พบผลลัพธ์ทั้งหมด 487 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนจำลอง & ความรับผิดทางละเมิด: สหกรณ์ต้องรับผิดชอบการกระทำละเมิดของบุคคลที่แสดงตนเป็นตัวแทน
จำเลยที่ 2 เป็นสหกรณ์จำกัดที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์ในการเดินรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารจำเลยที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถแท็กซี่ของตนวิ่งรับคนโดยสารโดยมีเครื่องหมายของจำเลยที่ 2 ติดไว้ที่ข้างรถทั้งสองข้าง แสดงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการวิ่งรับคนโดยสารตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตน เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ขับรถแท็กซี่โดยประมาทชนรถยนต์โจทก์เสียหายอันเป็นการกระทำละเมิดจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนจำลอง: สหกรณ์ต้องรับผิดในผลละเมิดของรถแท็กซี่ที่มีเครื่องหมายของสหกรณ์
จำเลยที่ 2 เป็นสหกรณ์จำกัดที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์ในการเดินรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถแท็กซี่ของตนวิ่งรับคนโดยสารโดยมีเครื่องหมายของจำเลยที่ 2 ติดไว้ที่ข้างรถทั้งสองข้าง แสดงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการวิ่งรับคนโดยสารตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตน เมื่อจำเลยที่ 1ได้ขับรถแท็กซี่โดยประมาทชนรถยนต์โจทก์เสียหายอันเป็นการกระทำละเมิด จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1920/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตัวแทน และความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ยินยอมผูกพัน
จำเลยที่ 3 เป็นข้าราชการสังกัดจำเลยที่ 1 ได้ติดต่อขอซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นจากโจทก์ โดยจำเลยที่ 3ออกใบสั่งจ่ายน้ำมันให้เจ้าหน้าที่ผู้ขับรถนำไปเติมน้ำมันจากปั๊มน้ำมันของโจทก์ การเติมน้ำมันแต่ละครั้งได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ค่าน้ำมันโจทก์จะเรียกเก็บในเดือนถัดไป ซึ่งถือปฏิบัติเช่นนี้ตลอดมาติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 2 ปี เมื่อการเติมน้ำมันดังกล่าวเป็นการปฏิบัติราชการของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1จะอ้างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2521ซึ่งเป็นระเบียบภายในที่ฝ่ายจำเลยจะต้องถือปฏิบัติว่าจำเลยที่ 3มิได้เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ หากเป็นการผิดระเบียบก็ต้องว่ากล่าวกันเอง ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต ตามพฤติการณ์ในการปฏิบัติการของจำเลยที่ 3 เป็นการแสดงออกว่ากระทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ใบสั่งจ่ายน้ำมันที่เป็นต้นฉบับสูญหายถูกทำลายไป สำเนาเอกสารก็รับฟังเป็นพยานได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินกิจการแต่ฟ้องจำเลยที่ 1 ย่อมขาดอำนาจฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องในตอนแรกว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าท่า-เทียบเรือกับโจทก์ มีเงื่อนไขว่าจำเลยที่ 1 ต้องดำเนินกิจการต่อเนื่องและไม่ให้ผู้อื่นเช่าช่วง จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาให้จำเลยที่ 2 เช่าช่วงเข้าดำเนินกิจการแทน และบรรยายฟ้องในตอนท้ายว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าในนามของแพปลาสินธ์ไพโรจน์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินกิจการท่าเทียบเรือดังกล่าวเพียงผู้เดียวจำเลยที่ 1 ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าที่ค้างชำระ ตามคำฟ้องจึงสรุปได้ว่าโจทก์ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนทำสัญญากับโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินกิจการแต่ผู้เดียว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โจทก์ฟ้องผิดพลาด เมื่อทราบว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการและดำเนินกิจการเอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1
