คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
กู้เกียรติ สุนทรบุระ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 433 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3673/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายสินสมรสต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากคู่สมรส หากไม่มีหลักฐานแสดงความยินยอม ศาลไม่อาจรับฟังพยานบุคคลแทนได้
โจทก์มิได้นำสืบหนังสือยินยอมของสามีจำเลยที่ให้จำเลยขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์ แต่กลับสืบพยานบุคคลแทนหนังสือให้ความยินยอม และการที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยมีหนังสือยินยอมของสามีมาด้วย ก็ถือได้ว่าเป็นการสืบพยานบุคคลเพื่อแสดงว่าสามีจำเลยได้ให้ความยินยอมนั่นเอง จึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความยินยอมจากสามีให้ขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การก่อสร้างหลังคาและประตูปิดกั้นทางพิพาทโดยไม่จำเป็น ขัดสิทธิการใช้ภารจำยอม แม้มีการอนุญาตจากเจ้าของเดิมก็ยกเลิกได้
ทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในภารจำยอมแก่ที่ดินของจำเลยทั้งสองเพียงให้คนและยานพาหนะผ่านเข้าออกสู่ถนนสาธารณะเท่านั้น ฉะนั้นการก่อสร้างหลังคาคลุมทางพิพาทก็ดี การทำประตูปิดกั้นทางพิพาทก็ดี หาใช่การอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภารจำยอมไม่จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิที่จะปลูกสร้างหลังคาคลุมและทำประตูปิดกั้นทางพิพาท และแม้เจ้าของที่ดินที่เป็นภารยทรัพย์คนเดิมจะอนุญาตให้จำเลยทั้งสองก่อสร้างหลังคาคลุมและทำประตูปิดกั้นทางพิพาทได้ การอนุญาตดังกล่าวก็หาได้มีข้อผูกพันให้มีผลอยู่ตลอดไปไม่ดังนั้น เจ้าของที่ดินเดิมหรือโจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์จากเจ้าของที่ดินเดิมจะถอนการอนุญาตเสียในเวลาใดก็ย่อมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การก่อสร้างกีดขวางทางภารจำยอม แม้ได้รับอนุญาต ก็สามารถถอนได้หากไม่จำเป็นต่อการใช้ภารจำยอม
ทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพียงให้คนและยานพาหนะผ่านเข้าออกสู่ถนนสาธารณะเท่านั้น จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิที่จะปลูกสร้างหลังคาคลุมและทำประตูปิดกั้นทางพิพาทเพราะมิใช่การอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภารจำยอม การที่เจ้าของที่ดินเดิมอนุญาตให้จำเลยทั้งสองก่อสร้างหลังคาคลุมและทำประตูปิดกั้นทางพิพาท การอนุญาตหาได้มีข้อผูกพันให้มีผลอยู่ตลอดไปไม่ เจ้าของที่ดินเดิมหรือโจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์จากเจ้าของที่ดินเดิม จะถอนการอนุญาตเสียในเวลาใดก็ย่อมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้จำเลยขาดนัด ศาลยังยกฟ้องได้หากพยานโจทก์ไม่เพียงพอ และมีข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีภาษีอากร
แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาก็ตาม ศาลจะพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีก็ต่อเมื่อศาลเห็นว่าข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่เพียงพอรับฟังตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรค 1 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธี-พิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17
ตามใบขนสินค้าขาเข้าและบัญชีราคาสินค้า ปรากฏว่ามีการระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกัน ซึ่งศาลก็วินิจฉัยจากพยานเอกสารดังกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะหลีกเลี่ยงภาษีโดยระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกันอันเป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล และเป็นการวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนนั้นเอง หาได้เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากข้อเท็จจริงในสำนวนอันจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ.2528 มาตรา 25

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้หากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ และอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีภาษีอากรที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาทต้องห้าม
แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาก็ตามศาลจะพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีก็ต่อเมื่อศาลเห็นว่าข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่เพียงพอรับฟังตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค 1 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 17 ตามใบขนสินค้าขาเข้าและบัญชีราคาสินค้า ปรากฏว่ามีการระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกัน ซึ่งศาลก็วินิจฉัยจากพยานเอกสารดังกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะหลีกเลี่ยงภาษีโดยระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกันอันเป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลและเป็นการวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนนั้นเอง หาได้เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากข้อเท็จจริงในสำนวนอันจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 25

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3068/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: ราคาค่าทดแทนต้องเป็นราคาตลาด ณ วันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ไม่ใช่ราคาตามบัญชีราคาประเมิน
