแล้ว จึงมิใช่เยาวชนตามความหมายของพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 4ใช้บังคับในขณะฟ้อง คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลคดีเด็กและเยาวชนตามมาตรา 8(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ชั่วคราวเพื่อใช้ส่วนตัว จำเป็นต้องขออนุญาตตามกฎหมายหรือไม่
จำเลยที่ 1 ติดตั้งเครื่องจักรทำการแปรรูปไม้ในสวนของกลางที่ยึดได้มีไม้สัก 88 แผ่น ไม้รัง 14 แผ่นและยังไม่มีไม้สักยังไม่ได้แปรรูป 12 ท่อน ถือได้ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นโรงงานแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 4(13) แล้ว แม้จำเลยที่ 1 ตั้งโรงงานเพื่อแปรรูปไม้เป็นการชั่วคราวเพื่อใช้ปลูกบ้านของตนเองก็ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 48
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3801/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคุ้มครองประโยชน์จากการบังคับคดีชั่วคราว หากพิสูจน์ได้ว่าการโอนหุ้นชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ร้องขอให้ปล่อยหุ้นที่ถูกยึด ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งและขอทุเลาการบังคับ ดังนี้พอแปลเจตนาได้ว่าผู้ร้องเกรงว่าหุ้นพิพาทอาจถูกขายทอดตลาดในระหว่างอุทธรณ์อันเป็นการบังคับในคดีเดิม จึงประสงค์จะให้มีการงดการขายหรือจำหน่ายหุ้นพิพาทไว้ก่อน ย่อมเป็นการขอให้สั่งคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 นั่นเอง หากพยานหลักฐานของผู้ร้องฟังได้ว่าการโอนหุ้นมาเป็นของผู้ร้องชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของผู้ร้องก็มีเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์อาจมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นได้ หากไม่งดการขายหรือจำหน่ายหุ้นพิพาทที่โจทก์นำยึดไว้ในระหว่างอุทธรณ์อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องได้ จึงมีเหตุอันสมควรที่จะคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์