พบผลลัพธ์ทั้งหมด 433 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตร การพิจารณาประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์ ความผูกพันทางจิตใจ และความสามารถในการเลี้ยงดู
เมื่อโจทก์มิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุกอันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้น กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของโจทก์ได้ แต่เมื่อผู้เยาว์มีความผูกพันกับจำเลยมากกว่าโจทก์ การที่ผู้เยาว์อยู่กับจำเลยจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์ จำเลยประกอบอาชีพมั่นคงพอที่จะเลี้ยงดูผู้เยาว์ได้ ทั้งมีตาและยายของผู้เยาว์คอยจุนเจือช่วยเหลือสามารถดูแลผู้เยาว์ได้ใกล้ชิด ประกอบกับผู้เยาว์ซึ่งมีอายุ 8 ปีแล้วประสงค์จะอยู่กับจำเลยด้วย เพื่อให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้เยาว์จึงสมควรให้จำเลยซึ่งเป็นมารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ฝ่ายเดียวตามบทบัญญัติ มาตรา 1566(5) แห่ง ป.พ.พ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองผู้เยาว์: พิจารณาความผูกพันทางจิตใจและผลประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์
บิดามิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1582 เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุก อันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้นกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของบิดา แต่ตามพฤติการณ์ของคดีได้ความว่าความผูกพันทางจิตใจของมารดาที่มีต่อผู้เยาว์จะแนบแน่นมากกว่าผู้เป็นบิดา แม้มารดาได้มีโอกาสปกครองดูแลผู้เยาว์บ้างเป็นครั้งคราวชั่วระยะเวลาอันสั้น ผู้เยาว์กลับประสงค์จะอยู่กับมารดา แสดงว่าผู้เยาว์ขาดความอบอุ่นทางจิตใจขณะอยู่กับบิดาเมื่อผู้เยาว์มีความผูกพันกับมารดามากกว่าบิดา การที่ผู้เยาว์อยู่กับมารดาจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์ จึงเห็นสมควรให้การใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์อยู่กับมารดาฝ่ายเดียวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1566 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเจรจาให้เงินเพื่อออกจากที่ดินสาธารณะ ไม่ถือเป็นการข่มขู่หรือข่มเหง
ก่อนเกิดเหตุ ท.ได้ให้ผู้ตายไปบอกจำเลยให้ขนย้ายบริวารออกไปจากที่ดินป่าซายเลนซึ่งเป็นที่ดินของทางราชการที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ และที่ดินแปลงดังกล่าวทางราชการได้ให้บุคคลอื่นเช่าไปแล้ว โดยเสนอให้เงินจำเลยจำนวน 60,000 บาท โดยมี พ.กับนายดาบตำรวจ บ.ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไปด้วย และบุคคลทั้งสามไม่มีอาวุธปืนติดตัว ผู้ตายยืนพูดกับจำเลยบริเวณหน้า-ประตูบ้านจำเลย ส่วน พ.และนายดาบตำรวจ บ.ยืนห่างผู้ตายประมาณ 10 เมตรซึ่งเป็นบริเวณนอกบ้านจำเลย ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ก็มีบุคคลอื่นเช่าแล้วจำเลยจึงอยู่อาศัยในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยไม่มีสิทธิโดยชอบ การพูดจาระหว่างจำเลยกับผู้ตายน่าจะพูดถึงเงินจำนวน 60,000 บาท ที่เสนอให้ด้วย และการที่พ.กับนายดาบตำรวจ บ.ไปด้วยก็เป็นการไปเป็นเพื่อด้วยเท่านั้น ดังนั้น จึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่กระทำไปโดยสมควร ไม่มีลักษณะเป็นการข่มขู่แต่อย่างใดจึงไม่ถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงผู้อื่นเสียชีวิต: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการเสนอเงินให้ย้ายออก ไม่ใช่การข่มขู่จนถึงขั้นบันดาลโทสะ
