พบผลลัพธ์ทั้งหมด 876 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาใช้ทรัพย์ชั่วคราว ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ แม้รถเสียระหว่างทาง
จำเลยนำรถยนต์ออกจากห้างผู้เสียหายเพื่อไปทำความสะอาดตามหน้าที่เสร็จแล้วได้นำรถไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวที่ต่างจังหวัด แต่รถเสียระหว่างทางเป็นเหตุให้นำรถมาคืนผู้เสียหายไม่ได้ ถ้ารถไม่เสียจำเลยก็นำรถมาคืนให้ผู้เสียหายได้ กรณีเป็นการเอารถไปใช้ชั่วคราวเท่านั้น มิได้กระทำเพื่อเป็นการตัดกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายตลอดไป จึงมิใช่เป็นการกระทำที่ถือว่าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป อันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ในสถานที่ทำงาน พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลย การรอการลงโทษจากพฤติการณ์และผู้เสียหายไม่ติดใจ
โจทก์มี ธ.พ. และ ก. ซึ่งเป็นครูโรงเรียนเดียวกับจำเลยเบิกความตรงกันว่า จำเลยได้รับกับพยานว่าได้เอาเงินของผู้เสียหายไปและได้ทำบันทึกตามเอกสารหมาย จ.4 ต่อหน้าพยานทั้งสาม และมีครูโรงเรียนเดียวกับจำเลยรู้เห็นอยู่ด้วยว่าขณะเข้าไปดื่มน้ำในห้องที่เกิดเหตุ จำเลยได้หยิบเงินในกระเป๋าของผู้เสียหายไปและจากคำเบิกความของ อ.และส.ว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยเข้าไปดื่มน้ำในห้องที่เกิดเหตุตรงกับข้อเท็จจริงในบันทึกเอกสารหมาย จ.4และจำเลยนำเงินไปคืนไว้ที่โต๊ะ ส.เพื่อคืนให้ผู้เสียหายในลักษณะแอบแฝง พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบบ่งชี้ให้เห็นชัดปราศจากสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักเอาเงินของผู้เสียหายไปจริง พยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนแต่ได้ความว่าจำเลยมีลักษณะบกพร่องทางจิตใจชอบอยากได้ของคนอื่นประกอบกับจำเลยได้นำเงินที่ยังไม่ได้คืนมาคืนให้ผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว และผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องว่าไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไป สมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองที่ดีต่อไป โดยรอการลงโทษจำเลยไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, หักบัญชีเกินวงเงิน, สัญญาค้ำประกัน, บังคับจำนอง: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
การพิจารณาว่าฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ต้องพิจารณาจากการบรรยายฟ้องเท่านั้น ไม่ต้องเอาทางนำสืบมาพิจารณาด้วย คำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 1 ระบุให้โจทก์นำหนี้สินความรับผิดชอบไม่ว่าประเภทใด ๆ มาหักบัญชีได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เป็นข้อตกลงที่จำเลยที่ 1ยอมให้โจทก์หักบัญชีมิใช่เฉพาะแต่เงินในบัญชีเท่านั้น ถึงแม้ในบัญชีของจำเลยที่ 1 ไม่มีเงิน โจทก์ก็อาจนำหนี้สินอื่นมาหักจากบัญชีได้ ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 เพียงใด เป็นการบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่โจทก์กล่าวอ้างและนำสืบ แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จะไม่ยกขึ้นว่ากล่าวต่อสู้ ศาลก็จะต้องยกขึ้นวินิจฉัยให้อยู่แล้ว และถึงแม้ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้โดยไม่ย้อนสำนวน คำบอกกล่าวบังคับจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 728 ไม่จำต้องบอกกล่าววิธีบังคับจำนองไปในคำบอกกล่าวด้วย คำแก้ฎีกาจะขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กำหนดให้ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนน้อยเกินไปไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักบัญชีนอกเงื่อนไขสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี, วงเงินค้ำประกัน, และการบอกกล่าวบังคับจำนอง
