คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุญส่ง วรรณกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,029 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดของผู้รับประกันภัย และความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของรถยนต์ต่อผู้ให้เช่าซื้อ ย่อมมีสิทธิเอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวตาม ป.พ.พ.มาตรา 863 ได้ และเมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยแล้วย่อมได้รับช่วงสิทธิเรียกร้อง ค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดได้ตาม มาตรา 227 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ไปส่งคนงานของจำเลยที่ 2 ตามที่ต่าง ๆแล้วเกิดเหตุขณะที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กลับสำนักงานของจำเลยที่ 2ตามเส้นทางการทำงานของจำเลยที่ 2 จึงถือได้ว่าเกิดเหตุขณะกระทำการ ในทางการของจำเลยที่ 2 แม้ในระหว่างทางจำเลยที่ 1 จะได้แวะ ทำธุระ ส่วนตัวบ้างก็ไม่ทำให้การนำรถยนต์เข้าเก็บที่สำนักงานของจำเลย ที่ 2 พ้นจากการกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารที่ไม่ถูกต้องในการแก้ไขปีเกิด และการพิสูจน์ปีเกิดที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ศาลยกฟ้อง
พยานทุกปากที่โจทก์นำสืบไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่าจำเลยเกิดปีใดแน่ คงมีแต่ จ. ม. และ ท. พยานโจทก์เบิกความอ้างถึงทะเบียนนักเรียนของจำเลยว่า ตามเอกสารดังกล่าวปีเกิดของจำเลยเป็น พ.ศ. 2470 แต่ได้มีการแก้ไขเป็น พ.ศ. 2476 โดยพยานทั้งสามไม่มีผู้ใดทราบว่าจำเลยเกิดปีใด พยานโจทก์เป็นที่สงสัยไม่แน่ชัดว่า จำเลยเกิดปีใด ฟังไม่ได้ว่าข้อความที่จำเลยแจ้งว่าจำเลยเกิดปีพ.ศ. 2476 เป็นเท็จ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานถูกบังคับให้การเท็จ คำให้การในชั้นศาลมีน้ำหนักกว่าคำรับสารภาพในชั้นจับกุมที่ไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยหลักฐานอื่น
ส. พยานโจทก์เบิกความว่า พยานไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำผิดภรรยาของผู้เสียหายบังคับให้พยานไปให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าพยานกับจำเลยเป็นผู้กระทำผิด พยานจึงให้การไปเช่นนั้น โดยพนักงานสอบสวนรับว่าจะกันพยานไว้เป็นพยาน ขณะเกิดเหตุพยานเป็นลูกจ้าง ผู้เสียหายและ ร. พี่สาวผู้เสียหายเป็นผู้พาพยานไปให้การต่อพนักงานสอบสวนจึงเป็นไปได้ว่าพยานอาจถูกบังคับให้ไปให้การจริง คำให้การของพยานในชั้นสอบสวนจึงไม่น่าเชื่อถือ ส่วนคำเบิกความในชั้นศาลนั้นพยานเบิกความหลังจากลาออกจากงานที่อู่ของผู้เสียหายแล้วฝ่ายผู้เสียหายจึงไม่อาจบังคับพยานได้อีกต่อไป น่าเชื่อว่าพยานได้เบิกความไปตามความจริง คำเบิกความของพยานจึงมีน้ำหนัก คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลย เป็นเพียงพยานบอกเล่าเมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ลำพังแต่เพียงคำให้การรับสารภาพดังกล่าว ไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6440/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียก แม้จะวางเงินค่าส่งแล้ว
ในคดีอาญาศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาและนัดสืบพยานโจทก์ ให้โจทก์นำส่งหมายภายใน7 วัน หากไม่นำส่งให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง โจทก์ทราบคำสั่งแล้วทนายโจทก์นำเงินค่าส่งหมายไปวางต่อเจ้าพนักงานศาลแต่มิได้นำส่งถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบ อันเป็นการทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียจากสารบบความ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1)ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6390/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษจำคุกจากความผิดฐานบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด พิจารณาจากฐานะครอบครัวและประวัติผู้ต้องหา
จำเลยมีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนดจำเลยมีมารดา มีภรรยากำลังตั้งครรภ์ 7 เดือน ภรรยามีอาชีพรับจ้างได้เงินเดือนละ 500 บาท แสดงว่าจำเลยเป็นกำลังสำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัว ประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องรับโทษจำคุกมาก่อน พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6042/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและผลกระทบต่อคำคัดค้าน การดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านขอให้ศาลยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของ ค.