พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนเพื่อบรรเทาเหตุร้าย ไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาวุธปืน
พี่ชายจำเลยเมาสุรานำปืนออกมาวางบนโต๊ะของร้านอาหารริมถนนจำเลยเอาปืนมาเก็บไว้เพื่อบรรเทาเหตุการณ์ร้ายแรงซึ่งอาจจะเกิดขึ้นดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาไปในทางสาธารณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461-2462/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์, ครอบครองอาวุธปืน, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, และการเสียชีวิตของตัวประกัน
ขณะเข้าปล้น จำเลยที่ 1 ถือปืนสั้น จำเลยที่ 2 ถือปืนยาว ต่อมาในขณะถูกจับพบปืนลูกซองสั้นข้างตัวจำเลยที่ 1 ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ส่วนจำเลยที่ 2 มีปืนลูกซองยาวอยู่ที่หว่างขา ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2นัด แม้ปืนลูกซองยาวจะเป็นปืนของเจ้าทรัพย์และมีทะเบียน แต่จำเลยที่ 2 นำมาไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเช่นนี้ก็เป็นความผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดตามพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยิงไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เพียงแต่รู้ว่าตำรวจยิงมาเท่านั้นเป็นการยิงสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดตามพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยิงไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เพียงแต่รู้ว่าตำรวจยิงมาเท่านั้นเป็นการยิงสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461-2462/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ขณะเข้าปล้น จำเลยที่ 1 ถือปืนสั้น จำเลยที่ 2 ถือปืนยาว ต่อมาในขณะถูกจับพบปืนลูกซองสั้นข้างตัวจำเลยที่ 1 ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ส่วนจำเลยที่ 2 มีปืนลูกซองยาวอยู่หว่างขา ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด แม้ปืนลูกซองยาวจะเป็นปืนของเจ้าทรัพย์และมีทะเบียน แต่จำเลยที่ 2 นำมาไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเช่นนี้ก็เป็นความผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดมาพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยังไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เที่ยวแต่รู้ว่าตำรวจยังมาเท่านั้นเป็นการยังสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดมาพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยังไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เที่ยวแต่รู้ว่าตำรวจยังมาเท่านั้นเป็นการยังสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาวุธปืนที่ขอจดทะเบียนแล้วไม่ต้องรับโทษ แต่การมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตยังคงเป็นความผิด
จำเลยมีอาวุธปืนของกลางที่จำเลยนำไปขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 3 และนายทะเบียนท้องที่ได้รับคำขออนุญาตของจำเลยไว้แล้ว แต่นายทะเบียนยังไม่ออกใบอนุญาตให้มีและใช้ และมีกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนของกลางด้วย ดังนี้ เฉพาะอาวุธปืนนั้น จำเลยได้นำไปขอจดทะเบียนไว้แล้วภายในกำหนดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ การที่นายทะเบียนผู้รับขึ้นทะเบียนมอบคืนอาวุธปืนให้จำเลยเก็บรักษาไว้ก่อนจนกว่าจะออกใบอนุญาตให้นั้น ต้องถือว่าจำเลยเก็บรักษาอาวุธปืนนั้นไว้แทนนายทะเบียน จำเลยจึงหามีความผิดฐานมีอาวุธปืนกระบอกนั้นไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่อีกไม่ ส่วนกระสุนปืนนั้น จำเลยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีและไม่ปรากฏว่าจำเลยนำกระสุนปืนไปขอรับอนุญาต ทั้งจำเลยยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืน กรณีจึงไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนุญาตอาวุธปืนภายหลังกฎหมายฉบับแก้ไข และการรับสารภาพในชั้นศาล
จำเลยได้นำอาวุธปืนของกลางไปขอจดทะเบียนไว้แล้วภายในกำหนดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษการที่นายทะเบียนมอบคืนอาวุธปืนให้จำเลยเก็บรักษาไว้ก่อนจนกว่าจะออกใบอนุญาตให้นั้น ก็ ต้องถือว่าจำเลยเก็บรักษาอาวุธปืนนั้นไว้แทนนายทะเบียนจำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนกระบอกนั้นไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่อีก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 และกระสุน.22 จำนวน 7 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้จำเลยจะยื่นคำให้การรับสารภาพเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันเดียวกันนั้นว่า 'จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานคดีเสร็จการพิจารณา' แสดงว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณานี้หลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ จำเลยต้องมีความผิดฐานมีกระสุนปืน 7 นัดนี้ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 และกระสุน.22 จำนวน 7 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้จำเลยจะยื่นคำให้การรับสารภาพเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันเดียวกันนั้นว่า 'จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานคดีเสร็จการพิจารณา' แสดงว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณานี้หลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ จำเลยต้องมีความผิดฐานมีกระสุนปืน 7 นัดนี้ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนุญาตอาวุธปืนและการรับสารภาพในชั้นศาลมีผลต่อการตัดสินคดีอาญา
จำเลยได้นำอาวุธปืนของกลางไปขอจดทะเบียนไว้แล้วภายในกำหนดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 การที่นายทะเบียนมอบคืนอาวุธปืนให้จำเลยเก็บรักษาไว้ก่อนจนกว่าจะออกใบอนุญาตให้นั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ก็ต้องถือว่าจำเลยเก็บรักษาอาวุธปืนนั้นไว้แทนนายทะเบียน จำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนกระบอกนั้นไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาต จากนายทะเบียนท้องที่อีก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 และกระสุน .22 จำนวน 7 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้จำเลยจะยื่นคำให้การับสารภาพเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันเดียวกันนั้นว่า "จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานคดีเสร็จการพิจารณา" แสดงว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณานี้หลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ จำเลยต้องมีความผิดฐานมีกระสุนปืน 7 นัดนี้ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 และกระสุน .22 จำนวน 7 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้จำเลยจะยื่นคำให้การับสารภาพเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันเดียวกันนั้นว่า "จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานคดีเสร็จการพิจารณา" แสดงว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณานี้หลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ จำเลยต้องมีความผิดฐานมีกระสุนปืน 7 นัดนี้ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง