พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,029 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้จำเลยไม่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
จำเลยตกลงขายและสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์แล้วทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่า10 ปี โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้ เนื่องจากจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ เป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดภาระหนี้สินในการซื้อขายบ้าน ไม่ถึงขั้นฉ้อโกง หากผู้ซื้อไม่ตรวจสอบสถานะทรัพย์สิน
การที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งอาจถูกยึดบ้านที่จำเลยบอกขายให้แก่ผู้เสียหายได้นั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่จำเลยควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้บอกความดังกล่าวแก่โจทก์ ก็หาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาระหนี้สินของผู้ขายบ้านต่อผู้ซื้อ ไม่ถือเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง
การที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งอาจถูกยึดบ้านที่จำเลยบอกขายให้แก่ผู้เสียหายได้นั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่จำเลยควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้บอกความดังกล่าวแก่โจทก์ ก็หาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5806/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยกู้เบิกเงินเกินบัญชีต้องเป็นไปตามสัญญาประธาน สัญญาจำนองเป็นอุปกรณ์ไม่อาจเพิ่มดอกเบี้ยได้
สัญญาจำนองเป็นหนี้อุปกรณ์ จำนวนหนี้และอัตราดอกเบี้ยย่อมเป็นไปตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นหนี้ประธาน สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไม่มีข้อตกลงให้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยได้จึงเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีตามสัญญาจำนองซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ไม่ได้
มูลหนี้ประธานเกิดจากสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีซึ่งมีรวม 5 ฉบับแต่ละฉบับกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ต่างกัน โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแต่ละฉบับ ฉบับที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ต่ำที่สุดร้อยละ 15 ต่อปี สูงที่สุดร้อยละ 18.5 ต่อปี แต่โจทก์ฟ้องรวมกันมาโดยไม่แยกให้แน่ชัดว่าสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีฉบับใด จำเลยที่ 1 เป็นหนี้เท่าใด นอกจากนี้โจทก์ก็มิได้นำสืบถึงประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปีด้วยโจทก์จึงมีสิทธิได้ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 15 ต่อปี
มูลหนี้ประธานเกิดจากสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีซึ่งมีรวม 5 ฉบับแต่ละฉบับกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ต่างกัน โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแต่ละฉบับ ฉบับที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ต่ำที่สุดร้อยละ 15 ต่อปี สูงที่สุดร้อยละ 18.5 ต่อปี แต่โจทก์ฟ้องรวมกันมาโดยไม่แยกให้แน่ชัดว่าสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีฉบับใด จำเลยที่ 1 เป็นหนี้เท่าใด นอกจากนี้โจทก์ก็มิได้นำสืบถึงประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปีด้วยโจทก์จึงมีสิทธิได้ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 15 ต่อปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5806/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยสัญญาเบิกเกินบัญชีและจำนอง: อัตราดอกเบี้ยต้องเป็นไปตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีประธาน, โจทก์ต้องแสดงรายละเอียดของหนี้
สัญญาจำนองเป็นหนี้อุปกรณ์ จำนวนหนี้และอัตราดอกเบี้ยย่อมเป็นไปตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นหนี้ประธานสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไม่มีข้อตกลงให้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยได้จึงเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีตามสัญญาจำนองซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ไม่ได้ มูลหนี้ประธานเกิดจากสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีซึ่งมีรวม5 ฉบับแต่ละฉบับกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ต่างกัน โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแต่ละฉบับ ฉบับที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ต่ำที่สุดร้อยละ 15 ต่อปี สูงที่สุดร้อยละ 18.5 ต่อปีแต่โจทก์ฟ้องรวมกันมาโดยไม่แยกให้แน่ชัดว่าสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีฉบับใด จำเลยที่ 1 เป็นหนี้เท่าใดนอกจากนี้โจทก์มิได้นำสืบถึงประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปีด้วยโจทก์จึงมีสิทธิได้ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 15 ต่อปี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5586/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการรับค่าตอบแทนจากการใช้ทรัพย์สินยึดชั่วคราว: ผู้ซื้อที่ดินไม่มีสิทธิรับค่าเช่าจากผู้ดำเนินกิจการ
