คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาม ยิ้มแย้ม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3139/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียม: เหตุสุดวิสัยต้องเกิดขึ้นก่อนครบกำหนด และอาการป่วยเล็กน้อยไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
จำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้ แทนโจทก์มาวางศาลภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยต่อ มาจำเลยยื่นคำร้องขอนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวาง คำร้องดังกล่าวเป็นการขอขยายระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งจำเลยจะต้องมีคำร้องขอเสียก่อนครบกำหนด มิฉะนั้นจะขอขยายระยะเวลาอีกไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย การที่จำเลยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ก็ดีและหาเงินได้ไม่ทันก็ดี ถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่มีสิทธินำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางตามคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์องค์ประกอบความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ยักยอกทรัพย์ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณา
การฟังพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องกับชั้นพิจารณาแตกต่างกันในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเพียงได้ข้อเท็จจริงครบองค์ประกอบฐานความผิดที่ฟ้องโดยไม่มีข้อพิรุธอันเป็นที่ประจักษ์ชัดก็ฟังได้แล้วว่าความผิดฐานนั้นมีมูล ส่วนข้อเท็จจริงที่ได้ความจะเป็นความจริงหรือไม่ เป็นข้อที่จะต้องพิสูจน์กันอีกชั้นหนึ่งในชั้นพิจารณา ซึ่งในชั้นนี้จะต้องพิสูจน์ให้ได้ความจนสิ้นสงสัยว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นเป็นความจริง จึงจะฟังได้ว่ามีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานเอกสารปลอม ยักยอก และการรับของโจร: เกณฑ์ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง vs. ชั้นพิจารณา
การฟังพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องกับชั้นพิจารณาแตกต่างกัน ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเพียงได้ข้อเท็จจริงครบองค์ประกอบฐานความผิดที่ฟ้องโดยไม่มีข้อพิรุธอันเป็นที่ประจักษ์ชัดก็ฟังได้แล้วว่าความผิดฐานนั้นมีมูล ส่วนข้อเท็จจริงที่ได้ความจะเป็นความจริงหรือไม่ เป็นข้อที่จะต้องพิสูจน์กันอีกชั้นหนึ่งในชั้นพิจารณา ซึ่งในชั้นนี้จะต้องพิสูจน์ให้ได้ความจนสิ้นสงสัยว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นเป็นความจริง จึงจะฟังได้ว่ามีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3112/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เปรียบเทียบอัตราโทษป่าไม้ พบ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 โทษหนักกว่า พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507
ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 73 วรรคสอง มีอัตราโทษขั้นสูงจำคุกยี่สิบปี เป็นโทษที่หนักกว่าโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 31 วรรคสองซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงสิบห้าปีโดยไม่ต้องคำนึงถึงโทษขั้นต่ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3112/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปรียบเทียบอัตราโทษระหว่าง พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ: บทหนักกว่าคือ พ.ร.บ.ป่าไม้
ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 73 วรรคสองมีอัตราโทษขั้นสูงจำคุกยี่สิบปี เป็นโทษที่หนักกว่าโทษตามพระราชบัญญัติ ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 31 วรรคสอง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงสิบห้าปี โดยไม่ต้องคำนึงถึงโทษขั้นต่ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3112/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราโทษป่าไม้สูงกว่าป่าสงวนแห่งชาติ: เปรียบเทียบ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 กับ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507
ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 73 วรรคสอง มีอัตราโทษขั้นสูงจำคุกยี่สิบปี เป็นโทษที่หนักกว่าโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 31 วรรคสองซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงสิบห้าปีโดยไม่ต้องคำนึงถึงโทษขั้นต่ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารในสำนวนคดีเดิมที่จำเลยอ้าง ศาลล่างรับฟังได้ แม้โจทก์มิได้อ้างเอง ดุลพินิจศาล
เมื่อเอกสารที่ใช้ในการวินิจฉัยคดีรวมอยู่ในสำนวนคดีที่จำเลยระบุอ้างเป็นพยานเอกสารนั้นจึงเข้าสู่สำนวนความของศาลโดยถูกต้องการที่ศาลจะฟังและเชื่อพยานหลักฐานในส่วนไหนอย่างไรในสำนวนเป็นดุลพินิจของศาล ไม่จำเป็นว่าคู่ความที่ได้รับประโยชน์จากเอกสารนั้นจะต้องเป็นฝ่ายระบุอ้างและนำเข้าสู่สำนวนความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารในสำนวนความ: ดุลพินิจศาลไม่ต้องยึดโยงกับผู้ระบุอ้าง
เมื่อเอกสารที่ใช้ในการวินิจฉัยคดีรวมอยู่ในสำนวนคดีที่จำเลยระบุอ้างเป็นพยานเอกสารนั้นจึงเข้าสู่สำนวนความของศาลโดยถูกต้อง การที่ศาลจะฟังและเชื่อพยานหลักฐานในส่วนไหนอย่างไรในสำนวนเป็นดุลพินิจของศาล ไม่จำเป็นว่าคู่ความที่ได้รับประโยชน์จากเอกสารนั้นจะต้องเป็นฝ่ายระบุอ้างและนำเข้าสู่สำนวนความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารในสำนวนคดีเดิมที่จำเลยอ้างเป็นพยาน ศาลล่างรับฟังได้โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดระบุอ้าง
เมื่อเอกสารที่ใช้ในการวินิจฉัยคดีรวมอยู่ในสำนวนคดีที่จำเลยระบุอ้างเป็นพยาน เอกสารนั้นจึงเข้าสู่สำนวนความของศาลโดยถูกต้อง การที่ศาลจะฟังและเชื่อ พยานหลักฐานในส่วนไหนอย่างไรในสำนวนเป็นดุลพินิจ ของศาล ไม่จำเป็นว่าคู่ความที่ได้รับประโยชน์จากเอกสารนั้นจะต้องเป็นฝ่ายระบุอ้างและนำเข้าสู่สำนวนความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3002/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับขี่: ผู้ขับขี่มีหน้าที่สังเกตและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง แม้ผู้ถูกชนไม่ได้ติดตั้งสัญญาณเตือน
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกไม้กระดาน โดยไม้กระดานบางส่วนยื่นพันท้ายรถออกไป 1 เมตรเศษ ขณะจอดรถเพื่อรอเลี้ยวตรงเกาะกลางถนนโจทก์ขับรถยนต์ไปชนถูกไม้กระดานที่ยื่นออกมานั้น ขณะเกิดเหตุท้องฟ้ากำลังสลัว พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แต่ยังไม่มืดและไม้กระดานที่ยื่นมีจำนวนมากแผ่น ย่อมมองเห็นชัดเจนในระยะไกล หากโจทก์ระมัดระวังย่อมสังเกตเห็น และหลบหลีกไม่ให้ชนถูกไม้กระดานที่ยื่นการเกิดเหตุชนกันจึงเป็นเพราะโจทก์ขับรถโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง แม้จำเลยมิได้ติดสัญญาณไฟหรือผ้าสีแดงไว้ที่ปลายไม้กระดาน โจทก์ก็เป็นฝ่ายประมาทมากกว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหาย.
of 93