คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุวรรณ ตระการพันธุ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 648 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดก: ผู้คัดค้านไม่มีส่วนได้เสียในฐานะเจ้าของที่ดินที่อ้างสิทธิ จึงไม่มีสิทธิคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดก
คดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ประเด็นแห่งคดีมีเพียงว่าสมควรจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้นส่วนประเด็นที่ว่าที่ดินเป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ เมื่อผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นของตนก็ชอบที่จะไปดำเนินการขออายัดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และดำเนินการทางทะเบียนให้เรียบร้อยต่อไป ผู้คัดค้านมิได้มีส่วนได้เสียจึงไม่มีสิทธิคัดค้านในการที่ศาลจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3167/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงตอบโต้หลังถูกทำร้าย: ป้องกันตัวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ ศาลลดโทษเนื่องจากเหตุการณ์เชื่อมโยง
จำเลยถูกโจทก์ร่วมแทงที่ไหปลาร้า จำเลยโกรธ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แล้วกลับมาที่ร้านของตนเล่าเรื่องให้ภริยาทราบ เอาปืนจากร้านตนกลับไปยิงโจทก์ร่วมที่บริษัทที่โจทก์ร่วมอยู่ เมื่อในขณะที่จำเลยยิงโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมไม่ได้ทำร้ายหรือกำลังจะทำร้ายจำเลยจึงไม่มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและถือไม่ได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อสู้ข่มเหงในขณะที่ถูกข่มเหงจึงไม่เป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3133/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียน: สิทธิครอบครองและการรักษาประโยชน์สาธารณะ
สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันนั้น กฎหมายไม่บังคับว่าต้องขึ้นทะเบียน เพราะจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ย่อมเป็นไปตามสภาพของที่ดินนั้นเองว่าเป็นทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันหรือไม่ ที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณะซึ่งไม่อาจออกหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทและตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 117,122 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอ (ปัจจุบันคืนนายอำเภอ) ที่จะต้องรักษาดูแลที่ดินลำน้ำอันเป็นสาธารณประโยชน์ไม่ให้ผู้ใดทำให้เสียหายหรือกีดกันเอาเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัว จำเลยที่ 3 ในฐานะนายอำเภอจึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ปักป้ายที่สาธารณะตลอดจนปักหลักแนวเขตที่พิพาทได้ การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3105/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในครอบครองเข้าข่ายความผิดฐานขาย แม้ไม่มีหลักฐานการซื้อขายโดยตรง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ว่า การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอยู่ในบ้านจะมีความผิดหรือไม่ และพยานโจทก์มีเพียงพนักงานตำรวจเบิกความประกอบการรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนเท่านั้น การนำเอาคำรับสารภาพชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยเป็นการไม่ชอบนั้น เป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว
ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่ายแจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาว่าเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่บ้านจำเลยจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องว่าจำเลยขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีไว้เพื่อขายซึ่งเมทแอมเฟตามีนและพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์นั้น จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3105/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และการตีความคำว่า 'ขาย' ในพ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งฎีกาของจำเลยที่ว่า การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอยู่ในบ้านจะมีความผิดหรือไม่ และพยานโจทก์มีเพียงพนักงานตำรวจเบิกความประกอบการรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนเท่านั้นการนำเอาคำรับสารภาพชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยเป็นการไม่ชอบนั้นเป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขายดังนั้นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาว่าเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่บ้านจำเลยจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องว่าจำเลยขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีไว้เพื่อขายซึ่งเมทแอมเฟตามีนและพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์นั้น จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3030/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดเพื่อคัดค้านคำพิพากษาเรื่องหนี้มรดก ต้องยื่นระหว่างพิจารณาคดี ไม่ใช่หลังมีคำพิพากษา
