คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม เฟื่องฟุ้ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 876 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ แม้ยังไม่มีคำพิพากษา ศาลฎีกาชี้เพียงรู้ว่าเจ้าหนี้จะฟ้องก็ถือเป็นความผิดได้
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350มิได้ถือเอาคำพิพากษาของศาลให้รับผิดในทางแพ่งเป็นองค์ประกอบความผิดทางอาญา องค์ประกอบความผิดทางอาญาของมาตรานี้อยู่ที่ว่าผู้กระทำเพียงแต่รู้ว่าเจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ได้ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใด แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ก็เป็นความผิดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาจะซื้อจะขาย, การบอกเลิกสัญญา, ความผิดสัญญาจากเหตุสุดวิสัย
การฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่าให้ใช้บังคับเสียภายในระยะเวลาเท่าใดจึงต้องถือว่ามีกำหนดอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 การที่เจ้าพนักงานที่ดินยังไม่รับจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยทั้งสองให้แก่โจทก์ เนื่องจากโฉนดที่ดินฉบับสำนักงานที่ดินชำรุดนั้น ไม่ใช่ความผิดของโจทก์ ไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญาจะซื้อจะขาย จำเลยทั้งสองจะอ้างเหตุดังกล่าวมาบอกเลิกสัญญากับโจทก์ไม่ได้ การบอกเลิกสัญญาไม่มีผล สัญญาจะซื้อจะขายระหว่างโจทก์กับจำเลยยังใช้บังคับอยู่ จำเลยทั้งสองจึงต้องโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาจะซื้อขาย & การบังคับสัญญาเมื่อโฉนดชำรุด
การฟ้องบังคับตามสัญญาจะซื้อขาย ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะว่าให้ใช้บังคับเสียภายในระยะเวลาเท่าใด จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 การที่เจ้าพนักงานที่ดินยังไม่รับจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์และจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่า โฉนดที่ดินฉบับสำนักงานที่ดินชำรุด มิใช่เป็นความผิดของโจทก์ จะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ได้ จำเลยทั้งสองจะอ้างเหตุดังกล่าวมาบอกเลิกสัญญากับโจทก์ไม่ได้ สัญญาจะซื้อขายยังใช้บังคับอยู่ จำเลยทั้งสองต้องโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ดินตามสัดส่วน โดยศาลมีอำนาจแบ่งตามกฎหมาย แม้โจทก์ขอหลายวิธี
ตามฟ้องโจทก์ โจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินที่โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามส่วนของแต่ละคนที่มีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นประการสำคัญ ส่วนการจะแบ่งโดยวิธีใดและได้ส่วนแบ่งเป็นที่ดินหรือเงินนั้นโจทก์ขอมาในคำขอท้ายฟ้องหลายประการซึ่งศาลย่อมมีอำนาจที่จะแบ่งให้ได้ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา1364 ไม่เป็นการพิพากษาที่ไม่ตรงตามคำขอของโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งที่ดินกรรมสิทธิ์รวม ศาลมีอำนาจแบ่งตามส่วนกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364
ตามฟ้องโจทก์ โจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินที่โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามส่วนของแต่ละคนที่มีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นประการสำคัญ ส่วนการจะแบ่งโดยวิธีใดและได้ส่วนแบ่งเป็นที่ดินหรือเงินนั้นโจทก์ขอมาในคำขอท้ายฟ้องหลายประการซึ่งศาลย่อมมีอำนาจที่จะแบ่งให้ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 อยู่แล้ว การที่ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง โดยวิธีการแบ่งให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 1364 ไม่เป็นการพิพากษาที่ไม่ตรงตามคำขอของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน - การเช่าช่วง - สละสิทธิ - ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สัญญา
โจทก์ให้จำเลยที่ 1 เช่าที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมเรียกเก็บค่าเช่าจากจำเลยที่ 1 ซึ่งมีหน้าที่รับผิดต่อโจทก์โดยตรง จำเลยที่ 2อยู่ในที่ดินพิพาทอ้างว่าเช่าจากผู้ร้องสอดจึงไม่มีความสัมพันธ์กับโจทก์ การที่โจทก์ไม่เรียกเก็บค่าเช่าจากจำเลยที่ 2 มิใช่เป็นกรณีที่ถือว่าโจทก์สละสิทธิหรือหมดสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท การที่โจทก์ให้จำเลยที่ 1 เช่าที่ดินเป็นเวลา 15 ปี โดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะบังคับกันได้อย่างไรหรือไม่เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะ ไม่มีผลต่อบุคคลอื่นบทบัญญัติเกี่ยวกับการจดทะเบียนการเช่าจึงมิใช่เป็นบทกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัยขนส่งสินค้า: การรับฟังพยานหลักฐานและเอกสารต่างประเทศ
เอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ โจทก์มิได้ส่งสำเนาคำแปลให้แก่จำเลยร่วม ก็ไม่เป็นเหตุให้ถึงกับจะรับฟังเอกสารดังกล่าวไม่ได้ เพราะว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 เพียงบัญญัติ ให้ศาลสั่งคู่ความฝ่ายที่สั่งให้ทำคำแปลแนบไว้กับต้นฉบับเท่านั้น และปรากฏว่าโจทก์ได้ทำคำแปลเอกสารส่งศาลแล้ว ศาลย่อมรับฟังเอกสาร ดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานและเอกสารต่างประเทศในคดีแพ่ง การรับฟังพยานหลักฐานประกอบเอกสาร
เอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ โจทก์มิได้ส่งสำเนาคำแปลให้แก่จำเลยร่วมก็ไม่เป็นเหตุให้ถึงกับจะรับฟังเอกสารดังกล่าวไม่ได้เพราะว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 เพียงบัญญัติให้ศาลสั่งคู่ความฝ่ายที่ส่งเอกสารให้ทำคำแปลแนบไว้กับต้นฉบับเท่านั้น และโจทก์ได้ทำคำแปลเอกสารส่งศาลแล้ว ศาลย่อมรับฟังเอกสารนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและพาอาวุธโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลฎีกายืนโทษประหารชีวิต
การที่จำเลยกับพวกมายืนรออยู่หน้าปากซอยที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ตายขับรถยนต์มาจอดที่ปากซอย จำเลยก็เข้าไปใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเช่นนี้ เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยได้เตรียมการมาเพื่อที่จะฆ่าผู้ตายไว้ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้จะฟังได้ว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและในชั้นสืบพยานจำเลย จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่า จำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีหรือพกพาอาวุธปืนมาก่อนก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ คงลงโทษได้เพียงฐานพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตาม ป.อ. มาตรา 371.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกเงินกู้ต้องเป็นไปตามสัญญาที่ฟ้อง หากข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกู้เงินตามสัญญาที่ฟ้อง ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามเอกสารหมาย จ.1 จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้เงินตามฟ้อง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมิได้กู้เงินตามสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ศาลต้องยกฟ้องโจทก์ จะพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ที่จำเลยกู้เงินโจทก์ตามสัญญากู้ฉบับอื่นไม่ได้
of 88