คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุญส่ง วรรณกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,029 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลายต้องมีสิทธิเรียกร้องบังคับคดีได้ก่อน หากหมดสิทธิแล้ว ก็ไม่มีสิทธิฟ้องล้มละลาย
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม2518 ศาลอาญาออกหมายบังคับคดีลงวันที่ 1 สิงหาคม 2527 ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์จำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การบังคับคดีมิได้หมายความแต่เพียงว่าโจทก์ดำเนินการให้ศาลออกหมายบังคับคดีเท่านั้นแต่หมายถึงโจทก์ต้องไปแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์จำเลยทั้งสองมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามหมายบังคับคดีด้วย จึงจะสมบูรณ์ เมื่อปรากฏตามฟ้องโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะยึดมาขายทอดตลาดชำระหนี้ได้จึงแสดงอยู่ในตัวแล้วว่าโจทก์ไม่อาจขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองได้ การที่โจทก์ขอศาลออกหมายบังคับคดีภายในสิบปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาโดยมิได้มีการดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองตามขั้นตอนให้ครบถ้วนจนถึงขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลาพ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาดังกล่าวจากจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายในมูลหนี้เดียวกันนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: พฤติการณ์น่าสงสัยบ่งชี้ความรู้ว่าทรัพย์สินได้มาจากการลักทรัพย์ แม้ประกอบอาชีพสุจริต ศาลให้รอการลงโทษ
อ. เป็นลูกค้านำรถจักรยานยนต์มาซ่อมกับจำเลย จำเลยย่อมจะจำได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมาซ่อม และขายชิ้นส่วนเป็นรถของ อ.หรือไม่การที่อ.นำรถจักรยานยนต์มาซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ จำเลยอ้างว่าไม่มีทุนซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนให้แต่เมื่อ อ. บอกขายชิ้นส่วนอะไหล่ จำเลยกลับมีเงินซื้อ ปกติรถจะต้องมีป้ายทะเบียน แต่ขณะที่ อ. เอารถจักรยานยนต์มาให้จำเลยซ่อมและขายชิ้นส่วน กลับไม่ปรากฏว่ามีป้ายทะเบียน ประกอบกับรถจักรยานยนต์ที่ อ.นำมานั้นชิ้นส่วนยังดีอยู่ไม่น่าที่อ.จะถอดขาย พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมานั้น เป็นรถที่ถูกลักมา จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยประกอบอาชีพสุจริตตลอดมา ไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดอาญามาก่อน การกระทำผิดของจำเลยน่าจะเกิดจากความโลภควรรอการลงโทษจำเลยไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากพฤติการณ์สบประมาทและการเยาะเย้ยท้าทายของผู้ตายและชู้รักเข้าข่ายเหตุลดโทษตามมาตรา 72
ผู้ตาย นาย พ. และจำเลยรู้จักชอบพอกัน ผู้ตายอยู่กินฉันสามีภรรยากับจำเลย วันเกิดเหตุผู้ตายพาจำเลยไปบ้านนาย พ.ขณะที่จำเลยกับนาย พ.คุยกันตามลำพังจำเลยถามนายพ.ว่าผู้ตายมานอนค้างคืนกับนาย พ.หรือไม่นายพ. ตอบว่าผู้ตายมานอนค้างคืนกับนาย พ. และจะแต่งงานกัน จำเลยเรียกผู้ตายมาถามผู้ตายบอกว่ามานอนกับนาย พ. ทุกวัน จำเลยจึงพูดขึ้นว่าทำไมจึงหลอกกัน แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพราะโกรธผู้ตายที่ผู้ตายหลอก และไปนอนค้างคืนกับนาย พ.โดยจำเลยไม่ทราบมาก่อนว่าผู้ตายกับนายพ. มีสัมพันธ์สวาทกัน การที่ผู้ตายไปนอนค้างคืนกับนาย พ. และยังบอกจำเลยต่อหน้านาย พ.อย่างปราศจากความยำเกรงจำเลยจึงเป็นการเยาะเย้ยท้าทายจำเลยว่าได้ทำชู้กันอยู่เรื่อย ๆ จำเลยจะทำไม อันเป็นการยั่วยุอารมณ์ของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการสบประมาทจำเลยอย่างร้ายแรงโดยมิได้คาดคิดมาก่อน ย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยจะอดกลั้นโทสะไว้ได้เป็นการกดขี่ข่มเหงในทางจิตใจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยบันดาลโทสะขาดความยับยั้งชั่งใจ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกยั่วยุ: การกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และการลดโทษตามมาตรา 72
เมื่อจำเลยกับผู้ตายอยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยา การที่ผู้ตายไปนอนค้างคืนกับนาย พ.และผู้ตายยังบอกจำเลยต่อหน้านายพ.อย่างปราศจากความยำเกรงจำเลยว่า ผู้ตายมานอนกับนาย พ.ทุกคืน จึงเป็นการเยาะเย้ยท้าทายจำเลยว่าได้ทำชู้ กันอยู่เรื่อย ๆจำเลยจะทำไม อันเป็นการยั่วยุอารมณ์ของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการสบประมาทจำเลยอย่างร้ายแรง โดยมิได้คาดคิดมาก่อน ย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยจะอดกลั้นไว้ได้ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการกดขี่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรง การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในทันทีจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องจำเลยไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลงหลังสัญญาซื้อขายหุ้น การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน และอำนาจฟ้องของเจ้าของกิจการ
บรรยายฟ้องว่า บริษัทค. เป็นหนี้โจทก์ 1,811,515.90เหรียญฮ่องกงเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2526 บริษัทค. บริษัทบ.และจำเลย ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นกัน โจทก์จำเลยและ บริษัทค. ตกลงให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์แทนบริษัทค.เป็นเงิน 1,700,000เหรียญฮ่องกง หนี้ถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เป็นการบรรยายเกี่ยวกับสภาพแห่งข้อหาโดยละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจได้ดีแล้ว หาจำต้องบรรยายว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์เนื่องมาจากการแปลงหนี้ใหม่หรือการโอนสิทธิเรียกร้องไม่ ส่วนที่ระบุชื่อโจทก์ในฟ้องว่า "นายสุทินฟุ้งสาธิต ในฐานะเจ้าของและผู้จัดการผู้มีอำนาจรามาทัวร์แอนด์เทรดดิ้งคอมปานี และในฐานะส่วนตัว" นั้น โจทก์ได้บรรยายฟ้องต่อมาว่า โจทก์ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจการค้าใช้ชื่อทางการค้าว่ารามาทัวร์แอนด์เทรดดิ้งคอมปานี โดยโจทก์เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวและเป็นผู้จัดการมีอำนาจเต็มอ่านโดยตลอดแล้วย่อมเข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องในฐานะเป็นเจ้าของกิจการดังกล่าวซึ่งมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม การประกอบธุรกิจทางการค้า ผู้ประกอบธุรกิจจะตั้งชื่อร้านหรือกิจการของตนได้โดยไม่จำต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล โจทก์เป็นเจ้าของกิจการจึงมีอำนาจฟ้องในฐานะส่วนตัว หนังสือสัญญาระบุว่า จำเลยตกลงจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์ภายใน 90 วันนับจากวันที่ทำสัญญาซื้อขายระหว่างบริษัทค. และบริษัทบ. กับจำเลย เมื่อ บริษัทค. บริษัทบ. และจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกันแล้วตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2526ข้อที่จำเลยอ้างว่าสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะไม่สามารถโอนหุ้นกันได้เป็นเรื่องระหว่างคู่สัญญาหาอาจนำมาอ้างกับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ไม่ ข้อตกลงจึงมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2526การนับระยะเวลา 90 วัน จึงเริ่มนับแต่นั้นเป็นต้นไป และครบกำหนดชำระแล้ว จำเลยเป็นคนไทยจะชำระหนี้เป็นเงินเหรียญฮ่องกง ปกติจำเลยก็ต้องไปซื้อเงินเหรียญฮ่องกงจากธนาคาร อัตราแลกเปลี่ยนเงินก็ต้องเป็นไปตามอัตราขายของธนาคาร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการชำระหนี้ล้มละลาย: การชำระหนี้ภายใน 3 เดือนก่อนล้มละลายโดยมีเจตนาให้เจ้าหนี้ได้เปรียบ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ที่จำเลยชำระให้แก่โจทก์ ตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483อ้างว่าเป็นการชำระหนี้ภายใน 3 เดือน ก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้ได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านเพียงว่า ผู้คัดค้านได้รับชำระหนี้ไว้โดยสุจริตและโจทก์ไม่มีอำนาจขอรับชำระหนี้เพราะให้จำเลยกู้ยืมโดยรู้อยู่ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว มิได้คัดค้านว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านเกินกว่า 3 เดือน ก่อนมีการขอให้ล้มละลายและมิได้มุ่งหมายให้เจ้าหนี้ได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธินำสืบในประเด็นดังกล่าว เมื่อผู้ร้องนำสืบได้ความตามคำร้องแล้ว คดีย่อมวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานกันต่อไปเพราะข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านที่ว่าได้รับชำระหนี้ไว้โดยสุจริตก็ดี โจทก์ไม่มีอำนาจขอรับชำระหนี้ก็ดี หาได้เป็นข้อสาระสำคัญในการพิจารณาเพิกถอนการโอนหรือการกระทำของจำเลยตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการชำระหนี้ก่อนล้มละลาย: การชำระหนี้ภายใน 3 เดือนก่อนล้มละลายโดยมีเจตนาให้เจ้าหนี้ได้เปรียบเสียเปรียบ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ที่จำเลยชำระให้แก่ผู้คัดค้าน ตามความในมาตรา 115แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดยอ้างว่าเป็นการชำระหนี้ภายใน 3 เดือน ก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย โดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้ได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านเพียงว่า ผู้คัดค้านได้รับชำระหนี้โดยสุจริตและโจทก์ไม่มีอำนาจขอรับชำระหนี้เพราะให้จำเลยกู้ยืมโดยรู้อยู่ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว มิได้คัดค้านว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านเกินกว่า3 เดือน ก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายและมิได้มุ่งหมายให้เจ้าหนี้ได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน จึงไม่มีสิทธินำสืบในประเด็นดังกล่าว เมื่อผู้ร้องนำสืบได้ความตามคำร้องแล้ว คดีจึงวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานกันต่อไป เพราะข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านที่ว่า ได้รับชำระหนี้ไว้โดยสุจริตก็ดี โจทก์ไม่มีอำนาจขอรับชำระหนี้ก็ดี หาได้เป็นข้อสาระสำคัญในการพิจารณาเพิกถอนการโอนหรือการกระทำของจำเลยตามความในมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติ ล้มละลายฯ ไม่ การเพิกถอนการชำระหนี้เป็นไปโดยผลของคำพิพากษาตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนก็ยังถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยชอบอยู่ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันที่ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนอันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านต้องรับผิดชำระดอกเบี้ย ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการชำระหนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลฎีกาและการทิ้งฟ้อง: คดีสาขาแยกต้องเสียค่าธรรมเนียมรายคดี หากไม่ชำระถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นคนละฉบับกัน เป็นคดีสาขาคนละคดี แม้ศาลชั้นต้นจะรวมพิจารณาเข้าด้วยกัน และผู้ร้องทั้งสองยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาในฎีกาฉบับเดียวกัน ผู้ร้องทั้งสองก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นรายคดีไป เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้ครบถ้วน และศาลชั้นต้นได้มีหมายแจ้งให้ผู้ร้องทั้งสองทราบแล้ว แต่ผู้ร้องทั้งสองไม่ชำระกรณีถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลฎีกาและการทิ้งฟ้อง: ผู้ร้องเพิกเฉยไม่ชำระค่าขึ้นศาลถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นคนละฉบับกัน เป็นคดีสาขาคนละคดี แม้ศาลชั้นต้นจะรวมพิจารณาเข้าด้วยกัน และผู้ร้องทั้งสองยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาในฎีกาฉบับเดียวกัน ผู้ร้องทั้งสองก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นรายคดีไป เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้ครบถ้วน และศาลชั้นต้นได้มีหมายแจ้งให้ผู้ร้องทั้งสองทราบแล้ว แต่ผู้ร้องทั้งสองไม่ชำระ กรณีถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลายโดยไม่สุจริตเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน
การที่จำเลยทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยซึ่งมีราคาสูงกว่า แลกเปลี่ยนกับที่ดินของผู้คัดค้านซึ่งเป็นที่ดินว่างเปล่าและไม่ติดถนนให้แก่ผู้คัดค้าน ในระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้ล้มละลาย เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต ผู้ร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 114.
of 103