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้แก่โจทก์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจดิสโก้เธค ที่บ้านเลขที่ 1857 ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ดำเนินธุรกิจดิสโก้เธค ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาเมื่อยึดแล้วผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ได้ขอเข้าดำเนินธุรกิจดิสโก้เธค ในสถานที่ดังกล่าวต่อไป ศาลชั้นต้นอนุญาตโดยมีเงื่อนไขว่าผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ต้องชำระค่าตอบแทนเดือนละ 200,000 บาท โดยนำมาวางไว้ต่อศาลเพื่อประโยชน์ของคู่ความ ดังนี้ เงินค่าตอบแทนดังกล่าวจึงเป็นการมุ่งที่จะให้เป็นค่าตอบแทนในการที่ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องที่ 1และที่ 2 เข้าดำเนินธุรกิจสถานดิสโก้เธค ซึ่งย่อมต้องอาศัยอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ในสถานดิสโก้เธค นั้นเป็นหลักหาได้มุ่งถึงค่าตอบแทนในการใช้อาคารและที่ดินด้วยไม่ดังนั้น ไม่ว่าผู้ร้องที่ 3 จะเป็นผู้จะซื้อที่ดินที่ตั้งสถานดิสโก้เธค หรือไม่ก็ตาม ผู้ร้องที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอรับเงินค่าตอบแทนนี้ไปจากศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5586/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าตอบแทนการใช้ทรัพย์สินยึดในธุรกิจดิสโก้เธค: สิทธิของผู้ดำเนินกิจการและผู้จะซื้อทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้แก่โจทก์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจดิสโก้เธค ที่บ้านเลขที่ 1857 ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ดำเนินธุรกิจดิสโก้เธค ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาเมื่อยึดแล้วผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ได้ขอเข้าดำเนินธุรกิจดิสโก้เธค ในสถานที่ดังกล่าวต่อไป ศาลชั้นต้นอนุญาตโดยมีเงื่อนไขว่าผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ต้องชำระค่าตอบแทนเดือนละ 200,000 บาท โดยนำมาวางไว้ต่อศาลเพื่อประโยชน์ของคู่ความ ดังนี้ เงินค่าตอบแทนดังกล่าวจึงเป็นการมุ่งที่จะให้เป็นค่าตอบแทนในการที่ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องที่ 1และที่ 2 เข้าดำเนินธุรกิจสถานดิสโก้เธค ซึ่งย่อมต้องอาศัยอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ในสถานดิสโก้เธค นั้นเป็นหลักหาได้มุ่งถึงค่าตอบแทนในการใช้อาคารและที่ดินด้วยไม่ดังนั้น ไม่ว่าผู้ร้องที่ 3 จะเป็นผู้จะซื้อที่ดินที่ตั้งสถานดิสโก้เธค หรือไม่ก็ตาม ผู้ร้องที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอรับเงินค่าตอบแทนนี้ไปจากศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5501/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญาเช่า, การแย่งการครอบครอง, และผลของการไม่วินิจฉัยประเด็นโดยศาลอุทธรณ์
จำเลยให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทหรือไม่ จำเลยไม่รับรองข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่แสดงชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในเรื่องสิทธิครอบครองที่พิพาท จึงไม่มีประเด็นเรื่องอำนาจฟ้อง และแม้เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์เห็นไม่สมควรยกขึ้นวินิจฉัยก็ทำได้
บทบัญญัติแห่งประมวลแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 มิได้ให้ถือว่าสัญญาเช่าที่มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าสามปีเป็นโมฆะ เมื่อฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้เช่าและมีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 หรือไม่ ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้จำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ย้อนสำนวน และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องแย่งการครอบครองศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์คัดค้าน ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแย่งการครอบครองที่พิพาทจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้แย่งการครอบครองที่พิพาท จึงไม่อาจนำมาตรา 1375 มาใช้บังคับแก่คดีนี้ได้
บทบัญญัติแห่งประมวลแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 มิได้ให้ถือว่าสัญญาเช่าที่มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าสามปีเป็นโมฆะ เมื่อฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้เช่าและมีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 หรือไม่ ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้จำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ย้อนสำนวน และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องแย่งการครอบครองศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์คัดค้าน ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแย่งการครอบครองที่พิพาทจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้แย่งการครอบครองที่พิพาท จึงไม่อาจนำมาตรา 1375 มาใช้บังคับแก่คดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5501/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญาเช่า, การครอบครอง, และการแย่งการครอบครอง: ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทหรือไม่จำเลยไม่รับรองข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่แสดงชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในเรื่องสิทธิครอบครองที่พิพาทจึงไม่มีประเด็นเรื่องอำนาจฟ้อง และแม้เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์เห็นไม่สมควรยกขึ้นวินิจฉัยก็ทำได้ บทบัญญัติแห่งประมวลแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 มิได้ให้ถือว่าสัญญาเช่าที่มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าสามปีเป็นโมฆะ เมื่อฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้เช่าและมีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 หรือไม่ ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้จำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ย้อนสำนวน และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องแย่งการครอบครองศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์คัดค้าน ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแย่งการครอบครองที่พิพาทจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้แย่งการครอบครองที่พิพาทจึงไม่อาจนำมาตรา 1375 มาใช้บังคับแก่คดีนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5452/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดกระทบกระเทียบด้วยความน้อยใจ ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง
จำเลยกล่าวแก่โจทก์ซึ่งเป็นมารดาว่า จำเลยไม่เคยได้อะไรจากโจทก์เลยได้มาแต่หี คำพูดดังกล่าวไม่ได้เน้น ให้ เห็นว่าจำเลยมีเจตนาจะก้าวร้าวหรือด่าว่าโจทก์ หากแต่เป็นการพูดลอย ๆ เพื่อกระทบกระเทียบเปรียบเปรยด้วยความน้อยใจที่น้องสาวพาโจทก์มาขอเงินจำเลยเสียมากกว่า ไม่เป็นหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2).