พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาเครื่องสังคโลกและสิทธิหักกลบลบหนี้: ศาลยืนราคาตามสัญญา และมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องหักกลบลบหนี้ได้
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนเครื่องสังคโลก ได้ หรือไม่ เพียงใด เมื่อจำเลยนำสืบโต้แย้งตามคำให้การว่าจำเลยมีสิทธิยึดเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะชำระเงินค่าพระพุทธรูปและรูปปั้นยักษ์ สังคโลกจำนวน 300,000 บาท ที่ค้างจำเลยเสียก่อนซึ่งเป็นลักษณะที่จะหักกลบลบหนี้ ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยจะมีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้หรือไม่ ไม่เป็นการนอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยการหักกลบลบหนี้เมื่อจำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดี
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนเครื่องสังคโลกได้หรือไม่ เพียงใด เมื่อจำเลยนำสืบโต้แย้งตามคำให้การว่าจำเลยมีสิทธิยึดเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไว้จนกว่าโจทก์จะชำระเงินค่าพระพุทธรูปและรูปปั้นยักษ์สังคโลกจำนวน 300,000 บาท ที่ค้างจำเลยเสียก่อน ซึ่งเป็นลักษณะที่จะหักกลบลบหนี้ ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยจะมีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้หรือไม่ ไม่เป็นการนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้บรรยายฐานะผู้ฟ้อง หากบรรยายข้อหาและคำขอชัดเจนเพียงพอ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยตกลงให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกเช่าโรงแรมพิพาทโดยโจทก์จ่ายเงินค่าตอบแทนให้จำเลยเป็นเงิน1,000,000 บาท จำเลยผิดสัญญานำโรงแรมพิพาทไปให้บุคคลอื่นเช่า โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอบังคับให้จำเลยคืนเงินจำนวน1,000,000 บาท แก่โจทก์ทั้งห้า เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 172 หาจำต้องบรรยายถึงฐานะตนเองมาในคำฟ้องด้วยไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐานในคดีข่มขืน พยานเบิกความขัดแย้งกัน รูปคดีมีเหตุให้สงสัย
ผู้เสียหายและ ส. พยานโจทก์เบิกความขัดกันในสาระสำคัญหลายประการและขัดกับคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเองด้วยทำให้น่าสงสัยและที่ผู้เสียหายเบิกความว่า จำเลยพาผู้เสียหายไปโดยการขู่เข็ญ บังคับโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปกับจำเลย จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยจับมือทั้งสองของผู้เสียหายและเหวี่ยงบังคับกดลงกับพื้น จำเลยกดทับตัวผู้เสียหาย ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศและพบว่ามีเลือดไหลออกมามากจนเปรอะเปื้อนพื้นกระดาน จำเลยเอาน้ำจากห้องน้ำมาล้าง ส่วนผู้เสียหายลุก ไม่ไหวจนกระทั่งรุ่งเช้าผู้เสียหายลุกขึ้นยังเดินเซ จะเข้าห้องน้ำจนจำเลยต้องช่วยประคอง นั้น พยานโจทก์ซึ่งเป็นแพทย์ก็เบิกความว่าได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายหลังจากถูกข่มขืนเพียง 5 วัน ไม่พบรอยฉีก ขาดหรือฟกช้ำ รูปคดีจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งสิทธิในที่ดินและการข่มขู่ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ถึงเจตนาข่มขืนใจ
ที่ดินที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แม้ผู้เสียหายได้รับการผ่อนผันจากทางราชการให้มีสิทธิทำกินชั่วคราวก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้เสียหายยังมิได้ยึดถือครอบครองเข้าทำประโยชน์ใด ๆ และผู้เสียหายกับจำเลยต่างยังแย่งกันครอบครองที่ดินดังกล่าวอยู่ ทั้งปรากฏว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าที่ดินเกิดเหตุเป็นของจำเลย ดังนี้การที่จำเลยโต้เถียงกับผู้เสียหายเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่เกิดเหตุแล้วจำเลยพูดกับผู้เสียหายว่า ถ้าไม่ได้ที่ดินที่เกิดเหตุจะฆ่าสามีผู้เสียหายนั้นตามพฤติการณ์แห่งคดี น่าเชื่อว่า เป็นการพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวมากกว่าที่จะมีเจตนาข่มขืนใจโดยขู่เข็ญผู้เสียหายอันจะเป็นความผิดฐานพยายามกรรโชก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง: การกระทำร่วมกันเป็นตัวการ
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายไปเที่ยวงานศพที่วัด จนกระทั่งเวลา 21นาฬิกาเศษจะกลับบ้าน พบจำเลย ล. และ ช. ซึ่งรู้จักกันมาก่อน ล. รับอาสาพาผู้เสียหายไปส่งบ้าน ผู้เสียหายตกลงไปด้วยแต่เมื่อออกจากบริเวณงานได้ประมาณ 1 เส้น ล. ฉุด ผู้เสียหายเข้าป่าละเมาะข้างทาง อันเป็นที่เปลี่ยวและมืด แล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ จากนั้น ล. ก็ผิวปากเป็นสัญญาณให้จำเลยกับ ช. เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่อจนสำเร็จความใคร่คนละ 1 ครั้ง ดังนี้ลักษณะการกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าว แสดงว่ามีเจตนาร่วมเป็นตัวการในการผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายด้วยกัน อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องปราศจากสิทธิของเจ้าของที่ดิน แม้ครอบครองเกิน 10 ปีก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์ และการได้รับอนุญาตคนอนาถายังต้องรับผิดค่าฤชาธรรมเนียม
ผู้ร้องเข้าอยู่ในที่ดินพิพาทโดย อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินแม้ครอบครองเป็นเวลาเกิน 10 ปี ก็หาได้ กรรมสิทธิ์โดย การครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ไม่ การได้ รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดย ไม่ ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินคดีในศาลนั้น เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้อง ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทน คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง แม้ผู้ร้องจะได้ รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แต่ เมื่อผู้ร้องเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลก็ชอบที่จะพิพากษา ให้ผู้ร้องใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้คัดค้านได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5054/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้มีดแทงหลายครั้ง ศาลฎีกายืนโทษฐานพยายามฆ่า
ขณะที่โจทก์ร่วมนอนรอดูโทรทัศน์ จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมใบมีดยาว 6 นิ้ว กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร แทงโจทก์ร่วมที่ราวนมซ้ายอย่างแรง โจทก์ร่วมกอดปล้ำต่อสู้กับจำเลย จำเลยได้ใช้มีดแทงทำร้ายโจทก์ร่วมอีกหลายทีถูกศีรษะ เอว และสะบัก เป็นบาดแผลหลายแห่ง ขณะทำร้ายจำเลยพูดด้วยว่า "กูพยายามจะฆ่ามึงมานานแล้วทีนี้ถึงสำเร็จ" เฉพาะบาดแผลที่ราวนมซ้ายลึกถึงเนื้อปอด มีลมออกมาจากบาดแผล อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมที่อวัยวะสำคัญ เกิดบาดแผลฉกรรจ์ และขณะแทงทำร้ายจำเลยพูดในทำนองเคียดแค้นจะเอาชีวิตโจทก์เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม เมื่อโจทก์ร่วมไม่ตายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5054/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้มีดแทงหลายครั้ง ศาลพิพากษายืนความผิดฐานพยายามฆ่า
ขณะที่โจทก์ร่วมนอนรอดูโทรทัศน์ จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมใบมีดยาว 6 นิ้ว กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร แทงโจทก์ร่วมที่ราวนมซ้ายอย่างแรงโจทก์ร่วมกอดปล้ำต่อสู้กับจำเลย จำเลยได้ใช้มีดแทงทำร้ายโจทก์ร่วมอีกหลายทีถูกศีรษะ เอว และสะบัก เป็นบาดแผลหลายแห่ง ขณะทำร้ายจำเลยพูดด้วยว่า "กูพยายามจะฆ่ามึงมานานแล้วทีนี้ถึงสำเร็จ" เฉพาะบาดแผลที่ราวนมซ้ายลึกถึงเนื้อปอด มีลมออกมาจากบาดแผล อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมที่อวัยวะสำคัญ เกิดบาดแผลฉกรรจ์ และขณะแทงทำร้ายจำเลยพูดในทำนองเคียดแค้นจะเอาชีวิตโจทก์เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม เมื่อโจทก์ร่วมไม่ตายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4545/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งถอนใบอนุญาตหนังสือพิมพ์: การพาดหัวข่าวที่เป็นความจริง ไม่สร้างความตื่นตระหนก ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าพนักงานการพิมพ์สำหรับจังหวัดอุตรดิตถ์ เคยมีหนังสือเตือนไปยังผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของบรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ให้ยุติการโฆษณาเสนอข้อความที่มีลักษณะเป็นการเสนอข่าวและวิจารณ์ข้อที่ไม่เป็นความจริงมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งหลังนี้ผู้ร้องได้ลงข่าวโฆษณาพาดหัวว่า "ห่วงหลุด เสียเงินหมื่น เลือดไหลไม่หยุด เจ็บปวดทรมาน" แต่ข้อความตามข่าวนั้นเป็นความจริงและมิใช่ข้อความในลักษณะที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตกใจหรือวิตกกังวลหรือเกิดความหวาดกลัว การลงข่าวโฆษณาครั้งหลังนี้ไม่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42 ข้อ 2(6) และด้วยเหตุนี้จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับดังกล่าว ข้อ 4 ซ้ำอีกเจ้าพนักงานการพิมพ์สำหรับจังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่มีอำนาจสั่งถอนใบอนุญาตผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการหรือเจ้าของหนังสือพิมพ์ของผู้ร้องตามข้อ 7 วรรคสอง ได้ คำสั่งของเจ้าพนักงานการพิมพ์สำหรับจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่สั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานการพิมพ์ดังกล่าว