ผู้ตาย ผู้คัดค้านที่ 2 ก็ยื่นคำคัดค้านเช่นเดียวกันโดยขอให้ศาลยกคำร้องของผู้ร้องและขอให้ศาลตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายในวันนัดไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านทั้งสองไม่ค้าน ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องขอ ให้จำหน่ายคดีเฉพาะผู้ร้องกับให้ผู้คัดค้านที่ 2 นำพยานเข้าไต่สวนทันทีซึ่งกรณีเช่นนี้ ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับให้ศาลต้องเลื่อนกระบวนพิจารณาไปโดยไม่ต้องมีผู้ใดร้องขอ ศาลชอบที่ดำเนินกระบวน-พิจารณาไปตามประเด็นที่ปรากฏในคำคู่ความ ประเด็นในคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1มีแต่เพียงว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้หรือไม่ เมื่อผู้ร้องขอถอนคำร้องและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปเมื่อผู้คัดค้านที่ 1 ไม่ร้องขอเลื่อนการพิจารณาไปเพื่อดำเนินการอย่างใด ศาลย่อมต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามกระบวนพิจารณาที่กำหนดไว้ได้
เมื่อผู้ร้องขอถอนคำร้องของผู้ร้องไปแล้ว ประเด็นตามคำร้องของผู้ร้องย่อมหมดไป คำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 ที่คัดค้านคำร้องของผู้ร้องจึงตกไปด้วยส่วนคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 2 นอกจากให้ยกคำร้องผู้ร้องแล้วยังได้ร้องขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ด้วย ดังนั้น ประเด็นเรื่องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้านที่ 2ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย คำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 2 จึงหาตกไปไม่ ศาลต้องดำเนิน-กระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6042/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก และการดำเนินกระบวนพิจารณาต่อประเด็นการตั้งผู้จัดการมรดกรายใหม่
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านขอให้ศาลยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของ ค.ผู้ตาย ผู้คัดค้านที่ 2 ก็ยื่นคำคัดค้านเช่นเดียวกันโดยขอให้ศาลยกคำร้องของผู้ร้องและขอให้ศาลตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายในวันนัดไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านทั้งสองไม่ค้าน ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องขอ ให้จำหน่ายคดีเฉพาะผู้ร้องกับให้ผู้คัดค้านที่ 2 นำพยานเข้าไต่สวนทันทีซึ่งกรณีเช่นนี้ ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับให้ศาลต้องเลื่อนกระบวนพิจารณาไปโดยไม่ต้องมีผู้ใดร้องขอ ศาลชอบที่ดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามประเด็นที่ปรากฏในคำคู่ความ ประเด็นในคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 มีแต่เพียงว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้หรือไม่เมื่อผู้ร้องขอถอนคำร้องและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไป เมื่อผู้คัดค้านที่ 1 ไม่ร้องขอเลื่อนการพิจารณาไปเพื่อดำเนินการอย่างใดศาลย่อมต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามกระบวนพิจารณาที่กำหนดไว้ได้ เมื่อผู้ร้องขอถอนคำร้องของผู้ร้องไปแล้ว ประเด็นตามคำร้องของผู้ร้องย่อมหมดไป คำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 ที่คัดค้านคำร้องของผู้ร้องจึงตกไปด้วยส่วนคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 2นอกจากให้ยกคำร้องผู้ร้องแล้วยังได้ร้องขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ด้วย ดังนั้น ประเด็นเรื่องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้านที่ 2 ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย คำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 2 จึงหาตกไปไม่ ศาลต้องดำเนินกระบวน พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้หลังฟ้องคดีเช็ค: คดีเลิกกันตามกฎหมายเช็คและสิทธิฟ้องอาญาเป็นอันระงับ
คดีความผิดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 7 และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(3).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับความผิดฐานออกเช็คเมื่อชำระหนี้ครบถ้วน ทำให้คดีเลิกกันตามกฎหมายเช็คและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ร่วมครบถ้วนแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดคดีเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5855/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: รอการลงโทษเมื่อจำเลยรับสารภาพ ชำระหนี้บางส่วน และโจทก์บังคับคดีทางแพ่งได้
คดีความผิดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 แม้กฎหมายกำหนดโทษจำคุกไว้ แต่เป็นความผิดอันเกิดจากความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพมาตั้งแต่ต้นทั้งโจทก์ได้รับชำระหนี้บางส่วนเป็นจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของหนี้สินทั้งหมด สำหรับหนี้ส่วนที่ค้างชำระโจทก์ก็อาจบังคับเอากับจำเลยในทางแพ่งได้อีกเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จึงสมควรรอการลงโทษจำเลยไว้.
of 103