พบผลลัพธ์ทั้งหมด 454 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีอาญาตามคำพิพากษา ต้องรอจนคดีถึงที่สุดก่อน จึงจะดำเนินการได้
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคแรก การบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาจะกระทำได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วคำพิพากษาในส่วนที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเนื่องจากการกระทำผิด มาตรา 44 วรรคสองบัญญัติว่า ให้รวมเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายย่อมจะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาในส่วนนี้ได้ก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วเช่นเดียวกัน แม้มาตรา 249 จะบัญญัติว่าคำพิพากษาให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สิน ค่าทดแทนหรือค่าธรรมเนียมนั้น ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. บทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีผลว่าให้บังคับคดีได้ก่อนคดีถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังของกลาง: การกระทำความผิดฐานละเว้นหน้าที่ vs. เบียดบังทรัพย์
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตำแหน่งหัวหน้าเสมียนคดี มีหน้าที่เก็บรักษาของกลาง จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางและลงลายมือชื่อในสำเนาบัญชีของกลางกับสำเนาหนังสือนำส่งของกลางของสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ทับสะแก แต่ไม่ลงบัญชีของกลางในคดีอาญาของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการรับกัญชาของกลางรายนี้แล้ว ต่อมาจำเลยเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก
การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังของกลาง – เจตนาทุจริต – ความผิดมาตรา 147
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตำแหน่งหัวหน้าเสมียนคดี มีหน้าที่เก็บรักษาของกลางจำเลยตรวจรับกัญชาของกลางและลงลายมือชื่อในสำเนาบัญชีของกลางกับสำเนาหนังสือนำส่งของกลางของสถานีตำรวจภูธรอำเภอทับสะแกแต่ไม่ลงบัญชีของกลางในคดีอาญาของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการรับกัญชาของกลางรายนี้แล้วต่อมาจำเลยเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริตการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: การกระทำความผิดฐานละเว้นหน้าที่โดยเจตนาทุจริต ไม่ถือเป็นความผิดหลายกรรม
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตำแหน่งหัวหน้าเสมียนคดี มีหน้าที่เก็บรักษาของกลาง จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางและลงลายมือชื่อในสำเนาบัญชีของกลางกับสำเนาหนังสือนำส่งของกลางของสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ทับสะแก แต่ไม่ลงบัญชีของกลางในคดีอาญาของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการรับกัญชาของกลางรายนี้แล้ว ต่อมาจำเลยเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2613/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาจากการถูกหลอกลวงจัดหางาน: ผู้เสียหายต้องเป็นรัฐเท่านั้น
พระราชบัญญัติ ญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้หางานมิให้เสียเปรียบแก่ผู้จัดหางาน ความผิดของผู้จัดหางานจะเกิดขึ้นต่อเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากเจ้าพนักงาน รัฐจึงเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวที่จะดำเนินคดีแก่ผู้จัดหางานที่ไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ซึ่งถูกจำเลยหลอกลวงให้จ่ายเงินโดยไม่อาจหางานให้ทำได้ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องจำเลยให้ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2613/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีความผิดพ.ร.บ.จัดหางาน: ผู้เสียหายต้องเป็นรัฐ ไม่ใช่ผู้ถูกหลอกลวง
พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้หางานมิให้เสียเปรียบแก่ผู้จัดหางาน ความผิดของผู้จัดหางานจะเกิดขึ้นต่อเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากเจ้าพนักงาน รัฐจึงเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวที่จะดำเนินคดีแก่ผู้จัดหางานที่ไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ซึ่งถูกจำเลยหลอกลวงให้จ่ายเงินโดยไม่อาจหางานให้ทำได้ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องจำเลยให้ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2613/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีจัดหางาน: ผู้เสียหายต้องเป็นรัฐ ไม่ใช่ผู้ถูกหลอกลวง
พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้หางานมิให้เสียเปรียบแก่ผู้จัดหางาน ความผิดของผู้จัดหางานจะเกิดขึ้นต่อเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากเจ้าพนักงาน รัฐจึงเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวที่จะดำเนินคดีแก่ผู้จัดหางานที่ไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ซึ่งถูกจำเลยหลอกลวงให้จ่ายเงินโดยไม่อาจหางานให้ทำได้ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องจำเลยให้ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีละเมิดจากข้าราชการนำทรัพย์สินของหน่วยงานไปให้เกษตรกรเช่าซื้อ/ยืม และละเลยการติดตามหนี้
จำเลยเป็นข้าราชการสังกัดกรมโจทก์ ตำแหน่งเกษตรอำเภอจำเลยนำปุ๋ยเคมี เครื่องสูบน้ำ และเงินหมุนเวียนของโจทก์ไปให้เกษตรกรเช่าซื้อ ยืม โดยจำเลยลงชื่อแทนเกษตรกร หรือไม่ได้ให้เกษตรกรลงชื่อในสัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าซื้อและสัญญายืมเงิน เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถบังคับตามสัญญาเหล่านั้นได้ โจทก์จึงเสียหายนับแต่วันที่จำเลยมอบสิ่งของหรือเงินให้แก่เกษตรกรไปตั้งแต่วันทำสัญญาจำเลยจึงทำละเมิดต่อโจทก์นับตั้งแต่วันทำสัญญาดังกล่าวแล้วเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
ส่วนสัญญาที่กำหนดให้ผู้ยืมชำระเงินคืนตามกำหนด จำเลยมีหน้าทีต้องติดตามทวงถามนับแต่วันที่ผู้ยืมผิดสัญญาไม่ชำระเงินคืน เมื่อจำเลยไม่ติดตามทวงถามเงินคืนทำให้โจทก์เสียหาย ถือว่าจำเลยกระทำละเมิดนับแต่วันที่จำเลยไม่ติดตามทวงถามเงินคืนเมื่อถึงกำหนดชำระ แต่เมื่อนับแต่วันถึงกำหนดชำระเงินคืนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 เช่นกัน
ส่วนสัญญาที่กำหนดให้ผู้ยืมชำระเงินคืนตามกำหนด จำเลยมีหน้าทีต้องติดตามทวงถามนับแต่วันที่ผู้ยืมผิดสัญญาไม่ชำระเงินคืน เมื่อจำเลยไม่ติดตามทวงถามเงินคืนทำให้โจทก์เสียหาย ถือว่าจำเลยกระทำละเมิดนับแต่วันที่จำเลยไม่ติดตามทวงถามเงินคืนเมื่อถึงกำหนดชำระ แต่เมื่อนับแต่วันถึงกำหนดชำระเงินคืนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องละเมิดจากข้าราชการที่กระทำการโดยมิชอบ ทำให้โจทก์เสียหายจากสัญญาที่ไม่มีผลผูกพัน
จำเลยเป็นข้าราชการสังกัดกรมโจทก์ ตำแหน่งเกษตรอำเภอจำเลยนำปุ๋ยเคมี เครื่องสูบน้ำ และเงินหมุนเวียนของโจทก์ไปให้เกษตรกรเช่าซื้อ ยืม โดยจำเลยลงชื่อแทนเกษตรกร หรือไม่ได้ให้เกษตรกรลงชื่อในสัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าซื้อและสัญญายืมเงิน เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถบังคับตามสัญญาเหล่านั้นได้ โจทก์จึงเสียหายนับแต่วันที่จำเลยมอบสิ่งของหรือเงินให้แก่เกษตรกรไปตั้งแต่วันทำสัญญาจำเลยจึงทำละเมิดต่อโจทก์นับตั้งแต่วันทำสัญญาดังกล่าวแล้วเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ส่วนสัญญาที่กำหนดให้ผู้ยืมชำระเงินคืนตามกำหนด จำเลยมีหน้าทีต้องติดตามทวงถามนับแต่วันที่ผู้ยืมผิดสัญญาไม่ชำระเงินคืน เมื่อจำเลยไม่ติดตามทวงถามเงินคืนทำให้โจทก์เสียหาย ถือว่าจำเลยกระทำละเมิดนับแต่วันที่จำเลยไม่ติดตามทวงถามเงินคืนเมื่อถึงกำหนดชำระ แต่เมื่อนับแต่วันถึงกำหนดชำระเงินคืนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 เช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นอันยกเลิก หากโจทก์ไม่ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดตามกฎหมาย
ศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ต่อมาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ พนักงานเดินหมายรายงานว่าได้ปิดคำบังคับไว้ที่บ้านของจำเลยตามคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 29มิถุนายน 2526 ต้องถือว่าจำเลยรับคำบังคับภายหลังปิดคำบังคับ 15วัน คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2526 จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาภายในวันที่ 13 สิงหาคม 2526 โจทก์จึงต้องขอหมายบังคับคดีภายในวันที่28 สิงหาคม 2526 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260(2) เมื่อโจทก์มาขอให้ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ 28 กันยายน 2526 จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบังคับไว้ไปถึง 1 เดือน คำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงเป็นอันยกเลิก การที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ติดตามผลของการส่งคำบังคับตลอดมา แต่พนักงานเดินหมายไม่รายงานผลของการส่งคำบังคับต่อศาลทำให้โจทก์ขอหมายบังคับคดีล่าช้านั้น ไม่เป็นข้อแก้ตัวที่จะยกเว้นบทบังคับของมาตรา 260(2) เพราะโจทก์อาจขอหมายบังคับคดีไว้ก่อนได้