คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เธียร ยูงทอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 426 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5039-5041/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสิทธิในที่ดินโดยการนำชี้ทำแผนที่ ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิของเจ้าของเดิม
การที่จำเลยนำชี้ให้เจ้าพนักงานศาลทำแผนที่พิพาทในคดีอื่นว่าที่ดินพิพาทในคดีนี้เป็นของจำเลยและมรดกของสามีจำเลยคนละครึ่งนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5039-5041/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสิทธิในที่ดินและการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของโดยพยานหลักฐานและเอกสารประกอบ
การที่จำเลยนำชี้ให้เจ้าพนักงานศาลทำแผนที่พิพาทในคดีอื่นว่าที่ดินพิพาทในคดีนี้เป็นของจำเลยและมรดกของสามีจำเลยคนละครึ่งนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5039-5041/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสิทธิในที่ดินและการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของโดยพยานหลักฐาน
การที่จำเลยนำชี้ให้เจ้าพนักงานศาลทำแผนที่พิพาทในคดีอื่น ว่าที่ดินพิพาทในคดีนี้เป็นของจำเลยและมรดกของสามีจำเลยคนละครึ่งนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมทรัพย์สิน: สามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสร่วมกันทำธุรกิจ ทรัพย์สินที่ได้มาถือเป็นของร่วมกัน เจ้าของรวมร้องขัดทรัพย์ไม่ได้
ผู้ร้องกับจำเลยอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสได้ร่วมกันประกอบธุรกิจ และใช้เงินซึ่งทำมาหาได้ด้วยกันซื้อทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของผู้ร้องกับจำเลยร่วมกันผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรวมจึงร้องขัดทรัพย์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมทรัพย์สิน: สามีภรรยาไม่จดทะเบียนร่วมกันทำธุรกิจ เงินร่วมกันซื้อทรัพย์เป็นของทั้งสองร่วมกัน
ผู้ร้องกับจำเลยอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสได้ร่วมกันประกอบธุรกิจ และใช้เงินซึ่งทำมาหาได้ด้วยกันซื้อทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของผู้ร้องกับจำเลยร่วมกัน ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรวมจึงร้องขัดทรัพย์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4473/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีเช็ค: สิทธิฟ้องระงับหากมีคำพิพากษาแล้ว แม้จะอยู่ในระหว่างอุทธรณ์
ผู้เสียหายเคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในการกระทำความผิดเดียวกันกับคดีนี้จนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แม้คดีจะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ก็ถือได้ว่าความผิดของจำเลยซึ่งได้ฟ้องนั้นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว สิทธิของพนักงานอัยการโจทก์ที่จะนำคดีอาญามาฟ้องจำเลยคดีนี้ในความผิดเกี่ยวกับเช็คพิพาทรายเดียวกับคดีก่อนจึงระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4473/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในความผิดเช็ค – คำพิพากษาศาลชั้นต้นถือเป็นสิ้นสุด แม้จะอยู่ในระหว่างอุทธรณ์
ผู้เสียหายเคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในการกระทำความผิดเดียวกันกับคดีนี้จนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แม้คดีดังกล่าวจะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ก็ถือได้ว่าความผิดของจำเลยซึ่งได้ฟ้องนั้นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว สิทธิของพนักงานอัยการโจทก์ที่จะนำคดีอาญาฟ้องจำเลยในความผิดเกี่ยวกับเช็คพิพาทรายเดียวกับคดีก่อนจึงระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4473/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในความผิดเช็ค – สิทธิระงับเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแม้คดีอุทธรณ์
ผู้เสียหายเคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในการกระทำความผิดเดียวกันกับคดีนี้จนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แม้คดีจะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ก็ถือได้ว่าความผิดของจำเลยซึ่งได้ฟ้องนั้นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว สิทธิของพนักงานอัยการโจทก์ที่จะนำคดีอาญามาฟ้องจำเลยคดีนี้ในความผิดเกี่ยวกับเช็คพิพาทรายเดียวกับคดีก่อนจึงระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4237/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทต้องพิจารณาจากความรู้สึกบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ผู้เสียหาย การโฆษณาแจ้งรถหายไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
ข้อความที่จะทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่นั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันว่าจ้างหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาข้อความว่า "รถเบนซ์ 500 สีเทา9 ง 8923 พบแจ้งที่ 2711580 มีรางวัล อุดม " นั้น ในความรู้สึกนึกคิดของบุคคลโดยทั่วไปแล้ว การประกาศโฆษณาดังกล่าวหาได้ทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใดไม่ หากการประกาศโฆษณาเช่นว่านั้นจะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญใจและเสียหาย ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ จะต้องไปว่ากล่าวเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองในฐานะที่กระทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4237/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทต้องพิจารณาจากความรู้สึกบุคคลทั่วไป มิใช่ผู้เสียหาย
ข้อความที่จะทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่นั้นต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันว่าจ้างหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาข้อความว่า "รถเบนซ์ 500 สีเทา9 ง8923พบแจ้งที่2711580มีรางวัล อุดม " นั้น ในความรู้สึกนึกคิดของบุคคลโดยทั่วไปแล้ว การประกาศโฆษณาดังกล่าวหาได้ทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใดไม่ หากการประกาศโฆษณาเช่นว่านั้นจะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญใจและเสียหาย ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ จะต้องไปว่ากล่าวเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองในฐานะที่กระทำละเมิดต่อโจทก์.
of 43