พบผลลัพธ์ทั้งหมด 648 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: สิทธิระงับเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อก ที่บ้านจำนวน2 วง โดย แต่ละวงมีผู้เข้าร่วมเล่นหลายคน การกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ โจทก์ได้ ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็น 2 คดีตาม จำนวนวงการพนันในข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกเมื่อคดีสำนวนหนึ่งศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยที่ 1ไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 อีกคดีหนึ่งย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีพนัน: การฟ้องดำเนินคดีซ้ำในความผิดกรรมเดียว ย่อมระงับตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกที่บ้านจำนวน2 วง โดยแต่ละวงมีผู้เข้าร่วมเล่นหลายคน การกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็น 2 คดีตามจำนวนวงการพนันในข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกเมื่อคดีสำนวนหนึ่งศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยที่ 1ไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 อีกคดีหนึ่งย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ฟ้องซ้ำ สิทธิระงับ
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกที่บ้านจำนวน 2 วง โดยแต่ละวงมีผู้เข้าร่วมเล่นหลายคน การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็น 2 คดี ตามจำนวนวงการพนันในข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อก เมื่อคดีสำนวนหนึ่งศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยที่ 1 ไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 อีกคดีหนึ่ง ย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4).(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำซ้อนในความผิดกรรมเดียว การระงับสิทธิฟ้องคดีอาญา
จำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อก ที่บ้านจำนวน๒ วง โดย แต่ละวงมีผู้เข้าร่วมเล่นหลายคน การกระทำของจำเลยที่ ๑จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ โจทก์ได้ ฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็น ๒ คดีตาม จำนวนวงการพนันในข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกเมื่อคดีสำนวนหนึ่งศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยที่ ๑ไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ อีกคดีหนึ่งย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๓๙(๔).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำเบิกความเท็จ: การฟ้องร้องซ้ำในข้อหาเดิม แม้ต่างคราวกัน ย่อมไม่รับฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาเบิกความเท็จในคดีก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดย ข้อความที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีนี้ เป็นข้อความในเรื่องเดียวกันมีเนื้อหาสาระอย่างเดียวกับที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีก่อน แม้การเบิกความดังกล่าวเป็นคนละคราวกันแต่ ข้อความที่เบิกความมีมูลเหตุอันเดียวกันและเป็นการกล่าวตาม ครรลอง ของเรื่องเท่านั้น การที่โจทก์นำมาฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จซ้ำ อีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ เพราะมิฉะนั้นแล้วจำเลยย่อมถูก ฟ้องร้องไม่มีวันสิ้นสุด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำเบิกความเท็จ: การฟ้องซ้ำในข้อหาเดิม แม้ต่างคราว หากมีมูลเหตุเดียวกัน
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาเบิกความเท็จในคดีก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดย ข้อความที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีนี้ เป็นข้อความในเรื่องเดียวกันมีเนื้อหาสาระอย่างเดียวกับที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีก่อน แม้การเบิกความดังกล่าวเป็นคนละคราวกันแต่ ข้อความที่เบิกความมีมูลเหตุอันเดียวกันและเป็นการกล่าวตาม ครรลอง ของเรื่องเท่านั้น การที่โจทก์นำมาฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จซ้ำ อีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ เพราะมิฉะนั้นแล้วจำเลยย่อมถูก ฟ้องร้องไม่มีวันสิ้นสุด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำเบิกความเท็จ: การฟ้องซ้ำเกิดขึ้นเมื่อข้อกล่าวหาในคดีใหม่มีเนื้อหาซ้ำกับคดีที่เคยฟ้องแล้ว แม้จะต่างกรรมต่างวาระ
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาเบิกความเท็จในคดีก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดยข้อความที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีนี้เป็นข้อความในเรื่องเดียวกันมีเนื้อหาสาระอย่างเดียวกับที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีก่อน แม้การเบิกความดังกล่าวเป็นคนละคราวกัน แต่ข้อความที่เบิกความมีมูลเหตุอันเดียวกันและเป็นการกล่าวตามครรลองของเรื่องเท่านั้น การที่โจทก์นำมาฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จซ้ำอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ เพราะมิฉะนั้นแล้วจำเลยย่อมถูกฟ้องร้องไม่มีวันสิ้นสุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเสียโฉม ถือเป็นอันตรายสาหัส แม้รักษาไม่เกิน 14 วัน ศาลรับฟังได้
ใบหูเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ประกอบรูปหน้าให้งาม การที่ใบหูหลุดขาดแหว่ง ไปถึงหนึ่งในสาม ย่อมทำให้รูปหน้าเสียความงามอันเป็นการเสียโฉมอย่างติดตัว เป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ แล้ว
ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้อง กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นเมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็มีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาคดีได้โดยไม่ต้องสืบพยาน.
ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้อง กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นเมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็มีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาคดีได้โดยไม่ต้องสืบพยาน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเสียโฉม ถือเป็นอันตรายสาหัส แม้รักษาไม่เกิน 14 วัน ศาลรับฟังข้อเท็จจริงจากคำรับสารภาพได้
ใบหูเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ประกอบรูปหน้าให้งาม การที่ใบหูหลุดขาดแหว่ง ไปถึงหนึ่งในสาม ย่อมทำให้รูปหน้าเสียความงามอันเป็นการเสียโฉมอย่างติดตัว เป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 แล้ว ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้อง กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นเมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็มีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาคดีได้โดยไม่ต้องสืบพยาน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเสียโฉมถือเป็นอันตรายสาหัส ศาลพิพากษาโดยไม่จำต้องสืบพยาน
ใบหูเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ประกอบรูปหน้าให้งาม การที่ใบหูหลุดขาดแหว่งไปถึงหนึ่งในสาม ย่อมทำให้รูปหน้าเสียความงามอันเป็นการเสียโฉมอย่างติดตัว เป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 แล้ว ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้อง กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นเมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็มีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาคดีได้โดยไม่ต้องสืบพยาน