คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประมาณ ชันซื่อ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 250 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ได้จากการถูกข่มขู่ ไม่เป็นประโยชน์ในการลดโทษ
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่าได้ฆ่าผู้ตาย แต่ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ และนำสืบว่าคำให้การรับสารภาพดังกล่าวเนื่องจากถูกเจ้าพนักงานตำรวจข่มขู่ ซึ่งหมายความว่าจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจหรือตามความเป็นจริง กรณีจึงถือว่าไม่มีคำรับของจำเลยในชั้นจับกุมอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ที่จะเป็นเหตุบรรเทาโทษเพื่อยกขึ้นเป็นข้ออ้างสำหรับลดโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพที่ถูกข่มขู่ไม่อาจใช้ลดโทษได้ ศาลพิจารณาเหตุแห่งการกระทำความผิดเพื่อกำหนดโทษ
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่าได้ฆ่าผู้ตายแต่ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ และนำสืบว่าได้ให้การรับสารภาพเนื่องจากถูกเจ้าพนักงานตำรวจข่มขู่ ซึ่งหมายความว่าจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจหรือตามความเป็นจริงกรณีจึงถือว่าไม่มีคำรับของจำเลยในชั้นจับกุมอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาที่จะเป็นเหตุบรรเทาโทษเพื่อยกขึ้นเป็นข้ออ้างสำหรับลดโทษให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1791/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเป็นโมฆะ แต่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยผิดนัดได้
โจทก์เรียกดอกเบี้ยเงินกู้และจำนองจากจำเลยเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปีที่กฎหมายกำหนดไว้ในข้อกำหนดอัตราดอกเบี้ยจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์หมดสิทธิเรียกดอกเบี้ยตามสัญญา แต่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยโดยเหตุผิดนัดชำระต้นเงินในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1760/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ล่ามในการให้การสอบสวนของผู้เสียหาย ไม่ขัดต่อกฎหมาย
แม้คำร้องทุกข์และคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายคนหนึ่งจะมีผู้เสียหายอีกคนหนึ่งเป็นล่ามแปล ก็เป็นคำร้องทุกข์และคำให้การที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้พนักงานสอบสวนใช้ผู้เสียหายเป็นล่าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1760/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของคำร้องทุกข์และคำให้การที่มีการใช้ล่ามแปล
แม้คำร้องทุกข์และคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายคนหนึ่ง จะมีผู้เสียหายอีกคนหนึ่งเป็นล่ามแปล ก็เป็นคำร้องทุกข์และคำให้การที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้พนักงานสอบสวนให้ผู้เสียหายเป็นล่าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกประเภทไม้และการลงโทษความผิดฐานครอบครองไม้ผิดกฎหมาย โดยพิจารณาจากลักษณะและการนำไปใช้ประโยชน์
ไม้ท่อนที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นไม้พื้นปาเก้ ลูกกรงหรือที่ลูกกรงได้ ไม่มีลักษณะที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงยิ่งกว่าจะใช้ประโยชน์อย่างอื่น จึงไม่เป็นไม้ฟืนตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4 (8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกประเภทไม้และการลงโทษฐานครอบครองไม้ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะไม้ฟืนที่ไม่เข้าข่ายเชื้อเพลิง
ไม้ท่อนที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นไม้พื้นปาเก้ ลูกกรงหรือซี่ลูกกรงได้ไม่มีลักษณะที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงยิ่งกว่าจะใช้ประโยชน์อย่างอื่น จึงไม่เป็นไม้ฟืนตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 4(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกประเภทไม้และการลงโทษฐานครอบครองไม้ผิดกฎหมาย โดยพิจารณาจากลักษณะการใช้งานและวัตถุประสงค์
ไม้ท่อนที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นไม้พื้นปาเก้ ลูกกรงหรือซี่ลูกกรงได้ไม่มีลักษณะที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงยิ่งกว่าจะใช้ประโยชน์อย่างอื่น จึงไม่เป็นไม้ฟืนตามพ.ร.บ. ป่าไม้ ฯ มาตรา 4(8).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะชำระหลังฟ้อง
โจทก์มอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีแทนตามหนังสือมอบอำนาจซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ แม้โจทก์จะได้เสียค่าอากรแสตมป์สำหรับหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวครบถ้วนในระหว่างอุทธรณ์ก็ตามแต่ในขณะฟ้องหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวก็ยังรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 เท่ากับผู้ฟ้องคดีมิได้รับมอบอำนาจจากโจทกื ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การไม่ปิดอากรแสตมป์นี้แม้จำเลยจะไม่ตั้งประเด็นขึ้นมาแต่แรก จำเลยก็ยกขึ้นอุทธรณ์ได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะชำระภายหลังก็ยังใช้ไม่ได้
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ที่ให้ ม. ฟ้องคดีแทนไม่ได้ปิดอากรแสตมป์แต่ศาลชั้นต้นก็พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยมิได้วินิจฉัยเรื่องนี้ จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าวโจทก์จึงได้ไปเสียอากรแสตมป์พร้อมเงินเพิ่มต่อเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ตามใบสลักหลังตราสารและส่งต่อศาลพร้อมคำแก้อุทธรณ์ แม้โจทก์จะได้เสียค่าอากรแสตมป์สำหรับหนังสือมอบอำนาจครบถ้วนในระหว่างอุทธรณ์ก็ตาม แต่ในขณะยื่นฟ้องหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ซึ่งเท่ากับว่า ม. ฟ้องคดีนี้โดยมิได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ ม. จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และการไม่ปิดอากรแสตมป์นี้แม้จำเลยจะไม่ตั้งเป็นประเด็นขึ้นมาแต่แรกจำเลยก็ยกขึ้นอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจึงชอบแล้ว
of 25