พบผลลัพธ์ทั้งหมด 648 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเสียโฉมและประเด็นการรอการลงโทษโดยคำนึงถึงพฤติการณ์และคำร้องของผู้เสียหาย
ใบหูเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ประกอบรูปหน้าให้งามเมื่อใบหูขาดไปถึงหนึ่งในสาม ย่อมจะทำให้รูปหน้าเสียความงามอันเป็นการเสียโฉมอย่างติดตัวแม้ผู้เสียหายจะรักษาตัวไม่เกิน 14 วัน ผู้เสียหายก็ได้รับอันตรายสาหัสแล้ว
ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้องกฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องศาลมีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาโดยไม่ สืบพยานได้.
ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้องกฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องศาลมีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาโดยไม่ สืบพยานได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตอาหารปลอมเกินมาตรฐาน โต้แย้งข้อเท็จจริงหลังรับสารภาพเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปใจความได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตอาหารประเภทเครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดแห่งที่ต้องละลายก่อนบริโภคบรรจุซองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นอาหารควบคุมเฉพาะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๖๕ (พ.ศ. ๒๕๒๕) ที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของเครื่องดื่มเกลือแร่ ๑ ลิตร ต้องมีปริมาณโซเดียม ๔๐ มิลลิอิควิวาเลนท์ แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ที่จำเลยทั้งสองผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายมีปริมาณโซเดียมมากถึง๑๑๕ มิลลิอิควิวาเลนท์ ต่อเครื่องดื่มเกลือแร่ ๑ ลิตร มีปริมาณโซเดียมเกินกว่าร้อยละ ๑๘๗.๕ จากเกณฑ์สูงสุดตามกฎหมายจึงเป็นอาหารที่ผลิตขึ้นไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ถึงขนาดส่วนประกอบที่เป็นคุณค่าทางอาหารมีปริมาณเกินกว่าร้อยละ ๓๐ จากเกณฑ์สูงสุดและแตกต่างจากคุณภาพหรือมาตรฐานที่ระบุไว้จนทำให้เกิดโทษหรืออันตรายแก่ร่างกายผู้บริโภค อันเป็นอาหารปลอมโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้มิได้บรรยายว่าเมื่อบริโภคโซเดียมเข้าสู่ร่างกายมากตามฟ้องแล้วจะทำให้ผู้บริโภคได้รับโทษหรืออันตรายอย่างไร ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณาหากจำเลยให้การปฏิเสธ
เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องของโจทก์จำเลยทั้งสองจะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่า โซเดียมจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายหรือไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งมิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องของโจทก์จำเลยทั้งสองจะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่า โซเดียมจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายหรือไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งมิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตเครื่องดื่มเกลือแร่เกินมาตรฐานตามกฎหมาย และการรับสารภาพที่ผูกพันในชั้นพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปใจความได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตอาหารประเภทเครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดแห่งที่ต้องละลายก่อนบริโภคบรรจุซองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นอาหารควบคุมเฉพาะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 65(พ.ศ. 2525) ที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของเครื่องดื่มเกลือแร่ 1 ลิตร ต้องมีปริมาณโซเดียม40มิลลิอิควิวาเลนท์ แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ที่จำเลยทั้งสองผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายมีปริมาณโซเดียมมากถึง115 มิลลิอิควิวาเลนท์ ต่อเครื่องดื่มเกลือแร่ 1 ลิตร มีปริมาณโซเดียมเกินกว่าร้อยละ 187.5 จากเกณฑ์สูงสุดตามกฎหมายจึงเป็นอาหารที่ผลิตขึ้นไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ถึงขนาดส่วนประกอบที่เป็นคุณค่าทางอาหารมีปริมาณเกินกว่าร้อยละ 30 จากเกณฑ์สูงสุดและแตกต่างจากคุณภาพหรือมาตรฐานที่ระบุไว้จนทำให้เกิดโทษหรืออันตรายแก่ร่างกายผู้บริโภค อันเป็นอาหารปลอมโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้มิได้บรรยายว่าเมื่อบริโภคโซเดียมเข้าสู่ร่างกายมากตามฟ้องแล้วจะทำให้ผู้บริโภคได้รับโทษหรืออันตรายอย่างไร ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณาหากจำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องของโจทก์จำเลยทั้งสองจะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่า โซเดียมจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายหรือไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งมิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาหารปลอม: การบรรยายฟ้องที่สมบูรณ์ และการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปใจความได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตอาหารประเภทเครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดแห้งที่ต้องละลายก่อนบริโภคบรรจุซองเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นอาหารควบคุมเฉพาะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 65(พ.