คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาม ยิ้มแย้ม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3780/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินจากการครอบครองร่วมกันและการสันนิษฐานถึงส่วนแบ่งเมื่อมีผู้สูญหาย
โจทก์ทั้งสามฟ้องเรียกที่ดินพิพาททั้งหมดซึ่งเป็นที่ น.ส.3 อ้างว่าโจทก์ทั้งสามเป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองที่ดินร่วมกันมาโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจนถึงปัจจุบันเกินกว่า 1 ปีแล้ว ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และนาย ม. บิดาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ครอบครองที่พิพาทร่วมกัน แม้ต่อมานาย ม. ออกจากบ้านแล้วหายสาบสูญไปก็ถือไม่ได้ว่า ม. สละการครอบครองที่พิพาท จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และนาย ม. มีส่วนในที่พิพาทเท่า ๆ กัน ศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์ที่ 1 ที่ 2 เป็นเจ้าของที่พิพาทส่วนของตนได้
การที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นหัวหน้าสำนักงานจัดรูปที่ดิน ได้งดดำเนินการออกโฉนดที่ดินที่จัดรูปใหม่ให้แก่โจทก์ทั้งสามเพราะจำเลยทั้งสามคัดค้านการออกโฉนดโดยอ้างว่าเป็นทายาทของ ม. ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมในที่พิพาท เมื่อมีข้อโต้แย้งและตกลงกันไม่ได้ จำเลยที่ 4 จึงให้คู่กรณีไปดำเนินคดีกันทางศาลก่อน เมื่อศาลมีคำพิพากษาว่าอย่างไรก็จะปฏิบัติไปตามนั้น จึงเป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ หาเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3779/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อกำหนดค่าเสียหายกรณีรถยนต์ชำรุดหลังเลิกสัญญา ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม
สัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า "ถ้าเจ้าของได้ขายทรัพย์สินที่เช่าซื้อไปแล้วยังไม่คุ้มราคาค่าเช่าซื้อที่ต้องชำระทั้งหมดตามสัญญานี้กับค่าเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น ผู้เช่าซื้อจะชดใช้ให้เจ้าของจนครบถ้วน" เป็นเพียงวิธีการกำหนดค่าเสียหายประการหนึ่งซึ่งพอแปลความได้ว่า ในกรณีที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้วโจทก์ได้รถยนต์ที่เช่าซื้อคืนมาในสภาพที่ทรุดโทรม โจทก์อาจไม่ซ่อมแซมรถยนต์นั้นและไม่เรียกค่าซ่อมแซมเป็นค่าเสียหาย แต่อาจขายรถยนต์นั้นไปในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรม ได้ราคาเท่าใดก็นำเอามาคำนวณค่าเสียหายโดยให้เป็นจำนวนที่นำเอาไปลบกับราคารถยนต์ที่อาจขายได้ในสภาพที่ซ่อมแซมดีแล้วผลต่างก็จะเป็นจำนวนค่าเสียหาย ข้อความตามสัญญาดังกล่าวจึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนและไม่ตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาสละสิทธิในสัญญา, สัญญาต่างตอบแทน, การแก้ไขสัญญา, การชำระหนี้, สิทธิในการโอนที่ดิน
แม้ตามสัญญาจะมีข้อสัญญาว่า หากจำเลยไม่สามารถชำระเงินงวดที่สองแก่โจทก์ภายในกำหนด ยอมให้ริบเงินที่ได้ชำระไปแล้วทั้งหมดได้และสัญญาเป็นอันยกเลิกแต่ต่อมาจำเลยได้นำเงินงวดที่สองไปชำระแก่โจทก์จนครบถ้วน ทั้งยังให้โจทก์จดทะเบียนทางภารจำยอมให้จำเลยพร้อมกับ บันทึกกันไว้ด้านหลังสัญญาว่า ให้เลื่อนการโอนที่ดินของจำเลยไปก่อนและตราบใดที่จำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์ตามข้อตกลง ให้โจทก์มีสิทธิปิดทางภารจำยอมได้ หาได้มีการกำหนดให้มีการเลิกสัญญากันได้ให้เหมือนกับที่เคยทำกันไว้ไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์และจำเลยว่าไม่ประสงค์จะให้นำเอาข้อสัญญาเดิม มาใช้บังคับกันอีกต่อไป เท่ากับเป็นการสละประโยชน์แห่งเงื่อนไขในการเลิกสัญญา จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเอาประโยชน์จากข้อสัญญาดังกล่าวที่จำเลยได้สละไปแล้วเมื่อสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนและโจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ให้จำเลยแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิที่จะให้จำเลยโอนที่ดินตามสัญญาเป็นการชำระหนี้ตอบแทนให้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3527/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนกันของเจ้าของร่วม และการยกที่ดินให้แก่ผู้อื่น โดยไม่มีเจตนาที่จะเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ
ย. ซึ่งเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสาม จำเลยและบุตรคนอื่นของ ย. แม้จำเลยจะมีชื่อเป็นเจ้าของและครอบครองที่ดินพิพาทไว้ แต่จำเลยมีหน้าที่จะต้องจัดแบ่งให้แก่บุตรทุกคนของ ย. ตามที่ได้ทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ทั้งสามและบุตรคนอื่นของ ย. มาตั้งแต่การยกให้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยแย่งการครอบครองของโจทก์ทั้งสาม จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาปรับแก่คดีของจำเลยมิได้ และการที่จำเลยขอออกโฉนดที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่ดินพิพาทโดยบอกกล่าวไปยังโจทก์ทั้งสามและบุตรคนอื่นของ ย. ว่า จำเลยไม่มีเจตนาจะยึดถือที่ดินพิพาทไว้แทนโจทก์ทั้งสามและบุตรคนอื่นของ ย. อีกต่อไปดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3508/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานบอกเล่า และการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในคำพิพากษาศาลชั้นต้น-ศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลรับฟังพยานบอกเล่าได้ไม่ต้องห้าม แต่มีน้ำหนักน้อยต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบจึงจะรับฟังลงโทษจำเลยได้ การที่จะรับฟังพยานหลักฐานใดเป็นการเพียงพอลงโทษได้หรือไม่เป็นดุลยพินิจของศาล
จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ความว่า จำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการจ้าง วาน ใช้ ไม่ใช่จำเลยร่วมเป็นตัวการด้วย แต่ศาลล่างทั้งสองกลับฟังว่าจำเลยเป็นตัวการ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้องที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ เป็นฎีกาเพื่อให้ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะการปรับบทลงโทษโดยระบุวรรคของมาตราที่ลงโทษให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3296/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อค่าเสียหายจากรถที่รับประกัน และการบังคับใช้ค่าฤชาธรรมเนียม
เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถคันเกิดเหตุจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถที่รับประกันภัยไว้ไปก่อให้เกิดขึ้น ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย การที่จำเลยรับประกันภัยรถคันดังกล่าวจากผู้ใด เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยทราบอยู่แล้ว แม้ฟ้องของโจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าผู้ใดเป็นผู้เอาประกันภัย ก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม เมื่อจำเลยแพ้คดี จำเลยต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจกำหนดโดยคำนึงถึงเหตุผลสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดี ทั้งไม่เกี่ยวกับข้อจำกัดความรับผิดเรื่องค่าเสียหายตามวงเงินที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3296/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับประกันภัยทางรถยนต์: ความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อค่าเสียหาย และค่าฤชาธรรมเนียม
เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถคันเกิดเหตุจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถที่รับประกันภัยไว้ไปก่อให้เกิดขึ้น ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย การที่จำเลยรับประกันภัยรถคันดังกล่าวจากผู้ใด เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยทราบอยู่แล้ว แม้ฟ้องของโจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าผู้ใดเป็นผู้เอาประกันภัย ก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อจำเลยแพ้คดี จำเลยต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจกำหนดโดยคำนึงถึงเหตุผลสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดี ทั้งไม่เกี่ยวกับข้อจำกัดความรับผิดเรื่องค่าเสียหายตามวงเงินที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3154/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การกระทำที่บ่งชี้ถึงความรู้ว่าทรัพย์เป็นของผู้อื่น แม้มีส่วนแบ่งกำไร
แม้จะปรากฏว่า ส. เคยถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดคดีเดียวกันนี้กับจำเลยมาก่อน คำเบิกความและคำให้การของ ส. จึงถือได้ว่าเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันก็ตาม แต่คำซัดทอดดังกล่าวก็มิได้เป็นเรื่องการปัดความผิดของผู้ซัดทอดให้เป็นความผิดของจำเลยผู้เดียว คงเป็นการแจ้งเรื่องราวถึงเหตุการณ์ที่ตนได้ประสบมาจากการกระทำผิดของตนยิ่งกว่าเป็นการปรักปรำจำเลย คำเบิกความและคำให้การของ ส. จึงมิใช่เป็นพยานหลักฐานที่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย เพียงแต่มีน้ำหนักน้อยและจะต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังเท่านั้น จำเลยผิดฐานรับของโจรโดยรับเอาเมล็ดกาแฟซึ่งเป็นทรัพย์ที่ ส. ลักไปจากผู้เสียหายเป็นบางส่วนเท่านั้น โดยพยานโจทก์ไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ว่า จำเลยรับเอาไปเป็นจำนวนเท่าใดราคาเท่าใด จะบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดแก่เจ้าของทรัพย์ไม่ได้ ศาลจึงไม่กำหนดให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3139/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียม: เหตุป่วยไข้หวัดใหญ่ไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้อง ใช้ แทนโจทก์เมื่อครบกำหนดระยะเวลาวางเงินไปแล้ว โดย อ้าง ว่าจำเลยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และหาเงินได้ไม่ทัน ถือ ไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยจำเลยจึงไม่มีสิทธินำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางตาม คำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3139/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอขยายระยะเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียมเกินกำหนด และเหตุสุดวิสัยที่ไม่ครอบคลุมอาการป่วยไข้หวัดใหญ่
จำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้ แทนโจทก์มาวางศาลภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยต่อ มาจำเลยยื่นคำร้องขอนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวาง คำร้องดังกล่าวเป็นการขอขยายระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่ง จำเลยจะต้องมีคำร้องขอเสียก่อนครบกำหนด มิฉะนั้นจะขอขยายระยะเวลาอีกไม่ได้เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย การที่จำเลยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ก็ดีและหาเงินได้ไม่ทันก็ดีถือ ไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่มีสิทธินำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางตาม คำร้อง.
of 93