กรณีตามคำร้องของผู้ร้องสอดเป็นการขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 3 ซึ่งมิใช่กรณีที่จะร้องสอดในชั้นบังคับคดีเพราะผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีมาแต่ต้น ผู้ร้องเป็นทายาทของ ป. เช่นเดียวกับจำเลยที่ 3การร้องสอดของผู้ร้องมีลักษณะเข้ามาเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิในการรับมรดกของตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)ซึ่งเป็นการเข้ามาต่อสู้คดีกับโจทก์ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ผู้ร้องจึงต้องยื่นคำร้องดังกล่าวขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น หาใช่มายื่นภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมฆ่า: การกระทำร่วมกันก่อนเกิดเหตุแสดงเจตนาในการร่วมกันกระทำผิด
การที่จำเลยที่ 1 เดินตามจำเลยที่ 2 ไปที่โต๊ะของโจทก์ร่วมที่ 2 โดยต่างมีมีดติดตัวไปด้วย และจำเลยที่ 2 ใช้มีดปักลงที่โต๊ะโจทก์ร่วมที่ 2 เช่นนั้น เป็นการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นก่อน แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดแทงทำร้ายโจทก์ร่วมที่ 2 เมื่อผู้ตายลุกขึ้นช่วยโจทก์ร่วมที่ 2 ในขณะที่โจทก์ร่วมที่ 2 กับจำเลยทั้งสองชุลมุนแย่งมีดกัน จำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงผู้ตายไปทันทีนั้น แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งหลบหนีไปด้วยกันเช่นนี้ ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ได้ว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำผิดมาตั้งแต่แรก ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการที่จำเลยที่ 2 แทงผู้ตายถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเล็กน้อยและลงโทษจำคุกเกินห้าปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาข้อหาความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 233 ปี 4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 16 ปี8 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เฉพาะโทษให้จำคุกจำเลยที่ 113 ปี 4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 ปี 8 เดือน เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยเกินห้าปี ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายจ่ายต้องห้ามทางภาษี: ดอกเบี้ยเช็คลดหน้าและค่าออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เพื่อกิจการโดยเฉพาะ
โจทก์ประกอบการค้าดำเนินธุรกิจประเภทซื้อมาขายไปได้ซื้อเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นจากบริษัท อ. ซึ่งเป็นผู้ผลิตและขายให้แก่ลูกค้า โดยบริษัท อ. ได้เครดิตชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ประมาณ 4-6 เดือน การที่บริษัท อ.ได้รับเช็คลงวันที่ล่วงหน้าจากโจทก์แล้วไม่รอให้เช็คถึงกำหนดวันที่สั่งจ่ายเสียก่อนกลับนำเช็คไปขายลดให้แก่สถาบันการเงินจึงเป็นรายจ่ายของบริษัท อ. มิใช่เป็นรายจ่ายเพื่อกิจการโดยเฉพาะของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำรายจ่ายค่าดอกเบี้ยในการขายลดเช็คของบริษัท อ. มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของโจทก์เป็นรายจ่ายต้องห้ามตามประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ตรี (13) การออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าไม่ใช่หน้าที่ของโจทก์ผู้ซื้อสินค้าแต่เป็นหน้าที่ของผู้ผลิตที่จะต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงรูปแบบของสินค้า การที่โจทก์ร้องขอให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบสินค้าโดยจ่ายค่าออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าให้บริษัท อ.ผู้ผลิต มิใช่ข้อผูกพันที่โจทก์ต้องปฏิบัติในฐานะผู้ซื้อแต่เป็นกรณีที่โจทก์จะจ่ายให้หรือไม่สุดแต่ใจของโจทก์ฝ่ายเดียวจึงเป็นรายจ่ายที่โจทก์กำหนดขึ้นและเป็นรายจ่ายมิใช่เพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ จึงเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (13)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่แก้ไขค่ารายปีภาษีโรงเรือนเมื่อค่าเช่าเดิมไม่สมควร
ค่าเช่าทรัพย์สินที่จะใช้เป็นหลักในการคำนวณค่ารายปีนั้น ถ้ามีเหตุบ่งให้เห็นว่าค่าเช่ามิใช่จำนวนเงินอันสมควรพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมมีอำนาจแก้ไขหรือคำนวณค่ารายปีเสียใหม่ได้ ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475มาตรา 8 ส่วนที่มาตรา 18 บัญญัติให้นำค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วมาเป็นหลักสำหรับการคำนวณภาษีที่จะต้องเสียในปีต่อมาหมายถึงในปีที่จะต้องเสียภาษีนั้นไม่มีเหตุอันบ่งให้เห็นว่าค่าเช่าของปีที่ล่วงมาแล้วมิใช่จำนวนเงินอันสมควรที่จะให้เช่าได้ เมื่อปรากฏว่าค่าเช่าของปีที่ล่วงมาแล้วมิใช่จำนวนเงินอันสมควร จึงไม่ต้องนำค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วมาเป็นหลักในการคำนวณภาษีในปีนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยคำนวณค่ารายปีขึ้นใหม่โดยเทียบเคียงกับโรงเรือนที่อยู่ในย่าน ใกล้เคียงกันและบนถนนเดียวกัน เมื่อโจทก์มิได้นำสืบหักล้างว่าไม่ถูกต้อง ทั้งผู้รับมอบ อำนาจโจทก์ก็ยอมรับว่าสมควรให้เช่าได้ปีละสูงกว่าค่ารายปีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้คำนวณไว้ จึงต้องถือว่าค่ารายปีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ประเมินใหม่ชอบแล้ว
of 65