ก่อนเกิดเหตุ น. ได้ให้ผู้ตายไปบอกแก่จำเลยให้ขนย้ายบริวารออกไปจากที่ดินป่าชายเลนที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ โดยเสนอให้เงินจำนวน 60,000 บาท เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินของทางราชการอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งได้ให้บุคคลอื่นเช่าไปแล้ว จำเลยจึงเช่าไม่ได้ โดยมี พ. กับนายดาบตำรวจบ. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไปด้วย ทั้งนี้บุคคลทั้งสามไม่มีอาวุธปืนติดตัว ผู้ตายไปถึงก่อนและยืนพูดกับจำเลยบริเวณหน้าประตูบ้านจำเลย พ. กับนายดาบตำรวจ บ. ตามมาไล่ ๆ กันเพื่อจะเป็นเพื่อนผู้ตาย และยืนอยู่ด้วยกันห่างผู้ตายประมาณ10 เมตร ซึ่งเป็นบริเวณนอกบ้านจำเลย การพูดจาระหว่างผู้ตายกับจำเลยมีการพูดถึงเงิน 60,000 บาท ที่เสนอให้ด้วย เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นกรณีที่กระทำไปโดยสมควร ไม่น่าจะมีลักษณะเป็นการข่มขู่แต่อย่างใด จึงไม่ถือว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม การที่จำเลยเข้าไปในบ้านหยิบเอาอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว มายิงผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ: การเสนอเงินเพื่อขอที่ดิน และการไม่มีลักษณะข่มขู่
ก่อนเกิดเหตุ ท.ได้ให้ผู้ตายไปบอกจำเลยให้ขนย้ายบริวารออกไปจากที่ดินป่าชายเลนซึ่งเป็นที่ดินของทางราชการที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ และที่ดินแปลงดังกล่าวทางราชการได้ให้บุคคลอื่นเช่าไปแล้ว โดยเสนอให้เงินจำเลยจำนวน 60,000 บาท โดยมี พ.กับนายดาบตำรวจ บ. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไปด้วย และบุคคลทั้งสามไม่มีอาวุธปืนติดตัว ผู้ตายยืนพูดกับจำเลยบริเวณหน้าประตูบ้านจำเลย ส่วน พ.และนายดาบตำรวจ บ. ยืนห่างผู้ตายประมาณ 10 เมตร ซึ่งเป็นบริเวณนอกบ้านจำเลย ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ก็มีบุคคลอื่นเช่าแล้ว จำเลยจึงอยู่อาศัยในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยไม่มีสิทธิโดยชอบ การพูดจาระหว่างจำเลยกับผู้ตายน่าจะพูดถึงเงินจำนวน 60,000 บาท ที่เสนอให้ด้วย และการที่ พ.กับนายดาบตำรวจ บ. ไปด้วยก็เป็นการไปเป็นเพื่อนด้วยเท่านั้นดังนั้น จึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่กระทำไปโดยสมควร ไม่มีลักษณะเป็นการข่มขู่แต่อย่างใด จึงไม่ถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินทำสวนผลไม้ไม่เข้าข่ายการเช่านาตาม พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524
จำเลยเช่าที่พิพาททำสวนปลูกฝรั่ง-พันธุ์เวียดนาม มะม่วงและมะพร้าวซึ่งล้วนแต่เป็นพืชต้องการน้ำมากและอายุยืนไม่ถือว่าเป็นพืชไร่ ตามนัยแห่งมาตรา 21พระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 กรณีมิใช่เป็นการเช่าที่ดินเพื่อทำนา จึงไม่สามารถอ้างอายุการเช่ามีกำหนดเวลา 6 ปี ตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวขึ้นต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินเพื่อทำการเกษตร: การพิจารณาประเภทพืชไร่ตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 21 บัญญัติว่า "ทำนา" หมายความว่าการเพาะปลูกข้าวหรือพืชไร่ "พืชไร่" หมายความว่าพืชซึ่งต้องการน้ำน้อยและอายุสั้น หรือสามารถเก็บเกี่ยวครั้งแรกได้ภายในสิบสองเดือน เมื่อจำเลยเช่า ที่ดินทำสวนปลูกฝรั่ง พันธุ์เวียตนาม มะม่วง และมะพร้าวโดยส่วนใหญ่ ปลูกฝรั่ง พันธุ์เวียตนามซึ่งเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ฉะนั้น แม้ฝรั่ง พันธุ์เวียตนามจะเก็บเกี่ยวผลครั้งแรกได้ภายใน 8 เดือน ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นพืชไร่ ส่วนมะม่วง มะพร้าว เป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืนนานไม่เป็นพืชไร่เช่นกัน จึงไม่เป็นการเช่าที่ดินที่ได้รับ ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2424
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ราคาประเมิน, สิ่งปลูกสร้างหลังเวนคืน, และขอบเขตค่าทดแทนตามกฎหมาย
พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกฯ (พ.ศ.2526) มิได้บัญญัติเรื่องเงินค่าทดแทนไว้เป็นพิเศษ กรณีจึงต้องเป็นไปตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 76 (2) คือ เงินค่าทดแทนจะต้องกำหนดเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาของทรัพย์สินตามธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่ พ.ร.ฎ. กำหนดแนวทางที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ตอนแขวงบางซื่อ - แขวงลาดยาว พ.ศ.2517 ใช้บังคับ คือ วันที่ 29 พฤษภาคม 2517แต่โจทก์มิได้นำสืบว่าในวันเวลาดังกล่าวที่ดินของโจทก์มีราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดจำนวนเท่าใด ที่ดินของโจทก์ทั้งแปลงมีเนื้อที่ 7 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวาโจทก์ซื้อมาตั้งแต่ พ.ศ.2521 ในราคา 11 ล้านบาทเศษ ถูกเวนคืนเพียง 3 ไร่2 งาน 48 ตารางวา การที่จำเลยนำบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซึ่งมีผลใช้บังคับใน พ.ศ.2524 มาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน 8,140,337 บาท อันเป็นจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกับราคาที่ดินทั้งแปลงที่โจทก์ซื้อมา จำนวนเงินค่าทดแทนดังกล่าวจึงน่าจะไม่ต่ำกว่าราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่ พ.ร.ฎ.ดังกล่าวใช้บังคับ ค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดจึงชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมแก่โจทก์แล้ว
การปรับปรุงที่ดิน การทำถนนและอาคารโครงเหล็กตามที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องค่าทดแทนล้วนแล้วแต่ได้กระทำขึ้นภายหลังวันที่ พ.ร.ฎ.กำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกตอนแขวงบางซื่อ - แขวงลาดยาว พ.ศ.2517 ใช้บังคับ โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์การที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ทำถนนจากกรมทางหลวงก็ดี และได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ก็ดี ผู้ออกใบอนุญาตเช่นว่านั้น หาได้กระทำไปในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือได้รับมอบหมายจากบุคคลดังกล่าวตามเงื่อนไขที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 74 (2)กำหนดไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
การปรับปรุงที่ดิน การทำถนนและอาคารโครงเหล็กตามที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องค่าทดแทนล้วนแล้วแต่ได้กระทำขึ้นภายหลังวันที่ พ.ร.ฎ.กำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกตอนแขวงบางซื่อ - แขวงลาดยาว พ.ศ.2517 ใช้บังคับ โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์การที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ทำถนนจากกรมทางหลวงก็ดี และได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ก็ดี ผู้ออกใบอนุญาตเช่นว่านั้น หาได้กระทำไปในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือได้รับมอบหมายจากบุคคลดังกล่าวตามเงื่อนไขที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 74 (2)กำหนดไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีเช็ค, การใช้กฎหมายใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลย, และการรอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาตามรูปคดีต่อไป ดังนี้ ปัญหาเรื่องคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยว่าคดีไม่ขาดอายุความ จำเลยฎีกาว่า ศาลฎีกานำคำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมารับฟังเป็นผลร้ายแก่จำเลยประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยไม่เห็นด้วยนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คมีมูลหนี้ผิดกฎหมายจากดอกเบี้ยเกินอัตรา: จำเลยไม่ต้องรับผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำนวนเงินต้นในสัญญากู้ยืมเงิน ได้รวมดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย การที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ผิดกฎหมายไม่อาจบังคับชำระได้รวมอยู่ด้วย แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3