คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูศักดิ์ บัณฑิตกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 454 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเรื่องการริบของกลาง
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 1,000 บาท กับให้ริบของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยไม่ริบของกลาง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญา: การรับชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินทำให้สิทธิในการฟ้องอาญาเป็นอันระงับ
จำเลยได้ยักยอกสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไป ต่อมาผู้เสียหายตกลงยอมความกับจำเลยโดยยอมรับเอาบ้านจำเลยเป็นการตีใช้หนี้ค่าสร้อยคอทองคำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการตกลงยอมความทั้งในทางอาญาและทางแพ่งแล้ว เมื่อคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวโดยการรับชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน ทำให้สิทธิในการฟ้องอาญาเป็นอันระงับ
จำเลยได้ยักยอกสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไป ต่อมาผู้เสียหายตกลงยอมความกับจำเลยโดยยอมรับบ้านจำเลยเป็นการตีใช้หนี้ค่าสร้อยคอทองคำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการตกลงยอมความทั้งในทางอาญาและทางแพ่งแล้ว เมื่อคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความโดยการตีใช้หนี้ ทำให้สิทธินำคดีอาญา (ความผิดต่อส่วนตัว) ระงับ
จำเลยได้ยักยอกสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไป ต่อมาผู้เสียหายทำสัญญากับจำเลยโดยยอมรับบ้านจำเลยเป็นการตีใช้หนี้ค่าสร้อยคอทองคำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการตกลงยอมความทั้งในทางอาญาและทางแพ่งแล้ว เมื่อคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับ ไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญา: การรับชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินทำให้สิทธิในการฟ้องอาญาเป็นอันระงับ
จำเลยได้ยักยอกสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไป ต่อมาผู้เสียหายตกลงยอมความกับจำเลยโดยยอมรับเอาบ้านจำเลยเป็นการตีใช้หนี้ค่าสร้อยคอทองคำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการตกลงยอมความทั้งในทางอาญาและทางแพ่งแล้ว เมื่อคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 135/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: การชำระหนี้ไม่ครบถ้วน และสิทธิในการบังคับคดีต่อไป
หนี้ตามคำพิพากษาซึ่งจำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์เมื่อรวมกับค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์และค่าธรรมเนียมในการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 400,000 บาทแต่โจทก์ได้รับชำระหนี้จาก ฝ. ซึ่งชำระหนี้แทนจำเลยเพียง281,070 บาท แสดงว่าโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วน ฉะนั้นการที่ศาลล่างสั่งให้งดการบังคับคดีย่อมไม่ชอบ ชอบที่จะบังคับคดีแก่จำเลยต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจากการหลอกลวงลงทุนค้าทองคำ ศาลลดโทษจากความสัมพันธ์และเงินคืนบางส่วน
จำเลยมิได้ประกอบธุรกิจค้าขายทองคำ แต่หลอกลวงโจทก์ โดยการพูดจาชักชวนให้โจทก์ร่วมลงทุนเข้าหุ้นค้าทองคำกับจำเลยโจทก์หลงเชื่อมอบเงินให้แก่จำเลยไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทน: ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เป็นภาระของจำเลย แม้มีเหตุขัดข้อง
เหตุขัดข้องที่ทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์กันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง เนื่องมาจากการ ค้าง ชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี เมื่อตามสัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งหมด ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีที่ค้างชำระดังกล่าวจึงเป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชอบ จำเลยทั้งสองจะถือเป็นเหตุไม่ชำระหนี้แก่โจทก์และขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาต่างตอบแทน การค้างชำระภาษีรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ คู่สัญญาไม่ชำระหนี้ได้
เหตุขัดข้องที่ทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์กันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองเนื่องมาจากการค้างชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี เมื่อตามสัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมค่าอากรแสตมป์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งหมด ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีที่ค้างชำระดังกล่าวจึงเป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชอบจำเลยทั้งสองจะถือเป็นเหตุไม่ชำระหนี้แก่โจทก์และขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ: โจทก์เป็นผู้ค้าตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(7) อายุความ 2 ปี
โจทก์เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นโดย พ.ร.บ. การสื่อสารฯ ให้บริการพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศแก่ประชาชน เมื่อผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดโทรศัพท์จากประเทศ ไทย ไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ ผู้ใช้บริการพูดโทรศัพท์จะต้องเสียค่าใช้บริการพูดโทรศัพท์ตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ค่าใช้บริการพูดโทรศัพท์จึงเป็นสินจ้าง กรณีดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าโดยรับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(7) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี.
of 46