พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,029 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความ, การรับสภาพหนี้, และการฟ้องเรียกหนี้ค่าสินค้า: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยได้สั่งซื้อสินค้าโจทก์รวมเป็นเงินเท่าใด จำเลยได้รับสินค้าแล้วไม่ชำระ โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระแล้ว ก็เป็นการบรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจและสามารถต่อสู้คดีได้แล้ว ส่วนวิธีการสั่งซื้อสินค้า การรับส่งสินค้า การชำระเงินค่าสินค้า และการทวงถามนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่นำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม มูลหนี้เดิมขาดอายุความ แต่ต่อมาจำเลยได้ทำหนังสือรับว่าเป็นหนี้โจทก์และจะชำระหนี้ให้นั้นเป็นหนังสือรับสภาพความรับผิดโดยสัญญาถือได้ว่าจำเลยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์อีกหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องยืมทองคำ: สภาพแห่งข้อหา, รายละเอียดทรัพย์สิน, คำขอท้ายฟ้อง, และอายุความ
คำว่า "สภาพแห่งข้อหา" ที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 172วรรคสอง หมายถึงเหตุหรือสิทธิของโจทก์ที่ขอให้ศาลบังคับเอาแก่จำเลยว่า โจทก์มีเหตุหรือสิทธิอย่างไรเหนือจำเลย โจทก์อ้างนิติกรรมคือสัญญาเป็นเหตุแห่งข้ออ้างเพื่อบังคับจำเลย โดยบรรยายโดยแจ้งชัดแล้วว่า สภาพแห่งข้อหาคือ ยืม และได้บรรยายต่อไปถึงทรัพย์สินที่ยืมโดยละเอียดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจได้ทั้งโจทก์ก็มิได้ฟ้องเรียกทรัพย์คืน หากแต่ฟ้องเรียกราคาทรัพย์ที่มีการตกลงกันไว้ในการยืมแล้วเป็นจำนวนแน่นอน โจทก์จึงหาต้องบรรยายรายละเอียดให้มากกว่านี้ไม่ ส่วนที่โจทก์มิได้ขอให้จำเลยคืนทรัพย์ซึ่งยืมไป โจทก์ก็มีสิทธิขอได้ คำขอของโจทก์แจ้งชัดแล้วหากบังคับจำเลยไม่ได้ ศาลก็ไม่บังคับให้ หาใช่เรื่องเคลือบคลุมไม่ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งต่อการทำละเมิดของลูกจ้าง แม้จะลงชื่อแทนบุคคลอื่นและได้รับประโยชน์
จำเลยลงชื่อเป็นผู้ประกอบการขนส่งรถยนต์คันเกิดเหตุแทน ธ.โดยได้ผลประโยชน์ตอบแทน ดังนั้น เมื่อ ป. ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งการทำละเมิดนั้นด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งซื้อสินค้าโดยกรรมการผู้จัดการของบริษัทจำกัด ถือเป็นการกระทำแทนบริษัท และขอบเขตความรับผิดชอบต่อค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมี ส. เป็นกรรมการผู้จัดการการที่ ส. สั่งซื้อกรอบรูปจากโจทก์แม้จะลงลายมือชื่อในใบสั่งซื้อเพียงผู้เดียว ก็ถือได้ว่า ส. ทำการแทนจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดชอบตามใบสั่งซื้อดังกล่าว จำเลยสั่งซื้อกรอบรูปจากโจทก์แล้วผิดสัญญา เงินกำไรที่โจทก์จะได้รับจากการขายกรอบรูปย่อมเป็นค่าเสียหายตามปกติอันเกิดจากการผิดสัญญาของจำเลย จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชดใช้ให้โจทก์ ส่วนค่าจ้างทำแม่พิมพ์กรอบรูปนั้น โจทก์มีข้อตกลงกับ ท.ซึ่งโจทก์ว่าจ้างให้ทำกรอบรูปเพื่อขายให้จำเลยว่า หากมีการส่งมอบกรอบรูปให้จำเลยเรียบร้อยค่าจ้างแม่พิมพ์ ท. จะเป็นผู้ออก แต่หากผิดสัญญาโจทก์ต้องรับผิดชอบเอง เช่นนี้ แม้ค่าจ้างทำแม่พิมพ์จะเป็นค่าเสียหายอันเนื่องจากการที่จำเลยผิดสัญญา แต่ก็เป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษซึ่งจำเลยไม่สามารถคาดเห็นหรือควรจะคาดเห็นได้ก่อนล่วงหน้า โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของกรรมการผู้จัดการจากการลงนามในใบสั่งซื้อแทนบริษัท และการจำกัดขอบเขตค่าเสียหายจากการผิดสัญญา
จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมี ส. เป็นกรรมการผู้จัดการ การที่ ส. สั่งซื้อกรอบรูปจากโจทก์แม้จะลงลายมือชื่อในใบสั่งซื้อเพียงผู้เดียว ก็ถือได้ว่า ส. ทำการแทนจำเลยจำเลยจึงต้องรับผิดชอบตามใบสั่งซื้อดังกล่าว จำเลยสั่งซื้อกรอบรูปจากโจทก์แล้วต่อมาเป็นฝ่ายผิดสัญญาเงินกำไรที่โจทก์จะได้รับจึงเป็นค่าเสียหายตามปกติอันเกิดจากการผิดสัญญาของจำเลย จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ชดใช้ให้โจทก์ ส่วนค่าจ้างทำแม่พิมพ์กรอบรูปนั้น โจทก์มีข้อตกลงกับ ท. ซึ่งโจทก์ว่าจ้างให้ทำกรอบรูปเพื่อขายให้จำเลยว่า หากมีการส่งมอบกรอบรูปให้จำเลยเรียบร้อยค่าจ้างแม่พิมพ์ ท. จะเป็นผู้ออก แต่หากผิดสัญญาโจทก์ต้องรับผิดชอบเองเช่นนี้ แม้ค่าจ้างทำแม่พิมพ์จะเป็นค่าเสียหายอันเนื่องจากการที่จำเลยผิดสัญญา แต่ก็เป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษซึ่งจำเลยไม่สามารถคาดเห็นหรือควรจะคาดเห็นได้ก่อนล่วงหน้า โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อในการคัดค้านการยึดทรัพย์ – ทรัพย์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ
ผู้ร้องเป็นคู่สัญญาเช่าซื้อทรัพย์ที่ถูกยึด แม้จะชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบ แต่ในระหว่างสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องมีสิทธิยึดถือประโยชน์ตลอดจนต้องรับผิดในความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดแก่ทรัพย์ที่ถูกยึด และเมื่อผู้ร้องชำระค่าเช่าซื้อครบย่อมได้กรรมสิทธิ์ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เมื่อทรัพย์ที่ผู้ร้องเช่าซื้อมาถูกยึด ถือได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์ที่ถูกยึดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ผู้ร้องจึงร้องขัดทรัพย์ได้ตามป.วิ.พ. มาตรา 288 ปรากฏว่าผู้ร้องเช่าซื้อทรัพย์ที่ถูกยึดมาและยังใช้เงินไม่ครบ ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ ไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยศาลต้องปล่อยทรัพย์ที่ยึด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อในการขัดทรัพย์เมื่อถูกยึด – ทรัพย์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ
ผู้ร้องเป็นคู่สัญญาเช่าซื้อทรัพย์ที่ถูกยึด แม้จะชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบ แต่ในระหว่างสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องมีสิทธิยึดถือประโยชน์ตลอดจนต้องรับผิดในความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดแก่ทรัพย์ที่ถูกยึด และเมื่อผู้ร้องชำระค่าเช่าซื้อครบย่อมได้กรรมสิทธิ์ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เมื่อทรัพย์ที่ผู้ร้องเช่าซื้อมาถูกยึด ถือได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์ที่ถูกยึดตามป.วิ.พ. มาตรา 55 ผู้ร้องจึงร้องขัดทรัพย์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 ปรากฏว่าผู้ร้องเช่าซื้อทรัพย์ที่ถูกยึดมาและยังใช้เงินไม่ครบ ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ ไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยศาลต้องปล่อยทรัพย์ที่ยึด
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2534)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2534)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อในการคัดค้านการยึดทรัพย์ - ทรัพย์สินยังไม่ตกเป็นของจำเลย