โจทก์บรรยายฟ้องในตอนแรกว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าท่าเทียบเรือกับโจทก์ มีเงื่อนไขว่าจำเลยที่ 1 ต้องดำเนินกิจการต่อเนื่องและไม่ให้ผู้อื่นเช่าช่วง จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาให้จำเลยที่ 2 เช่าช่วงเข้าดำเนินกิจการแทน และบรรยายฟ้องในตอนท้ายว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าในนามของแพปลาสินธ์ไพโรจน์ ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินกิจการท่าเทียบเรือดังกล่าวเพียงผู้เดียว จำเลยที่ 1 ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2เชิดจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1ชำระค่าเช่าที่ค้างชำระ ตามคำฟ้องจึงสรุปได้ว่าโจทก์ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนทำสัญญากับโจทก์และจำเลยที่ 2เป็นผู้ดำเนินกิจการแต่ผู้เดียว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการ-ตัวแทน สัญญาเช่า: โจทก์ฟ้องผิดบุคคลเมื่อทราบว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการ
จำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนทำสัญญาเช่าท่าเทียบเรือประมงกับโจทก์ จำเลยที่ 2 เข้าดำเนินกิจการท่าเทียบเรือแต่ผู้เดียวหลังจากทำสัญญาจำเลยที่ 1 จึงไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดตามสัญญาเช่าท่าเทียบเรือประมงร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการดังนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ชำระค่าเช่าตามสัญญาเช่าดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสินค้าเกิน 500 บาท หนังสือรับสภาพหนี้ และการเชิดตัวแทนทางกฎหมายทำให้เกิดผลผูกพันและอายุความสะดุดหยุด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซื้อเครื่องกำจัดน้ำเสียกับพลาสติกมีเดีย จากโจทก์ โจทก์ส่งมอบสินค้าครบถ้วนแต่จำเลยที่ 1ชำระค่าสินค้าไม่ครบ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าสินค้าที่ยังค้างชำระพร้อมดอกเบี้ย โจทก์แนบสำเนาใบส่งของและสำเนาหนังสือแจ้งยอดเงินค้างชำระไว้ท้ายคำฟ้องปรากฏรายการสินค้าที่โจทก์ส่งให้จำเลยที่ 1 และราคาสินค้าทั้งหมด รวมทั้งรายการชำระเงินค่าสินค้าของจำเลยที่ 1 ซึ่งเมื่อหักกลบลบกันแล้วเหลือยอดเงินค้างชำระตามที่โจทก์ฟ้อง เช่นนี้ คำฟ้องของโจทก์แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 ส่วนมีการซื้อขายกี่ครั้งครั้งละเท่าใด เป็นเงินเท่าใด ชำระแล้วเมื่อใด ค้างชำระการซื้อขายครั้งใด เท่าใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม การซื้อขายมีราคาเกินกว่า 500 บาท โดยมิได้ทำสัญญาหรือทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือวางประจำไว้ แต่มีการทำหนังสือรับสภาพหนี้กันไว้ โจทก์ส่งมอบสินค้าให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ชำระราคาบ้างแล้วถือว่าการซื้อขายรายนี้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับคดีได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีผู้เป็นหุ้นส่วน3 คน การที่จำเลยที่ 1 มอบให้ ส. หุ้นส่วนคนหนึ่งเสนอประมูลราคาก่อสร้างงานของมหาวิทยาลัยขอนแก่นลงชื่อเป็นคู่สัญญาแทนจำเลยที่ 1 และเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างตามสัญญา พนักงานของโจทก์ติดต่อกับ ส. ขายสินค้าให้จำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ส่งสินค้าให้จำเลยที่ 1 ก็ชำระค่าสินค้าให้โจทก์บางส่วน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1เชิด ส. ออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 821เมื่อ ส. ลงลายมือชื่อรับรองรายการส่งสินค้าพร้อมราคาและรายการชำระเงินค่าสินค้าบางส่วนซึ่งเมื่อหักกลบลบกันแล้วปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ยังเป็นหนี้โจทก์ดังนี้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้และการเชิดตัวแทนทางกฎหมาย ทำให้หนี้ไม่ขาดอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดย ส. ได้ซื้อเครื่องกำจัดน้ำเสียกับพลาสติกมีเดียจากโจทก์ โจทก์ส่งมอบสินค้าตามที่สั่งซื้อครบถ้วน แต่จำเลยที่ 1 ยังชำระค่าสินค้าไม่ครบ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าสินค้าที่ยังค้างชำระพร้อมด้วยดอกเบี้ย โจทก์ได้แนบสำเนาใบส่งของและสำเนาหนังสือแจ้งยอดเงินค้างชำระไว้ท้ายฟ้องด้วย ซึ่งตามสำเนาเอกสารดังกล่าวปรากฏรายการสินค้าที่โจทก์ส่งให้แก่จำเลยที่ 1 และราคาสินค้าทั้งหมดรวมทั้งรายการชำระเงินค่าสินค้าของจำเลยที่ 1 ซึ่งเมื่อหักกลบลบกันแล้วคงเหลือยอดเงินที่ค้างชำระตามที่โจทก์ฟ้อง เป็นคำฟ้องที่ได้แสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172แล้ว โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่า มีการซื้อขายกี่ครั้ง ครั้งละเท่าใด เป็นเงินเท่าใด ชำระแล้วเมื่อใด ค้างชำระการซื้อขายครั้งใดเท่าใด