พบผลลัพธ์ทั้งหมด 454 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4041/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครองจากแทนผู้อื่นเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง
การที่จำเลยอาศัยที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ หากต่อมาประสงค์จะแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยต้องแจ้งให้แก่โจทก์ผู้ครอบครองทราบ เพื่อเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองว่าต่อไปจะครอบครองเพื่อตนเอง เมื่อจำเลยมิได้กระทำอย่างใดให้เห็นว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4041/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การแจ้งเปลี่ยนลักษณะการครอบครองเป็นสำคัญ หากไม่แจ้งถือเป็นการครอบครองแทน
การที่จำเลยอาศัยที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ หากต่อมาประสงค์จะแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยต้องแจ้งให้แก่โจทก์ผู้ครอบครองทราบ เพื่อเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองว่าต่อไปจะครอบครองเพื่อตนเอง เมื่อจำเลยมิได้กระทำอย่างใดให้เห็นว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4041/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยอาศัยอยู่เดิม หากต้องการแย่งครอบครองต้องแจ้งให้ทราบ การไม่แจ้งถือเป็นการครอบครองแทน
การที่จำเลยอาศัยที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ หากต่อมาประสงค์จะแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยต้องแจ้งให้แก่โจทก์ผู้ครอบครองทราบ เพื่อเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองว่าต่อไปจะครอบครองเพื่อตนเอง เมื่อจำเลยมิได้กระทำอย่างใดให้เห็นว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4030/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารประกอบคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ไม่ถือเป็นการนำพยานเข้าสืบ
ในการไต่สวนมูลฟ้อง ตัวโจทก์อ้างตนเองเป็นพยานทนายจำเลยถามค้านโดยให้ตัวโจทก์ดูลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจ ตัวโจทก์เบิกความว่าลายมือชื่อดังกล่าวเป็นลายมือชื่อที่โจทก์เซ็นไว้จริงถึงแม้จะเบิกความต่อไปอีกว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปกรอกข้อความเองภายหลัง ครั้งแรกโจทก์เซ็นชื่อไว้ในกระดาษเปล่าก็ไม่เป็นการลบล้างคำเบิกความในส่วนที่ยอมรับว่าโจทก์ได้เซ็นชื่อไว้ในหนังสือมอบอำนาจจริง ฝ่ายจำเลยจึงมีสิทธิส่งเอกสารฉบับนี้ ซึ่งมีลายมือชื่อของโจทก์ปรากฏอยู่ในช่องผู้รับมอบอำนาจต่อศาลเพื่อประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น มิใช่การนำพยานเข้าสืบจึงไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 165.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3909/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับความรับผิดอาญาจากสัญญาประนีประนอมยอมความ: สัญญาต้องระบุชัดเจนว่าจะไม่ดำเนินคดีอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218
สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง ไม่มีข้อตกลงว่าโจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางอาญาสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2).
สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง ไม่มีข้อตกลงว่าโจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางอาญาสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาใช้เช็คเพื่อชำระหนี้ แม้มีการผ่อนชำระบางส่วน แต่เช็คยังมีมูลหนี้ต่อกัน จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์จำเลยตกลงกันนำเช็คพิพาทและเช็คฉบับอื่น ๆ ที่จำเลยนำไปแลกเงินสดจากโจทก์รวมจำนวนหนี้กันแล้ว โจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามเช็คทั้งหมดได้เป็นงวด ๆ และจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์บางส่วนแล้ว แต่มิได้ระบุว่าเป็นการชำระหนี้ตามเช็คฉบับใดบ้าง ทั้งโจทก์มิได้คืนเช็คให้เมื่อจำเลยนำเงินมาชำระ แสดงว่าโจทก์มีเจตนาต้องการบังคับเอาชำระหนี้ตามเช็คด้วยในกรณีที่จำเลยมิได้นำเงินมาชำระตามที่ตกลงกันไว้ เช็คพิพาทจึงมีมูลหนี้ต่อกันและมิได้มีการตกลงกันระหว่างโจทก์จำเลยว่าให้ยึดถือเช็คไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลย เมื่อโจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินไม่ได้เพราะบัญชีปิดแล้ว จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯมาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3716/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสนอให้เงินเพื่อจูงใจลงคะแนน: โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
แม้จะฟังเป็นความจริงว่าจำเลยพูดปราศรัยให้ประชาชนฟังและแจกจ้างวานให้ผู้สนับสนุนของจำเลยแจกและปิดประกาศใบปลิวแก่ประชาชนทั่วไป เพื่อจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้จำเลย โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมแก่กิจการสาธารณกุศลทั่ว ๆ ไปดังฟ้องก็เป็นกรณีที่จำเลยเสนอจะให้เงินและทรัพย์สินอื่นแก่กิจการสาธารณกุศล เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกจำเลยมิได้ห้ามมิให้เลือกโจทก์ โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่อรัฐ มิใช่กระทำต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3716/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสนอทรัพย์สินเพื่อจูงใจในการเลือกตั้ง: โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
แม้จะฟังเป็นความจริงว่าจำเลยพูดปราศรัยให้ประชาชนฟังและแจกจ้างวานให้ผู้สนับสนุนของจำเลยแจกและปิดประกาศใบปลิวแก่ประชาชนทั่วไป เพื่อจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้จำเลยโดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน หรือทรัพย์สินไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมแก่กิจการสาธารณกุศลทั่ว ๆ ไปดังฟ้องก็เป็นกรณีที่จำเลยเสนอจะให้เงินและทรัพย์สินอื่นแก่กิจการสาธารณกุศล เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกจำเลย มิได้ห้ามมิให้เลือกโจทก์ โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่อรัฐ มิใช่กระทำต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3716/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสนอเงินเพื่อจูงใจในการเลือกตั้ง: โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
แม้จะฟังเป็นความจริงว่าจำเลยพูดปราศรัยให้ประชาชนฟังและแจกจ้างวานให้ผู้สนับสนุนของจำเลยแจกและปิดประกาศใบปลิวแก่ประชาชนทั่วไป เพื่อจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้จำเลย โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมแก่กิจการสาธารณกุศลทั่ว ๆ ไปดังฟ้องก็เป็นกรณีที่จำเลยเสนอจะให้เงินและทรัพย์สินอื่นแก่กิจการสาธารณกุศล เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกจำเลยมิได้ห้ามมิให้เลือกโจทก์ โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่อรัฐ มิใช่กระทำต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3532/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเหมาปรับปรุงที่ดิน: การเพิ่มเติมงานต้องมีข้อตกลงเป็นหนังสือจึงมีผลผูกพัน
ตามสัญญารับจ้างเหมาปรับปรุงที่ดินที่โจทก์ทำกับจำเลยที่ 2กำหนดวิธีการถมให้โจทก์ปฏิบัติไว้ เมื่อโจทก์ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวแล้วเกิดขัดข้องไม่สามารถทำงานต่อไปได้ โจทก์เลือกทำงานต่อไปโดยวิธีการใหม่โดยไม่รอทำความตกลงกับจำเลยที่ 2 อันเป็นการทำงานเพิ่มเติมจากข้อกำหนดในสัญญา ซึ่งตามสัญญากำหนดไว้ว่าการเพิ่มเติมงานจะต้องคิดและตกลงราคากันใหม่ ถ้าจะต้องเพิ่มค่าจ้างก็ต้องทำความตกลงกันเป็นหนังสือไว้ต่อกัน เมื่อโจทก์มิได้ตกลงกับจำเลยที่ 2 เป็นหนังสือ จึงนับว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2ยังมิได้มีสัญญาต่อกันในส่วนที่โจทก์ทำงานเพิ่มเติมนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างเพิ่มเติมจากจำเลยที่ 2