พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ อากรแสตมป์ และการซื้อขายสินค้าที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้
การระบุวันเดือนปีพร้อมกับขีดฆ่าอากรแสตมป์นั้นเพียงมุ่งหมายให้ทราบว่าได้มีการปิดและขีดฆ่าเมื่อใดเท่านั้น เมื่อหนังสือมอบอำนาจฉบับนี้ได้มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ก่อนมีคำพิพากษาแล้วเช่นนี้ แม้จะไม่ได้ลงวันที่ที่ขีดฆ่าก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ไม่ต้องห้าม ป.รัษฎากร มาตรา 118 การซื้อขายสินค้ามีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ 60 วัน นับแต่วันที่ส่งมอบสินค้า เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดย่อมได้ชื่อว่าผิดนัดแล้ว โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าโจทก์จะได้ทวงถามก่อนแล้วหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ & การซื้อขายผิดนัด: การรับฟังพยานหลักฐาน & การชำระหนี้
การระบุวันเดือนปีพร้อมกับขีดฆ่าอากรแสตมป์นั้น เพียงมุ่งหมายให้ทราบว่าได้มีการปิดและขีดฆ่าเมื่อใดเท่านั้น เมื่อเอกสารได้มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ก่อนมีคำพิพากษาแล้ว แม้จะไม่ได้ลงวันที่ที่ขีดฆ่าก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 การซื้อขายได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ 60 วัน นับแต่วันที่ส่งมอบสินค้า เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดย่อมได้ชื่อว่าผิดนัดแล้ว ไม่จำต้องทวงถามก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขีดฆ่าอากรแสตมป์และผลของการผิดนัดชำระหนี้จากการซื้อขาย
การระบุวันเดือนปีพร้อมกับขีดฆ่าอากรแสตมป์นั้น เพียงมุ่งหมายให้ทราบว่าได้มีการปิดและขีดฆ่าเมื่อใดเท่านั้น เมื่อเอกสารได้มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ก่อนมีคำพิพากษาแล้ว แม้จะไม่ได้ลงวันที่ที่ขีดฆ่าก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
การซื้อขายได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ 60 วัน นับแต่วันที่ส่งมอบสินค้า เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดย่อมได้ชื่อว่าผิดนัดแล้ว ไม่จำต้องทวงถามก่อน
การซื้อขายได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ 60 วัน นับแต่วันที่ส่งมอบสินค้า เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดย่อมได้ชื่อว่าผิดนัดแล้ว ไม่จำต้องทวงถามก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อากรแสตมป์ขีดฆ่าก่อนมีคำพิพากษาใช้ได้ ไม่ต้องลงวันที่ และการฟ้องคดีเมื่อถึงกำหนดชำระหนี้
การระบุวันเดือนปีพร้อมกับขีดฆ่าอากรแสตมป์นั้น เพียงมุ่งหมายให้ทราบว่าได้มีการปิดและขีดฆ่าเมื่อใดเท่านั้น เมื่อเอกสารได้มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ก่อนมีคำพิพากษาแล้ว แม้จะไม่ได้ลงวันที่ที่ขีดฆ่าก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 การซื้อขายได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ 60 วัน นับแต่วันที่ส่งมอบสินค้า เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดย่อมได้ชื่อว่าผิดนัดแล้ว ไม่จำต้องทวงถามก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงเป็นโมฆะเมื่อผู้ให้เช่าเดิมผิดสัญญาและถูกขับไล่ สิทธิเช่าช่วงสิ้นสุดลง
