พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริง และผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
คดีสำนวนหลังซึ่งจำเลยเป็นโจทก์เป็นคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงจำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ แต่กลับฎีกาว่าโจทก์เป็นฝ่ายประมาทและฎีกาเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าเสียหาย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดีอาญาที่อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เป็นความผิดต่อรัฐโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่คู่ความรายเดียวกับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพย่อมไม่ผูกพันโจทก์ ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927-1928/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง: โจทก์ในคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง
คดีสำนวนหลังซึ่งจำเลยเป็นโจทก์เป็นคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ แต่กลับฎีกาว่าโจทก์เป็นฝ่ายประมาท และฎีกาเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าเสียหาย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นความผิดต่อรัฐ โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่คู่ความรายเดียวกับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพย่อมไม่ผูกพันโจทก์ ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา.
อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นความผิดต่อรัฐ โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่คู่ความรายเดียวกับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพย่อมไม่ผูกพันโจทก์ ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกระทงความผิด – ศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษาลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด จำเลยจึงฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลชั้นต้นมิได้กล่าวให้พอเป็นที่เข้าใจว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด 4 กรรม และให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้จะยก ป.อ. มาตรา 91 ซึ่ง เป็นบทบัญญัติให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดในกรณีที่กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่าง กันขึ้นปรับ ก็ไม่พอถือ ว่า ศาลชั้นต้นได้ พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 กรรมเป็นกระทงความผิดไปแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยกระทงเดียว ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษ 4 กระทง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์ ยังคงลงโทษจำคุกแต่ ละกระทงไม่เกินห้าปี จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกรณีสมาชิกสหภาพแรงงานขาดคุณสมบัติ การฟ้องเพิกถงมติไม่มีประโยชน์เมื่อสิทธิกลับคืนไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่ามติของคณะกรรมการสหภาพแรงงานจำเลยที่ให้ปลดโจทก์ออกจากสมาชิกสหภาพแรงงานตกเป็นโมฆะเมื่อปรากฏว่าขณะยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกของจำเลยได้อีกแล้ว ดังนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาว่าโจทก์จะฟ้องเพิกถอนมติของจำเลยเพื่อกลับเข้าเป็นสมาชิกของจำเลยอีกต่อไปได้หรือไม่ เป็นปัญหาอำนาจฟ้องซึ่งเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้ แม้จำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติของโจทก์ขึ้นต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสมาชิกภาพสหภาพแรงงาน: คุณสมบัติสมาชิกต้องคงอยู่ขณะยื่นฟ้อง
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
ข้อบังคับของจำเลยกำหนดว่า สมาชิกจำเลยจะต้อง มีคุณสมบัติเป็นลูกจ้างประจำของบริษัท เนชั่นแนลไทย จำกัด หรือลูกจ้างประจำของบริษัทซึ่งทำกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องได้ถูกนายจ้างเลิกจ้างแล้ว ในขณะยื่นฟ้องโจทก์จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกจำเลยได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่ามติของคณะกรรมการจำเลยที่ปลดโจทก์ออกจากสมาชิกจำเลยเป็นโมฆะ อันมีผลทำให้โจทก์กลับเข้าเป็นสมาชิกของจำเลยอีก
ข้อบังคับของจำเลยกำหนดว่า สมาชิกจำเลยจะต้อง มีคุณสมบัติเป็นลูกจ้างประจำของบริษัท เนชั่นแนลไทย จำกัด หรือลูกจ้างประจำของบริษัทซึ่งทำกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องได้ถูกนายจ้างเลิกจ้างแล้ว ในขณะยื่นฟ้องโจทก์จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกจำเลยได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่ามติของคณะกรรมการจำเลยที่ปลดโจทก์ออกจากสมาชิกจำเลยเป็นโมฆะ อันมีผลทำให้โจทก์กลับเข้าเป็นสมาชิกของจำเลยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเพิกถอนมติปลดสมาชิกสหภาพ: คุณสมบัติสมาชิกต้องมีในขณะยื่นฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่ามติของ คณะกรรมการสหภาพแรงงานจำเลยที่ให้ปลดโจทก์ออกจาก สมาชิกสหภาพแรงงานตกเป็นโมฆะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะ ยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกของจำเลย ได้ อีกแล้ว ดังนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาว่าโจทก์จะฟ้องเพิกถอนมติของจำเลยเพื่อกลับเข้าเป็นสมาชิกของจำเลยอีกต่อไปได้ หรือไม่ เป็นปัญหาอำนาจฟ้องซึ่งเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้ แม้จำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติของโจทก์ขึ้นต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสมาชิกภาพสหภาพแรงงาน: คุณสมบัติสมาชิกต้องคงอยู่ขณะยื่นฟ้อง หากขาดคุณสมบัติแล้ว ไม่มีอำนาจฟ้อง
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ เอง ข้อบังคับของจำเลยกำหนดว่า สมาชิกจำเลยจะต้อง มีคุณสมบัติเป็นลูกจ้างประจำของบริษัท เนชั่นแนลไทย จำกัด หรือลูกจ้างประจำของบริษัทซึ่ง ทำกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องได้ถูก นายจ้าง เลิกจ้างแล้ว ในขณะยื่นฟ้องโจทก์จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกจำเลยได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่ามติของคณะกรรมการจำเลยที่ปลดโจทก์ออกจากสมาชิกจำเลยเป็นโมฆะ อันมีผลทำให้โจทก์กลับเข้าเป็นสมาชิกของจำเลยอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างเนื่องจากความพิการจากการรักษาพยาบาลที่เกิดจากความประมาทของแพทย์ และขอบเขตความรับผิดของนายจ้าง
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยว่าคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2ทำละเมิดตาม ทางการที่จ้างต่อ โจทก์นั้น มิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างลูกจ้างอันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของ ศาลแรงงานกลาง ดังนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมเป็นที่สุดตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงาน: คดีละเมิดทางการจ้างไม่อยู่ในอำนาจศาลแรงงาน, คำวินิจฉัยอธิบดีผู้พิพากษาถือที่สุด
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่ว่า คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำละเมิดตามทางการที่จ้างต่อโจทก์นั้น มิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างลูกจ้างอันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลาง ดังนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมเป็นที่สุด ตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 9 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค – ไม่มีมูลหนี้ – เช็คเพื่อชำระหนี้ – ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยกับ พ. ไม่มีมูลหนี้ตามเช็คต่อกัน พ. ขอยืมเช็คจากจำเลยมาเพื่อนำเข้าบัญชีแทนเงินที่ขาดบัญชีโดย จะไม่ นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน จำเลยไม่ได้ออกเช็ค เพื่อเจตนาชำระหนี้ถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐาน ออกเช็ค โดย เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้ เงินตาม เช็ค หรือโดย ขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงิน ได้หรือออกเช็ค ให้ใช้ เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงิน ได้ในขณะที่ออกเช็ค.