คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูศักดิ์ บัณฑิตกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 454 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธปืนยิงในระยะประชิด แม้ถูกที่ต้นขา แต่บาดแผลสาหัสเข้าข่ายพยายามฆ่า
ค. และ บ. ผู้เสียหายทั้งสองพากันเดินจะไปเที่ยวที่งานวัด ค. เห็นจำเลยกำลังตบตีภริยาที่ถนนจึงได้พูดจาว่ากล่าวจำเลย จำเลยไม่พอใจพูดท้าให้ ค. ยิงสู้กับจำเลย แล้วจำเลยได้ชักอาวุธปืนลูกซองยิงผู้เสียหายทั้งสองในระยะเพียง 1-2 วากระสุนปืนถูกผู้เสียหายทั้งสองหลายแห่ง ค. มีบาดแผลถึง 10 แห่งแพทย์ผู้รักษาเห็นว่าหากไปรักษาบาดแผลช้ากว่า 6 ชั่วโมงจะต้องถึงแก่ความตาย เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่ากระสุนปืนที่จำเลยยิงอาจถูกผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้ แม้ว่ากระสุนปืนที่จำเลยยิงจะถูกผู้เสียหายทั้งสองที่ต้นขาเพียงแต่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ก็ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองแล้ว จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์สูญหาย ศาลลดค่าเสียหายตามสมควร โดยคำนึงถึงระยะเวลาการใช้งาน
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ราคา 334,614 บาท ต่อมารถคันดังกล่าวสูญหายโจทก์ได้รับชดใช้จากบริษัทผู้รับประกันภัย 230,000 บาท เหลือราคารถยนต์ที่ยังไม่ได้ชำระอีก 104,614บาท แม้สัญญาเช่าซื้อระบุไว้ว่าถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อสูญหายผู้เช่าซื้อยอมชำระค่าเช่าซื้อจนครบ ก็เป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้า ศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 เมื่อจำเลยได้ใช้ประโยชน์จากรถที่เช่าซื้อเพียงเดือนเศษ การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์อีก 75,614 บาท จึงนับว่าเป็นค่าเสียหายที่สมประโยชน์แก่โจทก์.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะ 'บริวาร' ในการบังคับคดีขายฝาก: เจ้าของเรือนไม้ที่ปลูกบนที่ดินเช่า ไม่ถือเป็นบริวารของผู้ขายฝาก
ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ 2 หลังในจำนวนเรือนไม้3 หลังที่จำเลยทำสัญญาขายฝากโจทก์ โดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอก และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝาก ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่บริวารของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะ ‘บริวาร’ ในคดีขับไล่ ต้องพิจารณาความเป็นเจ้าของเรือนและเจตนาในการขายฝาก
ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ ๒ หลังในจำนวนเรือนไม้๓ หลังที่จำเลยทำสัญญาขายฝากโจทก์ โดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอก และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝาก ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่บริวารของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็น 'บริวาร' ในคดีขับไล่: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเรือนไม้และที่ดินเช่าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับคดี
ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ 2 หลังในจำนวนเรือนไม้ 3 หลังที่จำเลยทำสัญญาขายฝากโจทก์ โดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอก และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝาก ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่บริวารของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีขับไล่: ผู้พักอาศัยในที่ดินเช่าของผู้ขายฝาก ไม่ถือเป็นบริวาร
ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ 2 หลังในจำนวนเรือนไม้3 หลัง ที่จำเลยทำสัญญาขายฝากโจทก์ โดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอก และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝากผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่บริวารของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์และการฆ่าต่อเนื่อง: ศาลแก้ไขบทลงโทษจากมาตรา 340 วรรคท้าย เป็นมาตรา 340 วรรคสอง เนื่องจากเหตุการณ์ปล้นทรัพย์และฆ่าขาดตอน
คนร้ายปล้นทรัพย์ที่บ้านแล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้ตายทั้งสามและ พ. เดินลัดทุ่งนาไปทางหลังบ้าน เมื่อห้างบ้าน 1กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงคนร้ายก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามและ พ.คนร้ายมิได้ยิงผู้ตายทั้งสามและพ. ขณะกระทำปล้นทรัพย์ เพิ่งลงมือยิงเมื่ออยู่ห่างไกลจากบ้านที่เกิดเหตุ 1 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางนานถึงครึ่งชั่วโมง การการกระทำของคนร้ายมิใช่เป็นการต่อเนื่องกับการปล้นทรัพย์การปล้นทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ไม่ใช่มาตรา 340 วรรคท้าย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์และการฆ่าต่อเนื่อง: การปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง
จำเลยกับพวกร่วมปล้นทรัพย์ที่บ้านแล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้ตายทั้งสามและ พ. เดินลัดทุ่งนาไปทางหลังบ้าน เมื่อห่างบ้าน 1 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงพวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามถึงแก่ความตายและ พ.บาดเจ็บ การกระทำของพวกจำเลยมิใช่เป็นการต่อเนื่องกับการปล้นทรัพย์ การปล้นทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง ไม่ใช่มาตรา 340 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ต้องยื่นบัญชีระบุพยานตาม มาตรา 88 วรรคแรก
ในชั้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่อ้างว่าได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมแล้วนั้น ไม่ใช่การสืบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทกันตามคำฟ้องและคำให้การ จึงไม่ตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรก.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินชายทะเลโดยสุจริตและต่อเนื่อง ย่อมไม่ถือว่าเป็นการยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย
บ้านของจำเลยบางส่วนปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินชายทะเลอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันเป็นเนื้อที่ประมาณ60 ตารางเมตรอยู่แต่เดิม จำเลยมิได้เป็นผู้ปลูกสร้าง เมื่อบิดามารดาจำเลยถึงแก่กรรมบ้านและที่ดินดังกล่าวตกเป็นสิทธิแก่จำเลยโดยจำเลยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิด การที่จำเลยสร้างรั้วสังกะสีปิดกั้นทางเดินซึ่งเป็นทางสาธารณะที่ใช้เดินสู่ชายทะเล เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยเข้าใจว่าที่ดินที่ปลูกบ้านและที่จำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางเดินนั้นเป็นของตนโดยสุจริต จำเลยไม่ได้เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินชายทะเลโดยมีเจตนาที่จะฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 ทวิ
of 46