พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินและตราไปรษณียากรของพนักงานรัฐ โจทก์ต้องพิสูจน์การจำหน่ายและยักยอกเงินที่ได้จริง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยักยอกเงินที่ได้จากการจำหน่ายตราไปรษณียากรซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยไป แต่โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยได้จำหน่ายตราไปรษณียากรดังกล่าวไปแล้วยักยอกเอาเงินที่จำหน่ายไปเป็นของจำเลย จำเลยอาจยักยอกเอาตราไปรษณียากรไปเพื่อจำหน่ายในภายหลังก็ได้ จึงลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงส่วนนี้ไม่ได้และจำเลยไม่ต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่ผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์โดยพนักงาน: การพิสูจน์การจำหน่ายทรัพย์สินเป็นสำคัญ หากไม่สามารถพิสูจน์การจำหน่ายและยักยอกเงินได้ ศาลไม่ลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยักยอกเงินที่ได้จากการจำหน่ายตราไปรษณียากรซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยไป แต่โจทก์นำสืบไม่ได้ว่า จำเลยได้จำหน่ายตราไปรษณียากรดังกล่าวไปแล้วยักยอกเอาเงินที่จำหน่ายไปเป็นของจำเลย จำเลยอาจยักยอกเอาตราไปรษณียากรไปเพื่อจำหน่ายในภายหลังก็ได้ จึงลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงส่วนนี้ไม่ได้ และจำเลยไม่ต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่ผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยวัตถุจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้ วัตถุซึ่ง ห่อด้วย กระดาษ ขนาดโต เท่าหัวแม่เท้ายาวประมาณ ๑ แขน ตี ผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่ง เป็นอวัยวะสำคัญแม้จำเลยตี เพียงครั้งเดียว แต่ จำเลยก็ตี โดย แรงเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลา ๑ หรือ ๒ ชั่วโมง ต่อมาเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การใช้สิ่งของเป็นอาวุธร้ายแรง
จำเลยใช้วัตถุซึ่งห่อด้วยกระดาษขนาดโตเท่าหัวแม่เท้า ยาวประมาณ 1 แขน ตีผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ แม้จำเลยตีเพียงครั้งเดียวแต่จำเลยก็ตีโดยแรงเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมงต่อมาเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรงถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้วัตถุซึ่งห่อด้วยกระดาษขนาดโตเท่าหัวแม่เท้ายาวประมาณ 1 แขน ตีผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญแม้จำเลยตีเพียงครั้งเดียว แต่จำเลยก็ตีโดยแรง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมงต่อมาเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยวัตถุจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้ วัตถุซึ่ง ห่อด้วย กระดาษ ขนาดโต เท่าหัวแม่เท้ายาวประมาณ 1 แขน ตี ผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่ง เป็นอวัยวะสำคัญแม้จำเลยตี เพียงครั้งเดียว แต่ จำเลยก็ตี โดย แรงเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมง ต่อมาเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629-630/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีแรงงานต้องอาศัยข้อเท็จจริงตามที่ศาลแรงงานสืบพยาน หากยังไม่ได้สืบพยาน ศาลฎีกาไม่มีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยได้
การพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาในคดีแรงงาน ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานวินิจฉัยมา ในปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าค่าครองชีพเป็นค่าจ้างหรือไม่ โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องเอาเงินบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลยแล้วหรือยังนั้น ศาลแรงงานกลางไม่ได้สืบพยานให้ได้ข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จหรือไม่มีข้อความเกี่ยวกับความหมายของค่าจ้าง เงินเดือน และระยะเวลาในการเรียกร้องเงินบำเหน็จว่าอย่างไร ศาลฎีกาจึงไม่มีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย กรณีเป็นเรื่องศาลแรงงานกลางปฏิบัติไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(3)(ข) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31ต้องย้อนสำนวนให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาเสียใหม่ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629-630/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาคืนสำนวนให้ศาลแรงงานกลาง เนื่องจากไม่ได้สืบพยานข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับค่าจ้างและกองทุนบำเหน็จ
การพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาในคดีแรงงาน ต้องถือตาม ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานวินิจฉัยมา ในปัญหาตาม อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าค่าครองชีพเป็นค่าจ้างหรือไม่โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องเอาเงินบำเหน็จตาม ข้อบังคับของจำเลยแล้วหรือยังนั้น ศาลแรงงานกลางไม่ได้สืบพยานให้ได้ ข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จหรือไม่มีข้อความเกี่ยวกับความหมายของค่าจ้างเงินเดือน และระยะเวลาในการเรียกร้องเงินบำเหน็จว่าอย่างไรศาลฎีกาจึงไม่มีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย กรณีเป็นเรื่องศาลแรงงานกลางปฏิบัติไม่ชอบด้วย กระบวนพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243(3)(ข) ประกอบด้วยพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31 ต้อง ย้อน สำนวนให้ศาลแรงงานกลางดำเนิน กระบวนพิจารณาเสียใหม่ให้ถูกต้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629-630/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีแรงงานต้องยึดข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานวินิจฉัย หากศาลไม่สืบพยานหลักฐาน ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไม่ได้
การพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาในคดีแรงงานต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานวินิจฉัยมาในปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าค่าครองชีพเป็นค่าจ้างหรือไม่โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องเอาเงินบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลยแล้วหรือยังนั้นศาลแรงงานกลางไม่ได้สืบพยานให้ได้ข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จหรือไม่มีข้อความเกี่ยวกับความหมายของค่าจ้างเงินเดือนและระยะเวลาในการเรียกร้องเงินบำเหน็จว่าอย่างไรศาลฎีกาจึงไม่มีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยกรณีเป็นเรื่องศาลแรงงานกลางปฏิบัติไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา243(3)(ข)ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31ต้องย้อนสำนวนให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาเสียใหม่ให้ถูกต้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทิ้งฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งสำเนาฎีกาและการแถลงเหตุ
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 นำส่งสำเนาฎีกาภายใน 15 วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือ ว่าทิ้งฎีกาเจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัด สำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ 3ที่ 4 เพิกเฉย มิได้แถลงให้ศาลดำเนินการอย่างไรต่อไปภายในกำหนด 15วันนับแต่วันที่ส่งหมายนัดสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ตาม คำสั่งศาลชั้นต้น ถือว่าจำเลยที่ 3 ที่ 4 ทิ้งฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).