คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศักดา โมกขมรรคกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินทุนสะสมเมื่อเลิกจ้าง: ความเสียหายโดยตรงต่อธนาคารเป็นเหตุไม่ต้องจ่าย
ระเบียบของจำเลยว่าด้วยเงินทุนสะสม พ.ศ. 2520 ระบุว่าเมื่อพนักงานบุคคลใดออกจากธนาคาร ให้ธนาคารจ่ายเงินสะสมแก่พนักงานบุคคลนั้น เว้นแต่ในกรณีต้องออกจากงานตามคำสั่งของธนาคาร เพราะกระทำการทุจริตในหน้าที่หรือกระทำการประมาทเลินเล่อ หรือกระทำการอื่นใดเป็นเหตุให้ธนาคารต้องเสียหาย... หมายความว่าจำเลยจะไม่ต้องจ่ายเงินทุนสะสมให้แก่พนักงานถ้าพนักงานกระทำให้จำเลยได้รับความเสียหายโดยตรงต่อทรัพย์สินหรือชื่อเสียงของจำเลย การที่โจทก์ปลุกปล้ำทำอนาจาร อ. พนักงานในสำนักงานเดียวกัน แต่กระทำนอกสถานที่ทำงานเป็นการกระทำในเรื่องส่วนตัว และมิได้ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ทั้งจะถือว่าการกระทำละเมิดต่อ อ. ดังกล่าวเป็นการทำละเมิดต่อจำเลยด้วยหาได้ไม่ โจทก์ไม่ได้ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายตามความหมายของระเบียบดังกล่าวอันจะทำให้จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินสะสมให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินทุนสะสมเมื่อออกจากงาน ต้องพิจารณาความเสียหายโดยตรงต่อธนาคารจากพฤติกรรมของลูกจ้าง
ระเบียบของจำเลยว่าด้วยเงินทุนสะสม พ.ศ. 2520 ระบุว่าเมื่อพนักงานบุคคลใดออกจากธนาคาร ให้ธนาคารจ่ายเงินทุนสะสมแก่พนักงานบุคคลนั้น เว้นแต่ในกรณีต้องออกจากงานตามคำสั่งของธนาคารเพราะกระทำการทุจริตในหน้าที่หรือกระทำการประมาทเลินเล่อหรือกระทำการอื่นใดเป็นเหตุให้ธนาคารต้องเสียหาย หมายความว่าจำเลยจะไม่ต้องจ่ายเงินทุนสะสมให้แก่พนักงานถ้าพนักงานกระทำให้จำเลยได้รับความเสียหายโดยตรงต่อทรัพย์สินหรือชื่อเสียงของจำเลยการที่โจทก์ปลุกปล้ำทำอนาจาร อ. พนักงานในสำนักงานเดียวกันแต่กระทำนอกสถานที่ทำงาน เป็นการกระทำในเรื่องส่วนตัวและมิได้ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ทั้งจะถือว่าการกระทำละเมิดต่อ อ. ดังกล่าวเป็นการทำละเมิดต่อจำเลยด้วยหาได้ไม่ โจทก์ไม่ได้ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายตามความหมายของระเบียบดังกล่าวอันจะทำให้จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินทุนสะสมให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินทุนสะสมของธนาคาร: เหตุไม่ต้องจ่ายเมื่อพนักงานกระทำละเมิดทำให้ธนาคารเสียหาย
ระเบียบของจำเลยว่าด้วยเงินทุนสะสม พ.ศ. 2520 ระบุว่าเมื่อพนักงานบุคคลใด ออกจากธนาคาร ให้ธนาคารจ่ายเงินสะสมแก่พนักงานบุคคลนั้น เว้นแต่ในกรณีต้อง ออกจากงานตาม คำสั่งของธนาคาร เพราะกระทำการทุจริตในหน้าที่หรือกระทำการประมาทเลินเล่อ หรือกระทำการอื่นใด เป็นเหตุให้ธนาคารต้อง เสียหาย... หมายความว่าจำเลยจะไม่ต้องจ่ายเงินทุนสะสมให้แก่พนักงานถ้า พนักงานกระทำให้จำเลยได้ รับความเสียหายโดยตรงต่อ ทรัพย์สินหรือชื่อเสียงของจำเลยการที่โจทก์ปลุกปล้ำทำอนาจาร อ. พนักงานในสำนักงานเดียวกันแต่ กระทำนอกสถานที่ทำงานเป็นการกระทำในเรื่องส่วนตัว และมิได้ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ทั้งจะถือว่าการกระทำละเมิดต่อ อ.