เพราะรายละเอียดดังกล่าวเป็นเรื่องที่อาจนำสืบพยานกันได้ในชั้นพิจารณา การซื้อขายทรัพย์ที่มีราคาเกินกว่าห้าร้อยบาทแม้จะมิได้มีการทำสัญญาหรือทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือได้วางประจำไว้แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าการซื้อขายดังกล่าวได้มีการทำหนังสือรับสภาพหนี้กันไว้และโจทก์ได้ส่งมอบสินค้าให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ชำระราคาบ้างแล้ว จึงถือว่าการซื้อขายรายนี้ได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องร้องขอให้บังคับคดีได้ตามความในมาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยที่ 1 ได้เชิดให้ ส. ออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 การที่ ส.ลงลายมือชื่อในเอกสารซึ่งมีลักษณะเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ จึงมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 และเป็นผลให้อายุความสะดุดหยุดลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดตามสัญญาประนีประนอมจากตัวแทนเชิด แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3หรือไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกา โจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 3 เชิดจำเลยที่ 4ให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 3 ได้เชิดจำเลยที่ 4 อย่างไร เพราะสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างของบริษัทจำเลยที่ 1 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุของจำเลยที่ 3 ร่วมกันเจรจาและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ณ สำนักงานของจำเลยที่ 3ประกอบกับการที่จำเลยที่ 1 และทนายความของจำเลยที่ 3 ยอมรับผิดตามหนังสือของโจทก์ที่ขอให้ชำระหนี้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เห็นชอบในการทำสัญญา-ประนีประนอมยอมความด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 รู้อยู่แล้วยอมให้จำเลย-ที่ 3 และที่ 4 เชิดตัวเขาเองออกเป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อมิใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอม-ความกันตามปกติแต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงหาจำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนแต่อย่างใดไม่
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างของบริษัทจำเลยที่ 1 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุของจำเลยที่ 3 ร่วมกันเจรจาและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ณ สำนักงานของจำเลยที่ 3ประกอบกับการที่จำเลยที่ 1 และทนายความของจำเลยที่ 3 ยอมรับผิดตามหนังสือของโจทก์ที่ขอให้ชำระหนี้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เห็นชอบในการทำสัญญา-ประนีประนอมยอมความด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 รู้อยู่แล้วยอมให้จำเลย-ที่ 3 และที่ 4 เชิดตัวเขาเองออกเป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อมิใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอม-ความกันตามปกติแต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงหาจำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด: การรับผิดตามสัญญาประนีประนอม แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3หรือไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกา โจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 3 เชิดจำเลยที่ 4 ให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 3 ได้เชิดจำเลยที่ 4 อย่างไร เพราะสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างของบริษัทจำเลยที่ 1 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุของจำเลยที่ 3 ร่วมกันเจรจาและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ณ สำนักงานของจำเลยที่ 3 ประกอบกับการที่จำเลยที่ 1และทนายความของจำเลยที่ 3 ยอมรับผิดตามหนังสือของโจทก์ที่ขอให้ชำระหนี้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เห็นชอบในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3รู้อยู่แล้วยอมให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 เชิดตัวเขาเองออกเป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อมิใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันตามปกติแต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงหาจำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนแต่อย่างใดไม่