คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาม ยิ้มแย้ม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลลดเบี้ยปรับสูงเกินส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 383 แม้ไม่มีประเด็นข้อพิพาทโดยตรง
ศาลมีหน้าที่ยกตัวบทกฎหมายมาปรับแก่คดี เมื่อศาลเห็นว่าเบี้ยปรับสูงเกินส่วน ศาลชอบที่จะยกบทบัญญัติของกฎหมายในเรื่องลดเบี้ยปรับมาใช้ปรับแก่คดีโดยลดเบี้ยปรับลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ อันเป็นอำนาจของศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 383 มิใช่เรื่องยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างและจำเลยได้โต้แย้งไว้ในคำให้การแล้วที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์น้อยกว่าที่โจทก์ฟ้อง แม้ศาลไม่ได้กำหนดเรื่องเบี้ยปรับเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้โดยตรง ก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกัน การลดเบี้ยปรับจึงชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4602/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาช่วยเหลือทางการเงินเพื่อก่อสร้างทาง: ไม่ถือเป็นหุ้นส่วน, เจ้าหนี้ไม่ต้องรับผิด
สัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ได้ความว่าจำเลยที่ 3 เข้ามารับภาวะในการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนวัสดุ และน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่จำเลยที่ 1 โดยไม่มีประโยชน์ตอบแทน เพียงแต่เพื่อให้การก่อสร้างทางสำเร็จลุล่วงไปตามโครงการ จำเลยที่ 1 จะได้มีเงินชำระหนี้จำเลยที่ 3 เท่านั้น เงินและสิทธิประโยชน์ที่เหลือจากการชำระหนี้ จำเลยที่ 3 ต้องคืนแก่จำเลยที่ 1 ทั้งหมดจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 มิได้มีความประสงค์จะแบ่งปันกำไรกัน ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 คงเป็นเพียงเจ้าหนี้เท่านั้น จึงไม่ต้องชดใช้ค่าน้ำมันตามฟ้องร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4565/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในความเสียหายจากไฟไหม้ไร่อ้อย การให้สัตยาบันการพิจารณาคดี และสิทธิในทรัพย์สินในที่ดินป่าสงวน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 โจทก์มิได้อุทธรณ์ แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะลงชื่อมาในท้ายอุทธรณ์ แต่ก็ไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้โจทก์มิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องให้แก่จำเลยไม่น้อยกว่า 3 วันตามกำหนด แต่เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าวแล้ว จำเลยไม่ได้คัดค้านที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาคำร้อง และเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องแล้ว จำเลยยังขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการชี้สองสถานไปเพื่อจำเลยจะได้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเกี่ยวกับที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องด้วย เช่นนี้เท่ากับจำเลยให้สัตยาบันแก่การพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 แล้ว จำเลยจะยกเอาเหตุนี้ขึ้นมาคัดค้านในภายหลังอีกไม่ได้
แม้ที่ดินที่โจทก์ปลูกอ้อยจะเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่โจทก์เข้าไปยึดถือครอบครองโดยไม่ชอบก็ตาม แต่อ้อยดังกล่าวก็ยังเป็นทรัพย์ของโจทก์ เมื่อมีบุคคลอื่นมาทำให้อ้อยที่โจทก์ปลูกไว้เสียหาย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากผู้มาทำละเมิดได้
การปลูกป่าจำเป็นต้องแผ้วถางก่อน เมื่อแผ้วถางแล้วก็ต้องเผาหญ้าและต้นไม้ที่แผ้วถาง เพื่อให้พื้นที่เตียนจะได้ปลูกป่าต่อไป การที่คนงานปลูกป่าของจำเลยจุดไฟเผาหญ้าและต้นไม้ที่แผ้วถางไว้ จึงเป็นงานในทางการที่จ้าง จำเลยจะยกเอาเหตุดังกล่าวมาปัดความรับผิดหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4565/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากละเมิดของลูกจ้างในการเผาป่า และการครอบครองป่าสงวนโดยมิชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้มีชื่อซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยหลายคนได้จุดไฟเผาป่าที่แผ้วถางไว้โดยประมาท ทำให้เพลิงลุกลามไหม้ไร่อ้อยของโจทก์ ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าลูกจ้างผู้มีชื่อจะเป็นใคร ชื่ออะไร ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในวันชี้สองสถาน และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องแล้ว จำเลยไม่ได้คัดค้านเสียในขณะนั้น ว่าโจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องดังกล่าวให้จำเลยตามกำหนด ทั้งยังขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการชี้สองสถานไปเพื่อจำเลยจะได้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเกี่ยวกับที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องด้วยเท่ากับจำเลยให้สัตยาบันแก่การพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แล้ว อ้อยที่โจทก์ปลูกในป่าสงวนแห่งชาติที่โจทก์เข้าไปยึดถือครอบครองโดยมิชอบเป็นทรัพย์ของโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้มีทำให้อ้อยเสียหายได้ จำเลยจ้างคนงานมาปลูกป่า การที่คนงานจุดไฟเผาหญ้าและต้นไม้ที่แผ้วถางไว้ ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่จำเป็นในการปลูกป่าเป็นงานในทางการที่จ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4554/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าและการชดใช้ค่าเสียหาย กรณีเจ้าของทรัพย์รบกวนการใช้ประโยชน์ของผู้เช่า