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 เรื่องทางหลวง ข้อ 76 นั้นกำหนดว่า เงินค่าทดแทนที่จะจ่ายให้แก่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนนั้นต้องกำหนดเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาด ในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับเมื่อกรมโยธาธิการจำเลยที่ 1 กำหนดเงินค่าทดแทนให้โจทก์ โดยถือบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมที่ดินปี 2525-2527 อันเป็นราคาคงที่ตลอดเวลาที่ใช้บัญชีดังกล่าวจึงมิใช่ราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาด ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจ ย่อมไม่เป็นธรรมต่อโจทก์และไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3068/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าทดแทนเวนคืนต้องเป็นราคาตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ การใช้บัญชีราคาคงที่ไม่เป็นธรรม
ตามประกาศของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 76 กำหนดว่าเงินค่าทดแทนนั้น ถ้าไม่มีบทบัญญัติเป็นพิเศษในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งออกตามข้อ 63 แล้ว ให้กำหนดเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับในกรณีที่ได้ตราพระราชกฤษฎีกาเช่นว่านั้น ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 กำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนโดยถือบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมที่ดินปี 2525-2527 อันเป็นราคาคงที่ตลอดเวลาที่ใชับัญชีดังกล่าวมิใช่ราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจ ย่อมไม่เป็นธรรมต่อโจทก์และไม่ชอบด้วยกฎหมายถือไม่ได้ว่าเป็นราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3017/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดสุจริตและการคุ้มครองสิทธิ การคัดค้านการออกโฉนดไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยซื้อและรับโอนสิทธิครอบครองมาจาก ช. ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายจำเลยได้ยื่นคำคัดค้านการขอรังวัดออกโฉนดที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่า จำเลยซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1206 จากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์เพิ่งทราบว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยดังกล่าวออกมาทับที่ดินของโจทก์ทั้งแปลง การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาลโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด แม้จะให้โจทก์สืบพยานหลักฐานไปตามคำฟ้องก็คงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยซื้อที่ดินโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดของศาล สิทธิของจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 และการที่จำเลยไปคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินของโจทก์ก็เป็นการใช้สิทธิของตนตามกฎหมายหาได้เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ไม่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3017/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดโดยสุจริตย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย แม้ที่ดินจะมิใช่ของผู้ถูกบังคับคดี
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์โดยโจทก์ซื้อและรับโอนสิทธิครอบครองมาจาก ช. ส่วนจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่1206 ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านการขอรังวัดออกโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยซื้อที่ดินดังกล่าวมาจากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์เพิ่งทราบว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยดังกล่าวออกมาทับที่ดินของโจทก์หมดทั้งแปลง การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวดังนี้ คำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาลโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด แม้ศาลจะให้โจทก์สืบพยานหลักฐานไปตามคำฟ้องก็คงต้องฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยซื้อที่ดินโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดของศาลอยู่นั่นเอง และสิทธิของจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330นอกจากนี้การที่จำเลยไปคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินของโจทก์ก็เป็นการใช้สิทธิของตนตามกฎหมาย หาได้เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2914/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมในที่รโหฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการป้องกันโดยชอบธรรม
โรงค้าไม้ที่ใช้เป็นที่พักอาศัยยาม ที่โรงค้าไม้หยุดดำเนินกิจการ ภายในบริเวณโรงค้าไม้ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังย่อมไม่ใช่สาธารณสถาน แต่เป็นที่รโหฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2(13)แม้โจทก์ร่วมจะมีอำนาจจับกุมจำเลยเพราะเป็นกรณีที่มีผู้ขอให้จับโดยแจ้งว่าจำเลยได้กระทำความผิดและแจ้งด้วยว่าได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 78(4) แต่การจับกุมตามกรณีดังกล่าว ก็ต้องมิใช่เป็นการจับกุมในที่รโหฐานเพราะตามมาตรา 81 บัญญัติว่า จะมีหมายจับหรือไม่ก็ตามห้ามมิให้จับในที่รโหฐาน เว้นแต่จะได้ทำตามบัญญัติว่าด้วยการค้นในที่รโหฐาน ซึ่งพฤติการณ์ของโจทก์ร่วมที่กระทำไปก็หาต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าวไม่ การที่โจทก์ร่วมกับพวกเข้าทำการจับกุมจำเลยในที่รโหฐาน จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบทั้งปราศจากอำนาจที่จะทำได้ตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ แม้จำเลยจะต่อสู้ขัดขวางการจับกุมและทำร้ายโจทก์ร่วมจริง การกระทำของจำเลยก็เป็นการป้องกันชอบด้วยกฎหมาย
of 44