คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เธียร ยูงทอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 426 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย หากปิดอากรแสตมป์แต่ไม่ขีดฆ่า แม้จะปิดครบถ้วนก็ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้
โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีแทน โดยปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแต่ไม่ได้ขีดฆ่า ย่อมถือว่ายังไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตาม ป. รัษฎากร มาตรา 118 จะใช้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีแทนโจทก์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเอกสารราชการเพื่อประโยชน์ตนเอง ถือเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอ บรรจุ ข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยจะรอเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งของสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นเป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาล ชนะสงคราม ดังนี้ เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้.
จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอ บรรจุ ข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพล ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพลโดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเอกสารราชการและการใช้เอกสารโดยเจ้าหน้าที่ – การรับฟังพยานบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น เป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม แม้คำรับดังกล่าวจะเป็นคำบอกเล่าก็ตาม แต่ก็เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้
จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจอยู่แล้ว จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ โดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจดังโจทก์ฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเอกสารราชการเพื่อประโยชน์ตนเอง ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นเป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามแม้คำรับดังกล่าวจะเป็นคำบอกเล่าก็ตาม แต่ก็เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้ จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพลกรมตำรวจ ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจอยู่แล้ว จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ โดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจดังโจทก์ฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734-1735/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วม: การพิสูจน์ความเสียหายและการจัดการแทนผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และบรรยายต่อมาว่าจนบัดนี้ผู้เสียหายอาจถึง แก่ความตายไปแล้ว กับที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ว่าไม่ทราบว่าผู้เสียหายเป็นตาย ร้ายดีอย่างไร โดย ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายถูก ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ยืนยันว่าผู้เสียหายถึง แก่ความตายไปแล้วจริง จึงมิใช่กรณีที่ผู้เสียหายถูก ทำร้ายถึง ตาย หรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2)แม้ผู้ร้องจะเป็นมารดาของผู้เสียหาย ก็ไม่อาจเข้ามาจัดการแทนผู้เสียหายโดย การขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลและประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะเป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์ประวิงคดี และการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในบ้าน
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์ต้องมีมูล หากไม่มีมูลและมีเจตนาประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้
ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707-1708/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อที่ดินเช่าเมื่อเจ้าของจะขาย: ผลผูกพันตามสัญญาเช่า
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินบางส่วนจากจำเลยโดย หนังสือสัญญาเช่าข้อหนึ่งระบุว่าหากจำเลยต้องการจะขายที่ดินซึ่ง รวมถึง ที่ดินที่โจทก์เช่า อยู่แล้ว จำเลยจะต้อง ขายที่ดินเฉพาะ ส่วนที่เช่า ให้โจทก์ในราคาเท่ากับที่เสนอขายให้บุคคลอื่น ต่อมาผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่า จะขายที่ดินของจำเลยให้แก่ผู้มีชื่อ ในราคา 4,500,000 บาท หากโจทก์สนใจขอให้ติดต่อ ด่วนเมื่อโจทก์ได้ แสดงเจตนาตอบรับจะซื้อที่ดินตาม ราคาที่จำเลยเสนอขายตาม ส่วนของที่ดินแล้ว จำเลยก็ต้อง ขายที่ดินให้แก่โจทก์ในราคาดังกล่าว จำเลยจะอ้างว่าข้อความตาม สัญญาเช่ายังไม่มีผลใช้ บังคับตราบใด ที่จำเลยยังมิได้ขายที่ดินให้แก่บุคคลอื่นมิได้ เพราะมิฉะนั้นสัญญาเช่าดังกล่าวก็จะไม่มีผลในเมื่อจำเลยขายที่ดินทั้งแปลงให้บุคคลอื่นไปแล้ว จำเลยก็ย่อมไม่มีที่ดินมาขายให้โจทก์ตามสัญญาได้ อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำที่ไม่เข้าข่ายเป็นการโทรมหญิงและประเด็นการร่วมกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 แกล้งทำเป็นถูกผีเข้าสิงเดินเข้าไปหาผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายตกใจวิ่งหนี จำเลยที่ 1 วิ่งไล่ตามบีบคอกดตัวผู้เสียหายลงกับพื้น จำเลยที่ 2 มิได้เข้าร่วมกับจำเลยที่ 1 ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งขณะจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็นั่งอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 10 วา เมื่อจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้ว จำเลยที่ 2 จึงเข้ามาลากผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างกอไผ่ห่างจากจุดที่จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายพอสมควร โดยจำเลยที่ 1 มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง
of 43