จำเลยให้ อ.เช่าที่พิพาทโดยยอมให้นำไปให้เช่าช่วงได้อ.นำที่พิพาทไปให้โจทก์เช่าช่วงโดยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าช่วง แต่เมื่อ อ. ประพฤติผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลยโดยไม่ชำระค่าเช่าจนจำเลยต้องบอกเลิกสัญญา ฟ้องขับไล่และศาลพิพากษาขับไล่ อ.ออกจากที่พิพาทแล้วอ. ย่อมหมดสิทธิครอบครองและให้โจทก์เช่าช่วงที่พิพาทอีกต่อไป โจทก์จึงไม่อาจนำหนังสือรับมอบอำนาจของ อ.มาบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าที่พิพาทให้โจทก์ได้ ทั้งนี้ไม่ว่าการเช่าช่วงที่โจทก์อ้างจะกระทำกันก่อนหรือหลังที่ศาลพิพากษาให้ขับไล่ อ. ออกไปจากที่พิพาทผลของคดีก็ไม่แตกต่างกัน หากโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับ อ. ผู้ให้เช่าช่วงผู้ประพฤติผิดสัญญาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงเป็นโมฆะเมื่อผู้เช่าเดิมผิดสัญญาและถูกขับไล่ สิทธิการเช่าช่วงจึงตกไป
จำเลยให้ อ. เช่าที่พิพาทโดย อ. มีสิทธินำไปให้เช่าช่วงได้ อ. นำที่พิพาทไปให้โจทก์เช่าช่วงโดยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าช่วงแต่เมื่อ อ. ประพฤติผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลยโดยไม่ชำระค่าเช่า จนจำเลยต้องบอกเลิกสัญญาฟ้องขับไล่ และศาลพิพากษาขับไล่ อ. ออกจากที่พิพาทแล้ว อ. ก็หมดสิทธิครอบครองและให้โจทก์เช่าช่วงที่พิพาทได้ต่อไปเหตุนี้โจทก์จึงจะใช้หนังสือมอบอำนาจของ อ. มาบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าที่พิพาทให้โจทก์หาได้ไม่ ไม่ว่าการเช่าช่วงที่โจทก์อ้างจะกระทำกันก่อนหรือหลังที่ศาลพิพากษาให้ขับไล่ อ. ออกไปจากที่พิพาทผลของคดีก็ไม่แตกต่างกัน หากโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับ อ.ผู้ให้เช่าช่วงแล้วประพฤติผิดสัญญาดังกล่าวต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงสิ้นผลเมื่อผู้เช่าเดิมผิดสัญญาและถูกขับไล่ สิทธิการจดทะเบียนเช่าจึงตกไป
จำเลยให้ อ. เช่าที่พิพาท โดย อ. มีสิทธินำไปให้เช่าช่วงได้ อ. นำที่พิพาทไปให้โจทก์เช่าช่วงโดยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าช่วงแต่เมื่อ อ. ประพฤติผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลยโดยไม่ชำระค่าเช่า จนจำเลยต้องบอกเลิกสัญญาฟ้องขับไล่ และศาลพิพากษาขับไล่ อ. ออกจากที่พิพาทแล้ว อ. ก็หมดสิทธิครอบครองและให้โจทก์เช่าช่วงที่พิพาทได้ต่อไปเหตุนี้โจทก์จึงจะใช้หนังสือมอบอำนาจของ อ. มาบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าที่พิพาทให้โจทก์หาได้ไม่ ไม่ว่าการเช่าช่วงที่โจทก์อ้างจะกระทำกันก่อนหรือหลังที่ศาลพิพากษาให้ขับไล่ อ. ออกไปจากที่พิพาทผลของคดีก็ไม่แตกต่างกัน หากโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับ อ.ผู้ให้เช่าช่วงแล้วประพฤติผิดสัญญาดังกล่าวต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพลาดของทนายความย่อมเป็นความรับผิดของจำเลย และคำขอพิจารณาใหม่ต้องชัดเจน
เมื่อทนายจำเลยดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพลาดของทนายความย่อมเป็นความรับผิดของจำเลย และคำขอพิจารณาใหม่ต้องชัดเจน
เมื่อทนายจำเลยดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่ จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดต่อความผิดพลาดของทนาย และเหตุผลการไม่สมควรพิจารณาใหม่
เมื่อทนายจำเลยดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่ จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้