พบผลลัพธ์ทั้งหมด 648 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 683/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิประทานบัตรทำเหมืองแร่ vs. สิทธิครอบครองที่ดิน: ผู้ได้รับประทานบัตรมีสิทธิใช้ที่ดินแต่เพียงผู้เดียว
โจทก์ได้รับประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ดีบุกในที่พิพาท จึงมีสิทธิใช้ที่พิพาทนั้นเพื่อกิจการเหมืองแร่แต่เพียงผู้เดียว แม้ต่อมาจำเลยเข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยและปลูกต้นไม้ในที่พิพาท แต่เมื่อจำเลยมิใช่ผู้ถืออาชญาบัตร ประทานบัตรชั่วคราวประทานบัตรหรือผู้รับใบอนุญาตจากทางราชการ จำเลยจึงต้องห้ามมิให้เข้าไปยึดถือครอบครองที่พิพาทโดยผลของ พระราชบัญญัติ แร่ฯ จำเลยจึงไม่มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท แม้ทางราชการจะออกทะเบียนบ้านระบุเลขที่บ้านหลังที่จำเลยเข้าไปปลูกอยู่อาศัยก็ตาม จำเลยจะนำทะเบียนบ้านมาเป็นหลักฐานอ้างสิทธิว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทยันโจทก์หาได้ไม่ เนื่องจากทะเบียนบ้านมิใช่เป็นหลักฐานแห่งการครอบครองที่ดิน การที่โจทก์ได้รับประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ไม่ทำให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดิน เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินประทานบัตรของโจทก์จึงไม่ใช่เรื่องฟ้องเรียกสิทธิครอบครองคืนจากผู้แย่งสิทธิครอบครองโจทก์จึงไม่ต้องฟ้องขับไล่จำเลยภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยเข้าไปอยู่ในที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางหนังสือค้ำประกันค่าภาษีอากร ไม่ถือเป็นการชำระเงินประกันตามกฎหมาย ทำให้ผู้รับของเข้าต้องรับผิดเสียเงินเพิ่ม
การวางหนังสือค้ำประกันของธนาคารวางเป็นประกันนั้นพระราชบัญญัติศุลกากรฯ ไม่ได้บัญญัติให้มีผลเช่นเดียวกับวางเงินประกัน จึงไม่อาจถือเสมือนว่าผู้นำของเข้าได้ชำระเงินอากรที่ได้แจ้งภายในเวลาที่กำหนดดังเช่น วางเงินประกัน ตามมาตรา 112 ทวิวรรค 2 ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่โจทก์เรียกเก็บเงินจากธนาคารแล้วจำเลยไม่ชำระค่าอากรที่ขาดก็ย่อมต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าสถานที่ไม่มีสัญญาเป็นหนังสือ แต่มีการจ่ายค่าเช่าจริง ถือเป็นรายจ่ายทางภาษีได้
โจทก์และบริษัท ย. มีกรรมการชุดเดียวกัน เหตุที่โจทก์เช่าสถานที่จากบริษัท ย. โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็เนื่องมาจากความสัมพันธ์ดังกล่าว ฉะนั้นแม้การเช่าจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่เมื่อโจทก์มีหลักฐานการจ่ายค่าเช่า ให้กับบริษัท ย. มาแสดงให้เห็นได้ว่ามีการจ่ายค่าเช่าจริง ค่าใช้จ่ายรายการค่าเช่าดังกล่าวจึงไม่ใช่เงินที่ตั้งสำรองไว้อันจะต้องห้ามไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิตาม มาตรา 65 ตรี (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาพยานหลักฐานและยกฟ้องแม้จำเลยรับสารภาพ หากพยานหลักฐานไม่สอดคล้อง
ศาลมีอำนาจพิจารณาพยานหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวนทั้งหมดการที่ศาลชั้นต้นสั่งคดีมีมูลแทนที่จะสั่งยกฟ้องโจทก์เสียในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็เป็นเพียงแต่ให้รับคำฟ้องไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้น แต่ในชั้นพิจารณาเมื่อปรากฏจากพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดดังโจทก์ฟ้อง ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติเนรคุณโดยการหมิ่นประมาทบุพการีทำให้สิทธิในการรับโอนทรัพย์สินถูกถอนคืนได้
การที่จำเลยพูดด่าโจทก์ว่า "มึงเก่งหรืออีบัว มึงอย่าเก่งมากนัก" และท้าให้โจทก์ซึ่งเป็นมารดามาสู้กับตน โดยกล่าวว่า "มึงอย่าเก่งหลายอีบัว นาบ่ใช่นามึงนาของพ่อ ถ้าเก่งมาสู้กับบักลีกูจะจับขามึงวี่ลงเฮือน" ซึ่งหมายความว่า ถ้าโจทก์เก่งจะจับขาเหวี่ยงลงจากบ้าน ล้วนแต่เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดาผู้เป็นบุพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรง ตามวินัยของบุตรทั่วไปทั้งเป็นการลบหลู่คุณมารดา มิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่หยาบคายและไม่สมควรเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ถือเป็นการเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทมารดาและการเพิกถอนการให้ที่ดินเนื่องจากประพฤติเนรคุณ