การบอกกล่าวบังคับจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 728 นั้น ไม่จำต้องบอกกล่าววิธีบังคับจำนองไปในคำบอกกล่าวด้วย คำขอเปิดบัญชีของจำเลยที่ 1 มีข้อความว่า "ถ้าข้าพเจ้า บริษัทมีหนี้สินความรับผิดชอบต่อธนาคารไม่ว่าจะเป็นหนี้สินความรับผิดชอบประเภทใด ธนาคารมีสิทธิหักบัญชีของข้าพเจ้า/บริษัท ได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า" ถือได้ว่าตามข้อตกลงนี้ จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์หักบัญชีมิใช่เฉพาะแต่เงินในบัญชีเท่านั้นดังนั้นแม้ในบัญชีของจำเลยที่ 1 จะไม่มีเงิน โจทก์อาจนำหนี้สินอื่นมาหักจากบัญชีของจำเลยที่ 1 ได้ สัญญาค้ำประกัน ข้อ 1 มีว่า "เนื่องในการที่ธนาคาร ยอมให้ผู้เบิกเงินเกินบัญชีเบิกเงินจากธนาคารตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นจำนวน 2,000,000 บาท นั้น ผู้ค้ำประกันยอมเข้าค้ำประกันการชำระหนี้รวมทั้งดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่กล่าวแล้วจนกว่าธนาคารจะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิง และทั้งนี้ผู้ค้ำประกันตกลงผูกพันชำระหนี้ของลูกหนี้ที่มีอยู่แล้วต่อธนาคารก่อนสัญญานี้ด้วย" ข้อความดังกล่าวนี้แจ้งชัดว่า จำเลยที่ 2ถึงที่ 6 มิได้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในวงเงินจำกัดเพียง 2,000,000บาท เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาจากการก่อสร้างที่สร้างความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจ้างเหมาให้จำเลยที่ 2 สร้างอาคารคอนโดมิเนียม การตอกเสาเข็มจำเลยที่ 2 ได้ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้และตรงตามความประสงค์ของจำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างในระหว่างการก่อสร้าง จำเลยที่ 1 ได้ให้ตัวแทนไปตรวจการก่อสร้างด้วย การตอกเสาเข็มจึงเป็นส่วนการงานที่จำเลยที่ 1 สั่งให้จำเลยที่ 2 กระทำเมื่อเกิดการเสียหายขึ้น จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วย การที่เศษวัสดุก่อสร้างตกลงไปในบ้านโจทก์หรือคนงานทิ้งขยะลงไปในบ้านโจทก์ เป็นผลจากการกระทำของจำเลยที่ 2หรือลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ที่มิได้ระมัดระวังในการดำเนินการก่อสร้าง มิใช่เป็นความผิดของจำเลยที่ 1 ในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ ในคำสั่งหรือในการเลือกหาผู้รับจ้างเพราะจำเลยที่ 2ดำเนินธุรกิจก่อสร้างมีวิศวกรควบคุมงานนับได้ว่าจำเลยที่ 1ได้เลือกหาผู้รับจ้างที่ควรจะทำงานของจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 1จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในส่วนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินตกโมฆะเพราะไม่ทำหนังสือ แต่ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครอง และไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
สัญญาซื้อขายที่ดิน ส.ค.1 มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 แต่ผู้ขายได้ส่งมอบที่ดินให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองแล้วผู้ซื้อย่อมได้สิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว สัญญาซื้อขายที่ดินตกเป็นโมฆะ ผู้ซื้อจึงไม่สามารถนำมาอ้างเป็นเหตุฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาซื้อขายจากผู้ขายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องของผู้เสียหายหลายคนในคดีอาญา ไม่ถือเป็นฟ้องซ้อน แม้มีการฟ้องคดีอาญาไปก่อนแล้ว
ในคดีอาญาที่มีผู้เสียหายหลายคน แม้จะมีผู้เสียหายคนหนึ่งฟ้องผู้กระทำความผิดก่อนแล้วก็ตาม ผู้เสียหายคนอื่นก็มีสิทธิฟ้อง ผู้กระทำผิดได้อีก เพราะ ป.วิ.อ. ไม่มีบทบัญญัติห้ามผู้เสียหาย คนอื่นฟ้องผู้กระทำผิดอีกและแม้ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จะให้นำ ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง(1) มาใช้บังคับในคดีอาญา แต่ มาตรา 173 วรรคสอง (1) ก็ห้ามเฉพาะโจทก์ในคดีเดิมเท่านั้น มิให้ฟ้องจำเลยซ้ำในเรื่องเดียวกันดังนี้ เมื่อโจทก์ยังไม่เคยฟ้อง จำเลยที่ 2 ในเรื่องเดียวกับที่ฟ้องคดีนี้มาก่อน และการที่ ม. ภรรยาโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในเรื่องเดียวกับคดีนี้ก็ไม่ถือว่าเป็น การฟ้องแทนโจทก์ ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็น ฟ้องซ้อนกับคดีอาญาที่ ม. ภรรยาโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหายหลายคน และการไม่เป็นฟ้องซ้อน แม้มีการฟ้องคดีไปก่อนหน้านี้
ในคดีอาญาที่มีผู้เสียหายหลายคน ผู้เสียหายแต่ละคนย่อมมีสิทธิฟ้องผู้กระทำผิดได้ การที่ผู้เสียหายคนหนึ่งฟ้องผู้กระทำผิดก่อนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็ไม่มีบทบัญญัติห้ามผู้เสียหายคนอื่นฟ้องผู้กระทำผิดอีก ส่วน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง (1) ซึ่งได้บัญญัติห้ามโจทก์เมื่อได้ยื่นฟ้องต่อศาลแล้วและคดีอยู่ในระหว่างพิจารณายื่นฟ้องจำเลยเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลเดียวกันหรือต่อศาลอื่นอีก ก็เป็นการห้ามเฉพาะโจทก์ในคดีเดิมเท่านั้นมิให้ฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกัน แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จะให้นำมาใช้บังคับในคดีอาญาได้แต่โจทก์ก็ไม่ได้ฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกันกับที่ฟ้องคดีนี้มาก่อนการที่ ม. ภรรยาโจทก์เคยฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกันกับคดีนี้ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการฟ้องแทนโจทก์ด้วย ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีที่ ม. เคยฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหายหลายคน และการไม่เป็นฟ้องซ้อน แม้มีการฟ้องคดีอาญาไปก่อนแล้ว
ในคดีอาญาที่มีผู้เสียหายหลายคน ผู้เสียหายแต่ละคนย่อมมีสิทธิฟ้องผู้กระทำผิดได้ การที่ผู้เสียหายคนหนึ่งคนใดฟ้องผู้กระทำผิดก่อน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็ไม่มีบทบัญญัติห้ามผู้เสียหายคนอื่นฟ้องผู้กระทำผิดอีก ส่วนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง(1)แม้จะนำมาใช้บังคับในคดีอาญาได้ก็ตาม ก็ห้ามเฉพาะโจทก์ในคดีเดิมเท่านั้นมิให้ฟ้องจำเลยซ้ำในเรื่องเดียวกัน โจทก์ไม่เคยฟ้องจำเลยที่ 2 ในเรื่องเดียวกันกับที่ฟ้องคดีนี้มาก่อน การที่ภรรยาโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในเรื่องเดียวกับคดีนี้มาก่อน ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการฟ้องแทนโจทก์ด้วย ฟ้องโจทก์คดีนี้เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหาของกลางประชดบิดา ไม่ถือว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยเจตนา
จำเลยให้เพื่อนไปซื้อเฮโรอีนมา แล้วจำเลยนำเฮโรอีนไปมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้จับกุมตนในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเพื่อประชดบิดา เป็นการหาเฮโรอีนมาเป็นของกลางเพื่อให้ถูกจับกุม มิใช่เจตนาจะยึดถือเฮโรอีนไว้ในครอบครองการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด.