คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุญส่ง วรรณกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,029 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นปรับ และประเด็นความแตกต่างของข้อเท็จจริงระหว่างฟ้องกับพิจารณา
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน เป็นให้ปรับ 2,000 บาท อีกสถานหนึ่งส่วนโทษจำคุกให้รอไว้นั้น ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 การที่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225ประกอบด้วยมาตรา 195 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(4) ให้คำนิยามคำว่า "เคหสถาน"ว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เช่นเรือน โรง เรือ หรือแพ ซึ่งคนอยู่อาศัย และให้หมายความรวมถึงบริเวณของที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วยจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยบุกขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายนั้น ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบุกรุกเคหสถาน: ข้อเท็จจริงตามฟ้องต้องสอดคล้องกับการพิจารณา
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน เป็นให้ปรับ 2,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ส่วนโทษจำคุกให้รอไว้นั้น ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212
การที่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ จำเลยก็ฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 195 วรรคสอง
ป.อ.มาตรา 1 (4) ให้คำนิยามของคำว่า "เคหสถาน"ว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เช่นเรือน โรง เรือ หรือแพ ซึ่งคนอยู่อาศัย และให้หมายความรวมถึงบริเวณของที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วยจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยบุกขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายนั้น ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกตามพินัยกรรม: การปฏิเสธการเป็นผู้จัดการมรดก และสิทธิของผู้รับผลประโยชน์
ข้อกำหนดพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้คัดค้านเป็นส่วนใหญ่และตั้งพันโทหญิงม. และนางม. บุตรผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านให้ทนายความแจ้งไปยังพันโทหญิงม.และนางม.ว่าจะรับเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ คนทั้งสองได้รับหนังสือแล้วไม่ตอบรับเป็นผู้จัดการมรดกภายใน 1 เดือน นับแต่วันรับแจ้งความ ถือได้ว่าคนทั้งสองปฏิเสธที่จะรับเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1717 ไม่สมควรตั้งให้เป็นผู้จัดการ....มรดกของผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็ค: การแก้ไขวันที่เช็คไม่ทำให้เกิดความผิดใหม่ ฟ้องพ้นอายุความหากเกิน 3 เดือนนับจากปฏิเสธการจ่ายครั้งแรก
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2529 โจทก์จะต้องฟ้องคดีภายในสามเดือน นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก การที่จำเลยแก้ไขวันเดือนปีในเช็คพิพาทเป็นวันที่31 ธันวาคม 2531 แล้วมอบให้โจทก์ไปเรียกเก็บเงินอีกครั้งหนึ่งแต่ธนาคารตามเช็คคงปฏิเสธการจ่ายเงินเช่นเดิม จะถือว่าจำเลยกระทำผิดครั้งใหม่ไม่ได้ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 23มกราคม 2532 เกิน 3 เดือน นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คครั้งแรก จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็ค: การแก้ไขวันเดือนปีเช็คไม่ทำให้เกิดความผิดฐานเช็คใหม่
ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คครั้งแรกเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2529 การที่จำเลยแก้ไขวันเดือนปีในเช็คพิพาทเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2531 แล้วมอบให้โจทก์ไปเรียกเก็บเงินอีกครั้ง และธนาคารตามเช็คคงปฏิเสธการจ่ายเงินเช่นเดิมนั้น จะถือว่าจำเลยกระทำผิดครั้งใหม่ไม่ได้ การฟ้องคดีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้นต้องฟ้องภายใน 3 เดือน นับแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินบาดแผลทางกายเพื่อกำหนดความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
โจทก์ร่วมมีบาดแผล 2 แห่ง คือที่ใต้ศอกขวา แผลยาวประมาณ2 เซนติเมตร ลึกใต้ผิวหนังและบวม กับที่หางตาขวาบวมแดงพื้นที่ประมาณ 1x1 เซนติเมตร แพทย์ลงความเห็นว่าแผลถูกของแข็งรักษาประมาณ 7 วัน ถือเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ถึงบาดเจ็บจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตาม ป.อ. มาตรา 391.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายเล็กน้อยไม่ถึงอันตรายแก่กาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
โจทก์ร่วมมีบาดแผลที่ถูกจำเลยทำร้ายที่ใต้ศอกขวาแผลยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ลึกใต้ผิวหนังและบวม หางตาขวาบวมแดงพื้นที่ประมาณ 1x1 เซนติเมตร แพทย์ลงความเห็นว่า แผลถูกของแข็งรักษาประมาณ 7 วัน ถือเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กายจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชนรถยนต์จากความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด
โจทก์ที่ 2 ใช้สิทธิเฉพาะตัวฟ้องให้จำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างและจำเลยที่ 3ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ให้รับผิดจากการที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ดังกล่าวโดยประมาทชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2เป็นเงิน 10,000 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัย อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 2 เป็นการไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่า กันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 และ ส. คนขับรถของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ต่างขับรถยนต์ชนกันโดยประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ทั้งสองฝ่ายจึงไม่ต้องรับผิด ต่อ กันจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลย ที่ 2 ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย แก่โจทก์ที่ 1 ที่ 2ผู้ครอบครองและเจ้าของรถยนต์ที่ชนกับรถยนต์ คันที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัย และเนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวด้วย การชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ฎีกาก็ให้มี ผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของพนักงานรถไฟและผลต่อความรับผิดทางอาญาต่อการชนจนมีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย
จำเลยที่ 1 เป็นนายตรวจกลประจำโรงจักรดีเซลบางซื่อติดเครื่องยนต์รถจักรดีเซล โดยมิได้ตรวจดูให้แน่ก่อนว่าคันเร่งรอบเครื่องยนต์คันเปลี่ยนอาการและคันบังคับการไฟฟ้าอยู่ในตำแหน่งที่ว่าง และลงจากรถจักรไปโดยไม่ได้ดับเครื่องยนต์ เป็นเหตุให้รถจักรดีเซลแล่นออกไปโดยไม่มีคนขับ ไปชนคนตายและบาดเจ็บ ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาท เครื่องตกรางที่ 1 อยู่ในเขตรางที่ 6 ซึ่งในวันเกิดเหตุมีประกาศปิดรางเพื่อซ่อมจึงเป็นทางปิด เมื่อปิดทางแล้วทางนั้นก็อยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบำรุงทางที่จะถอดรางออกถอดประแจ ถอนไม้หมอนออกได้ ข้อบังคับและระเบียบการเดินรถพ.ศ. 2524 ข้อ 107(1) ที่กำหนดให้ปิดเครื่องตกรางและกลับประแจให้อยู่ในท่าทางประธานนั้นใช้สำหรับทางเปิดเดินรถเป็นปกติไม่ได้ใช้บังคับแก่ทางปิด เพราะทางปิดนั้นตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถห้ามมิให้ขบวนรถผ่านเข้าไปโดยเด็ดขาด จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานควบคุมย่านสถานีรถไฟบางซื่อมีหน้าที่ควบคุมขบวนรถไฟต่าง ๆ ที่ผ่านสถานีรถไฟบางซื่อและควบคุมการเข้าออกของหัวรถจักรดีเซลบริเวณโรงรถจักรดีเซล การที่จำเลยที่ 2 เปิดเครื่องตกรางที่ 1 โดยไม่ได้ปิด จึงไม่อยู่ในข้อบังคับและระเบียบการเดินรถดังกล่าว อย่างไรก็ตามการที่จำเลยที่ 2 เปิดเครื่องตกรางที่ 1 ก็เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบำรุงทางขอให้เปิดเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบำรุงทางนำรถผลักเบาบรรทุกอุปกรณ์การซ่อมทางเข้าไปจึงนับว่ามีเหตุผลอันสมควรในระหว่างที่จำเลยที่ 2 เปิดเครื่องตกรางที่ 1 นั้น รถจักรดีเซลคันเกิดเหตุได้แล่นออกไปโดยไม่มีคนขับและก่อให้เกิดความเสียหายเป็นเหตุให้คนตายและบาดเจ็บ ที่ปลายทางสถานีรถไฟหัวลำโพงซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยที่ 2 ย่อมไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น จึงไม่เป็นการกระทำโดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: ค่าทดแทนตามราคาตลาดในวันพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ มิใช่ราคาปัจจุบัน
ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงจังหวัดสายสันทราย-พร้าว พ.ศ. 2513 ซึ่งตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515ข้อ 87 กำหนดให้นำบทบัญญัติในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างและขยายทางหลวงมาใช้บังคับแก่การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังดำเนินอยู่ในวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับด้วย การกำหนดค่าทดแทนที่ดินให้โจทก์จึงต้องเป็นไปตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295ข้อ 76 ค่าทดแทนสำหรับที่ดินของโจทก์จึงต้องกำหนดเท่ากับราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงจังหวัดสายสันทราย-พร้าว พ.ศ. 2513 ใช้บังคับคือ ในวันที่ 14 ตุลาคม 2513 หาใช่ราคาปัจจุบันของที่ดินในขณะฟ้องไม่
of 103