ดังกล่าวเป็นการทำละเมิดต่อ จำเลยด้วย หาได้ไม่ โจทก์ไม่ได้ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายตาม ความหมายของระเบียบดังกล่าวอันจะทำให้จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินสะสมให้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ที่อยู่ของจำคุกในเรือนจำไม่ใช่ภูมิลำเนาตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จำเลยไม่เคยมีถิ่นที่อยู่หรือถูกจับหรือทำการสอบสวนในเขตศาลจังหวัดนนทบุรี แม้ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัดนครปฐมให้จำคุกตลอดชีวิตและถูกส่งตัวมารับโทษจำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ก็ไม่อาจถือได้ว่าเรือนจำกลางบางขวางเป็นที่อยู่ของจำเลย ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22(1) ศาลจังหวัดนนทบุรีจึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: ที่อยู่ของจำคุกในเรือนจำ ไม่ถือเป็น 'ที่อยู่' ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จำเลยไม่เคยมีถิ่นที่อยู่หรือถูกจับหรือทำการสอบสวนในเขตศาลจังหวัดนนทบุรี แม้ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัดนครปฐม ให้จำคุกตลอดชีวิต และถูกส่งตัวมารับโทษจำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ก็ไม่อาจถือได้ว่าเรือนจำกลางบางขวางเป็นที่อยู่ของจำเลย ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1) ศาลจังหวัดนนทบุรีจึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: ที่อยู่จำเลยและการพิจารณาคดีนอกเขตอำนาจ
ความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์จำเลยไม่เคยมีถิ่น ที่อยู่หรือถูกจับหรือทำการสอบสวนในเขตศาลจังหวัด นนทบุรี แม้ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต้อง คำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัด นครปฐม ให้จำคุกตลอดชีวิต และถูก ส่งตัวมารับโทษจำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัด นนทบุรี ตาม ระเบียบของ กรมราชทัณฑ์ ก็ไม่อาจถือได้ว่าเรือนจำกลางบางขวางเป็นที่อยู่ของจำเลย ตาม ความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22(1) ศาลจังหวัด นนทบุรี จึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่มีข้อกำหนดเว้นที่ดินเป็นทางภารจำยอม ทายาทมีสิทธิบังคับให้จดทะเบียนได้
จ. ทำสัญญาขายที่ดินในโฉนดบางส่วนทางด้านติดถนนให้จำเลยตามสัญญาซื้อขายระบุว่า จำเลยสัญญาและรับรองจะเว้นที่ดินทางขวามือเป็นถนนกว้าง 3 เมตร ยาวจดที่ดินของจำเลยให้ จ. มีสิทธิเดินและใช้รถยนต์เข้าไปถึงที่ดินส่วนที่เหลือของ จ.ได้ตลอดไป ดังนี้ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นข้อสัญญาก่อตั้งภารจำยอมในทางพิพาท เมื่อจ. ตาย โจทก์ในฐานะทายาทผู้รับมรดกที่ดินส่วนที่เหลือของ จ.ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาให้ไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเว้นทางภาระจำยอม ทายาทมีสิทธิบังคับคู่สัญญาจดทะเบียนได้
จ. ทำสัญญาขายที่ดินในโฉนดบางส่วนทางด้านติดถนนให้จำเลยตามสัญญาซื้อขายระบุว่า จำเลยสัญญาและรับรองจะเว้นที่ดินทางขวามือเป็นถนนกว้าง 3 เมตร ยาวจดที่ดินของจำเลยให้ จ. มีสิทธิเดินและใช้รถยนต์เข้าไปถึงที่ดินส่วนที่เหลือของ จ. ได้ตลอดไป ดังนี้ ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นข้อสัญญาก่อตั้งภาระจำยอมในทางพิพาท เมื่อ จ. ตาย โจทก์ในฐานะทายาทผู้รับมรดกที่ดินส่วนที่เหลือของ จ. ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาให้ไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมจากการสัญญาซื้อขายที่ดิน: สิทธิของทายาทในการบังคับใช้สิทธิทางภาระจำยอม