โจทก์เป็นมารดาของจำเลย เป็นผู้มีพระคุณต่อจำเลย ตามปกติวิสัยบุตรย่อมต้องให้ความเคารพและเทิดทูนมารดาไว้เหนือผู้อื่นการที่จำเลยพูดด่าว่าโจทก์ว่า "มึงเก่งหรืออีบัว" ก็ดี และว่ามึงอย่าเก่งมากนักก็ดี และท้าให้โจทก์ซึ่งเป็นมารดามาสู้กับตนโดยกล่าวว่า "มึงอย่าเก่งหลายอีบัว นาบ่ใช่นามึง นาของพ่อ ถ้าเก่งมาสู้กับบักลีกูจะจับขามึงวี่ลงเฮือน" ซึ่งหมายความว่า ถ้าโจทก์เก่งจะจับขาเหวี่ยงลงจากบ้าน ล้วนแต่เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดาผู้เป็นบุพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไป ทั้งเป็นการลบหลู่บุญคุณมารดาอีกด้วย มิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่หยาบคายและไม่สมควรเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติเนรคุณ หมิ่นประมาทบุพการี เป็นเหตุให้เพิกถอนการให้ทรัพย์สินได้ตามกฎหมาย
โจทก์เป็นมารดาของจำเลย เป็นผู้มีพระคุณต่อจำเลย ตามปกติวิสัยบุตรย่อมต้องให้ความเคารพและเทิดทูนมารดาไว้เหนือผู้อื่น การที่จำเลยพูดด่าว่าโจทก์ว่า "มึงเก่งหรืออีบัว"ก็ดี และว่ามึงอย่าเก่งมากนักก็ดี และท้าให้โจทก์ซึ่งเป็นมารดามาสู้กับตนโดยกล่าวว่า "มึงอย่าเก่งหลายอีบัว นาบ่ใช่นามึง นาของพ่อ ถ้าเก่งมาสู้กับบักลี กูจะจับขามึงวี่ลงเฮือน" ซึ่งหมายความว่าถ้าโจทก์เก่งจะจับขาเหวี่ยงลงจากบ้าน ล้วนแต่เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดาผู้เป็นบุพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไป ทั้งเป็นการลบหลู่บุญคุณมารดาอีกด้วย มิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่หยาบคายและไม่สมควรเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาพระภิกษุและทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างสมณเพศ ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนา
หนังสือสุทธิสำหรับพระภิกษุ ใบมรณบัตร ใบแต่งตั้งเป็นพระครูคำขอรับมรดกของมารดาและบัญชีเงินฝากต่างระบุว่าผู้ตายอยู่วัดผู้ร้อง แสดงว่าผู้ตายถือเอาวัดผู้ร้องเป็นสถานที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญ วัดผู้ร้องจึงเป็นภูมิลำเนาของผู้ตาย ทรัพย์สินของผู้ตายที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศ จึงตกเป็นสมบัติของวัดผู้ร้องที่เป็นภูมิลำเนาของผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสซ้อนและการมีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก แม้สมรสไม่สมบูรณ์ก็ยังมีสิทธิเป็นทายาท
แม้การสมรสระหว่างล. เจ้ามรดกกับผู้คัดค้านเป็นการสมรสซ้อนต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 เป็นโมฆะตามมาตรา 1496 ถือเท่ากับไม่มีการสมรส ผู้คัดค้านจึงไม่ใช่ภรรยาของล. ก็ตาม แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1495 เดิม นั้น การสมรสแม้จะไม่ถูกต้องประการใด ก็ยังไม่เป็นโมฆะ นอกจากศาลได้พิพากษาให้การสมรสเป็นโมฆะ เมื่อยังไม่มีฝ่ายใดฟ้องให้การสมรสระหว่างล. กับผู้คัดค้านเป็นโมฆะและยังไม่มีคำพิพากษาเช่นนั้น จึงต้องถือว่าการสมรสระหว่าง ล.กับผู้คัดค้านยังมีอยู่ ผู้คัดค้านจึงเป็นทายาทโดยธรรมและมีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก การที่ผู้คัดค้านเคยมีสามีมาก่อน ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการมรดก ส่วนการที่ผู้คัดค้านอ้างว่าเด็กชายธ.เป็นบุตรของล.กับผู้คัดค้านนั้น แม้ไม่ถูกต้องก็เป็นการอ้างไปตามบันทึกในทะเบียนสมรส ซึ่งล.กับผู้คัดค้านแจ้งไว้ กรณีดังกล่าวยังไม่ถึงขนาดให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ไม่เหมาะสมในการเป็นผู้จัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสซ้อนและการเป็นทายาทโดยธรรม: สิทธิในการจัดการมรดก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1495 เดิมนั้นการสมรสซ้อนแม้จะไม่ถูกต้องก็ยังไม่เป็นโมฆะ จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาให้การสมรสนั้นเป็นโมฆะจึงต้องถือว่าการสมรสระหว่างผู้ตายกับผู้คัดค้านยังมีอยู่ ผู้คัดค้านจึงเป็นทายาทโดยธรรมและมีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก จึงมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ การที่ผู้คัดค้านมีสามีมาก่อนหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดการมรดกหรือทำให้การจัดการมรดกไม่เหมาะสมแต่ประการใด และการที่ผู้คัดค้านอ้างว่าเด็กชาย ธ. เป็นบุตรของผู้ตายกับผู้คัดค้านนั้น แม้ไม่ถูกต้องก็เป็นการอ้างไปตามบันทึกในทะเบียนสมรสซึ่งผู้ตายกับผู้คัดค้านแจ้งไว้ ยังไม่ถึงขนาดที่ทำให้ผู้คัดค้านไม่เหมาะสมที่จะจัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง