พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำสั่ง คปค. ที่ให้ผู้ครอบครองอาวุธสงครามมามอบเพื่อไม่ให้ถูกลงโทษ เหนือกว่ากฎหมายเดิม
ภายหลังจากวันที่จำเลยถูกกล่าวหาว่ามีอาวุธปืนและกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 แล้วได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 สั่งให้บุคคลที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในความครอบครอง ซึ่งเป็นความผิดมาแต่ก่อนคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินดังกล่าวใช้บังคับไม่ว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด สามารถนำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ได้ภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2519 โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ จึงเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดยิ่งกว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่จำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ต้องใช้คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519บังคับแก่การกระทำของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรกจำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ของกลางริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำสั่ง คปค.ที่ให้ผู้ครอบครองอาวุธสงครามมามอบเพื่อไม่ให้ถูกลงโทษ เหนือกว่ากฎหมายเดิม
ภายหลังจากวันที่จำเลยถูกกล่าวหาว่ามีอาวุธปืนและกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 แล้ว ได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 สั่งให้บุคคลที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในความครอบครอง ซึ่งเป็นความผิดมาแต่ก่อนคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินดังกล่าวใช้บังคับ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด สามารถนำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ได้ภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2519 โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ จึงเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดยิ่งกว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่จำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ต้องใช้คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 บังคับแก่การกระทำของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ของกลางริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่ง คปถ. ยกเว้นโทษฐานมีวัตถุระเบิด หากมอบให้นายทะเบียนตามกฎหมาย
คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ซึ่งสั่งณ วันที่ 7 ตุลาคม 2519 กำหนดให้ผู้มีวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในครอบครองนำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน ฯลฯ ภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2519 ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ไม่ต้องรับโทษ ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2519 ฉะนั้น ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องถือว่าคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์เมื่อมีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองฉบับที่ 12 ซึ่งสั่งและมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2519 ดังกล่าว ซึ่งระหว่างนั้นจำเลยยังมีสิทธิที่จะนำวัตถุระเบิดตามฟ้องไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน กรณีต้องด้วยมาตรา 3 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา ที่จะต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นโทษทางอาญาจากคำสั่ง คปถ. และหลักการใช้กฎหมายที่เป็นคุณต่อจำเลย
คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ซึ่งสั่ง ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2519 กำหนดให้มีผู้มีวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในครอบครองนำมามอบให้นายทะเบียนห้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน ฯลฯ ภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2519 ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ไม่ต้องรับโทษ ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2519 ฉะนั้น ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องถือว่าคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อมีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองฉบับที่ 12 ซึ่งสั่งและมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2519 ดังกล่าว ซึ่งระหว่างนั้นจำเลยยังมีสิทธิที่จะนำวัตถุระเบิดตามฟ้องไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน กรณีต้องด้วยมาตรา 3 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่จะต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