ศ. 2525) ที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของเครื่องดื่มเกลือแร่ 1 ลิตร ต้องมีปริมาณโซเดียม40มิลลิอิควิวาเลนท์แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ที่จำเลยทั้งสองผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายมีปริมาณโซเดียมมากถึง115มิลลิอิควิวาเลนท์ ต่อเครื่องดื่มเกลือแร่1 ลิตร มีปริมาณโซเดียมเกินกว่าร้อยละ 187.5 จากเกณฑ์สูงสุดตามกฎหมาย จึงเป็นอาหารที่ผลิตขึ้นไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ถึงขนาดส่วนประกอบที่เป็นคุณค่าทางอาหารมีปริมาณเกินกว่าร้อยละ 30 จากเกณฑ์สูงสุดและแตกต่างจากคุณภาพหรือมาตรฐานที่ระบุไว้จนทำให้เกิดโทษหรืออันตรายแก่ร่างกายผู้บริโภคอันเป็นอาหารปลอมโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้มิได้บรรยายว่าเมื่อบริโภคโซเดียมเข้าสู่ร่างกายมากตามฟ้องแล้วจะทำให้ผู้บริโภคได้รับโทษหรืออันตรายอย่างไร ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณาหากจำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องของโจทก์ จำเลยทั้งสองจะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่า โซเดียมจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายหรือไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งมิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตอาหารปลอมเกินมาตรฐาน โต้เถียงข้อเท็จจริงหลังรับสารภาพเป็นฎีกาไม่ชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปใจความได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตอาหารประเภทเครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดแห้งที่ต้องละลายก่อนบริโภคบรรจุซองเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นอาหารควบคุมเฉพาะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 65(พ.ศ. 2525) ที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของเครื่องดื่มเกลือแร่ 1 ลิตร ต้องมีปริมาณโซเดียม40มิลลิอิควิวาเลนท์ แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ที่จำเลยทั้งสองผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายมีปริมาณโซเดียมมากถึง115 มิลลิอิควิวาเลนท์ ต่อเครื่องดื่มเกลือแร่ 1 ลิตร มีปริมาณโซเดียมเกินกว่าร้อยละ 187.5 จากเกณฑ์สูงสุดตามกฎหมาย จึงเป็นอาหารที่ผลิตขึ้นไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ถึงขนาดส่วนประกอบที่เป็นคุณค่าทางอาหาร มีปริมาณเกินกว่าร้อยละ 30 จากเกณฑ์สูงสุดและแตกต่างจากคุณภาพหรือมาตรฐานที่ระบุไว้จนทำให้เกิดโทษหรืออันตรายแก่ร่างกายผู้บริโภค อันเป็นอาหารปลอมโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำ ข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้มิได้บรรยายว่าเมื่อบริโภคโซเดียมเข้าสู่ร่างกายมากตามฟ้องแล้วจะทำให้ผู้บริโภคได้รับโทษหรืออันตรายอย่างไรก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณาหากจำเลยให้การปฏิเสธ.
เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องของโจทก์ จำเลยทั้งสองจะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่าโซเดียมจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายหรือไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งมิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องของโจทก์ จำเลยทั้งสองจะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่าโซเดียมจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายหรือไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งมิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แม้จะแก้คำพิพากษา
การที่จะพิจารณา ว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ต้องถือโทษที่ศาลลงแก่จำเลยเป็นรายกระทงไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด2 กระทง แต่ละกระทงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน10,000 บาท แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ระบุวรรคตอนของบทมาตราที่เป็นความผิดและบทลงโทษให้ชัดเจน กับแก้ โทษจำคุกให้น้อยลงโดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลย ก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219.
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลิตเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐานซ้ำหลังเคยถูกตัดสินโทษ และหลีกเลี่ยงการรับโทษตามคำพิพากษา ศาลฎีกายืนโทษจำคุก
จำเลยที่ 2 ผลิตเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานเป็นจำนวนมากโดยหลีกเลี่ยงและฝ่าฝืนต่อกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยหรือเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชน นับได้ว่าเป็นภยันตรายต่อประชาชนและอาจเป็นเหตุให้ประชาชนขาดความนิยมเชื่อถือ อันจะก่อให้เกิดความไม่มั่นคงในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเหล็กเส้นซึ่งเป็นผลเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศ ทั้งจำเลยที่ 2 เคยผลิตเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐานจนถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นหมายนัดจำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จำเลยที่ 2 หลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นต้องออกหมายจับและก็ยังไม่ได้ตัวจำเลยที่ 2 มารับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 2.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกเคหสถาน - บกวนการครอบครอง - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
การที่จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมและแสดงอาการขับไล่มารดาโจทก์ร่วมซึ่ง เป็นบริวารของโจทก์ร่วมให้ออกจากบ้าน ถือได้ว่าเป็นการบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดย ปกติสุข เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกเคหะสถาน: การขับไล่บริวารถือเป็นการบกวนครอบครอง
การที่จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมและแสดงอาการขับไล่มารดาโจทก์ร่วมซึ่ง เป็นบริวารของโจทก์ร่วมให้ออกจากบ้าน ถือได้ว่าเป็นการบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดย ปกติสุข เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรบกวนการครอบครองทรัพย์สิน การขับไล่บุคคลในบ้าน และการชดใช้ค่าเสียหาย ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมและแสดงอาการขับไล่มารดาโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบริวารของโจทก์ร่วมให้ออกจากบ้าน ถือได้ว่าเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุขเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362