จำเลยเช่าอาคารของโจทก์เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยของพนักงานจำเลยระหว่างการเช่า โจทก์ไขกุญแจเข้าไปในห้องของนางสาวอ.พนักงานของจำเลยในเวลากลางคืนขณะที่นางสาวอ. กำลังนอนหลับแต่โจทก์เข้าไปเพื่อปิดน้ำเนื่องจากมีการเปิดน้ำไหลทิ้งไว้ประกอบกับโจทก์เป็นหญิง กรณีจึงไม่ใช่เรื่องร้ายแรง จำเลยจะยกเอาเรื่องดังกล่าวนี้มาเป็นเหตุเลิกสัญญาเช่าหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4554/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าและการผิดสัญญา การกระทำของเจ้าของห้องพักที่ไม่ร้ายแรงไม่เป็นเหตุบอกเลิกสัญญา
จำเลยเช่าอาคารของโจทก์เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยของพนักงานจำเลย ระหว่างการเช่า โจทก์ไขกุญแจเข้าไปในห้องของนางสาว อ. พนักงานของจำเลยในเวลากลางคืนขณะที่นางสาว อ. กำลังนอนหลับ แต่โจทก์เข้าไปเพื่อปิดน้ำเนื่องจากมีการเปิดน้ำไหลทิ้งไว้ ประกอบกับโจทก์เป็นหญิง กรณีจึงไม่ใช่เรื่องร้ายแรง จำเลยจะยกเอาเรื่องดังกล่าวนี้มาเป็นเหตุเลิกสัญญาเช่าหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3824/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนชำระหนี้แทน ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเงินคืนจากตัวการ แม้ไม่ได้ฟ้อง
จำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ได้ออกเงินทดรองค่าเช่าซื้อที่ดินและบ้านพิพาทไป ซึ่งพิเคราะห์ตามเหตุควรนับว่าเป็นการจำเป็นเพราะมิฉะนั้นผู้ให้เช่าซื้อจะไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้ จำเลยจึงมีสิทธิเรียกเอาเงินจำนวนนี้และดอกเบี้ยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 กรณีเช่นนี้แม้จำเลยมิได้ฟ้องเรียกร้องมา แต่โจทก์เป็นตัวการย่อมต้องรับผิดต่อจำเลยรวมทั้งดอกเบี้ยตามบทบัญญัติข้างต้น ทั้งกรณีก็เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งหมด แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่งเพราะจำเลยได้ชำระค่าเช่าซื้อบางส่วนแทน โจทก์จึงมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อนั้นให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3824/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนชำระหนี้แทน, สิทธิเรียกร้องเงินทดรอง, ตัวการต้องรับผิดชอบ
จำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ได้ออกเงินทดรองค่าเช่าซื้อที่ดินและบ้านพิพาทไป ซึ่งพิเคราะห์ตามเหตุควรนับว่าเป็นการจำเป็น เพราะมิฉะนั้นผู้ให้เช่าซื้อจะไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้ จำเลยจึงมีสิทธิเรียกเอาเงินจำนวนนี้และดอกเบี้ยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 กรณีเช่นนี้แม้จำเลยมิได้ฟ้องเรียกร้องมา แต่โจทก์เป็นตัวการย่อมต้องรับผิดต่อจำเลยรวมทั้งดอกเบี้ยตามบทบัญญัติข้างต้น ทั้งกรณีก็เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งหมด แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่งเพราะจำเลยได้ชำระค่าเช่าซื้อบางส่วนแทน โจทก์จึงมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อนั้นให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อบ้านพิพาท: โจทก์ต้องจัดการขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องก่อนเรียกเก็บเงิน
จำเลยเช่าซื้อบ้านพิพาทพร้อมที่ดินจากโจทก์ หลังจากชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์แล้วบางส่วน จำเลยจึงทราบว่าโจทก์สร้างบ้านพิพาทโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ ดังนี้คำรับรองของโจทก์ที่ให้ไว้แก่จำเลยว่าจะจัดการขอให้ทางราชการออกใบอนุญาตปลูกสร้างบ้านพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีความสำคัญสำหรับจำเลยอย่างยิ่งและเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องปฏิบัติตามคำรับรองนั้นการที่จำเลยรับโอนที่ดินที่บ้านพิพาทปลูกอยู่เป็นกรรมสิทธิ์ทั้งที่รู้ว่าบ้านพิพาทยังไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างก็ดี และจำเลยนำที่ดินและบ้านพิพาทไปจำนองธนาคารก็ดี โจทก์จะถือเอามาเป็นเหตุบอกเลิกหน้าที่ตามคำรับรองหาได้ไม่ แม้จำเลยได้ต่อเติมบ้านพิพาทขัดต่อข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานครแต่ก็ได้ความว่าแม้จำเลยจะมิได้ต่อเติมบ้านพิพาท ทางราชการก็คงไม่ออกใบอนุญาตให้ การที่ทางราชการไม่ออกใบอนุญาตให้จึงมิได้เกิดจากการกระทำของจำเลยเมื่อโจทก์ยังไม่ได้จัดการให้ทางราชการออกใบอนุญาตปลูกสร้างบ้านพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายตามคำรับรองที่ให้ไว้แก่จำเลย โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิจะได้รับชำระเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3792/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าและลักทรัพย์ ศาลต้องลงโทษตามความผิดที่พยานหลักฐานรับฟังได้ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 3 ฆ่าผู้ตายแล้วจึงได้เอาทรัพย์สินและรถจักรยานยนต์ของกลางไป จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 กระทงหนึ่ง และฐานลักทรัพย์อีกกระทงหนึ่ง หามีความผิดฐานฆ่าผู้ตายเพื่อจะเอาทรัพย์สินตามมาตรา 289 (7) ไม่ แม้จำเลยที่ 3 จะให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาของศาลว่าได้กระทำความผิดฐานดังกล่าวด้วย แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำความผิดตามข้อหาที่ให้การรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษในข้อหาความผิดที่รับสารภาพหาได้ไม่
เมื่อจำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่การกระทำเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งมีโทษเบากว่ามาตรา 289 (7) และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ฎีกา ศาลก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 4 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225
of 93