ผู้ร้องเป็นคู่สัญญาเช่าซื้อทรัพย์ที่ถูกยึด แม้จะชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบ แต่ในระหว่างสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องมีสิทธิยึดถือใช้ประโยชน์ตลอดจนต้องรับผิดในความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดแก่ทรัพย์ที่ถูกยึด และเมื่อผู้ร้องชำระค่าเช่าซื้อครบย่อมได้ กรรมสิทธิ์ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียเมื่อทรัพย์ที่ผู้ร้องเช่าซื้อถูกยึด ถือได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์ที่ถูกยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ผู้ร้องจึงร้องขัดทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ผู้ร้องเช่าซื้อทรัพย์ที่ถูกยึดมาและยังใช้เงินไม่ครบ ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ ไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลย ศาลต้องปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดตามคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจัดทำเฟอร์นิเจอร์ชำรุด ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบความเสียหายและรื้อถอน
โจทก์จ้างจำเลยที่ 3 ควบคุมดูแล การทำงานของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 ละเลยไม่ควบคุมให้จำเลยที่ 1 ดำเนินการจัดทำงานตามแบบที่ตนได้เขียนขึ้น จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำเฟอร์นิเจอร์ไม่ตรงตามแบบแปลนและทำไม่แล้วเสร็จ เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาและว่าจ้างผู้อื่นทำต้องว่าจ้างในราคาที่สูงขึ้นเพราะวัสดุราคาสูงขึ้น ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการผิดสัญญาของจำเลยแล้ว การที่จะให้จำเลยรื้อเฟอร์นิเจอร์ออกไปจะทำให้จำเลยได้รับความเสียหายมาก โจทก์ต้องรับเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าวไว้ และจ่ายค่าแรงให้จำเลยนั้นเมื่อจำเลยทำงานผิดแบบแปลน ใช้วัสดุคุณภาพต่ำไม่ตรงตามความประสงค์ของโจทก์โจทก์ย่อมปฏิเสธไม่ยอมรับงานของจำเลยได้ จำเลยจึงต้องรื้อถอนเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าวออกไป แม้จำเลยจะได้รับความเสียหายก็เกิดจากความผิดของฝ่ายจำเลยเอง จำเลยที่ 3 ฎีกาขอให้โจทก์ชำระเงินค่าออกแบบส่วนที่ยังขาดนั้นเมื่อฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 ดังนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากความประมาทเลินเล่อของช่างซ่อมรถ การประกอบสปริงเบรคผิดวิธีเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
โจทก์นำรถยนต์คันพิพาทไปซ่อมเบรกที่ศูนย์บริการของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างและช่างผู้ชำนาญของจำเลยที่ 1 ได้พบเห็นการติดตั้งสปริงรั้ง ก้ามเบรกผิดวิธี แต่กลับปล่อยปละละเลยไม่จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้รถยนต์คันพิพาทเบรกแตกตกลงข้างทางได้รับความเสียหาย และโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรง เช่นผู้มีอาชีพอย่างจำเลยที่ 2 พึงปฏิบัติ จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลละเมิดที่เกิดขึ้น เมื่อรถยนต์คันพิพาทไม่สามารถใช้ได้ และโจทก์ได้ขอค่าเสียหายรถยนต์คันพิพาทเต็มจำนวน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะใช้รถยนต์คันพิพาทอีกต่อไป ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์คันพิพาทจึงไม่เกิดขึ้นโจทก์ที่ 1 จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้.