จ. ทำสัญญาขายที่ดินในโฉนด บางส่วนทางด้าน ติดถนน ให้จำเลยตาม สัญญาซื้อขายระบุว่า จำเลยสัญญาและรับรองจะเว้น ที่ดินทางขวามือเป็นถนน กว้าง 3 เมตร ยาวจดที่ดินของจำเลยให้ จ. มีสิทธิเดิน และใช้ รถยนต์ เข้าไปถึง ที่ดินส่วนที่เหลือของ จ. ได้ตลอดไป ดังนี้ ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นข้อสัญญาก่อตั้งภาระจำยอมในทางพิพาทเมื่อ จ. ตาย โจทก์ในฐานะ ทายาทผู้รับมรดกที่ดินส่วนที่เหลือของ จ. ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยซึ่ง เป็นคู่สัญญาให้ไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าเสียหายจากสัญญาจ้างแรงงาน และการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างถึงสัญญาของผู้เข้าทำงานที่จำเลยทำกับโจทก์ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ของจำเลย และรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งโจทก์ถือว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามสัญญาฉบับดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเพราะปฏิบัติผิดสัญญาจ้างแรงงานโดยเฉพาะมิใช่เรื่องละเมิด เมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3ลักษณะ 6 มิได้กำหนดอายุความไว้ คดีโจทก์จึงมีอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164 จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธโดยแจ้งชัดถึงข้ออ้างตามฟ้องโจทก์ที่อ้างว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินโดยตรงเพราะตำแหน่งหัวหน้ากองรักษาเงินที่จำเลยดำรงอยู่นั้นเป็นผู้รักษาเงินตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ 4 จำเลยเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่า มีระเบียบการธนาคารออมสินฉบับที่ 72 กำหนดส่วนงานของกองรักษาเงิน และระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ 4 กำหนดหน้าที่ของผู้รักษาเงินซึ่งเป็นคนละส่วนกัน จำเลยเป็นหัวหน้ากองรักษาเงินจึงไม่ใช่ผู้รักษาเงินตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ 4 นั้นอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อนี้จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลแรงงานกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อศาลแรงงานกลางได้พิพากษาให้จำเลยรับผิดโดยวินิจฉัยว่า จำเลยไม่อาจหยิบยกประเพณีหรือทางปฏิบัติมาเป็นข้อแก้ตัวจำเลยปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง หละหลวม มิได้ใช้ความระมัดระวังเท่าที่ควร กับจำเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าผู้ช่วยของจำเลยทุจริต การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญาจ้าง จำเลยมิได้ทุจริตมิได้ประมาทหรือบกพร่องต่อหน้าที่ โจทก์ไม่มีระเบียบข้อบังคับคำสั่งให้จำเลยจดแจ้งจำนวนเงินนำเข้าออก จำเลยได้มอบหมายงานในหน้าที่ให้ผู้ช่วยของจำเลยไปแล้ว หากจำเลยต้องรับผิดก็รับผิดเพียงกึ่งหนึ่งของค่าเสียหายอันเป็นไปตามสภาพการทำงานระหว่างจำเลยกับผู้ช่วยของจำเลยนั้น จึงเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง อันเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 51