คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2497 ม. 9

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหน้าที่จ่ายสินบนนำจับเป็นของอธิบดีกรมศุลกากร ไม่ใช่จำเลยในคดีนี้
จำเลยทั้งสองไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ในการจ่ายเงินสินบนนำจับแต่อย่างใดผู้ที่มีหน้าที่ในการจ่ายสินบนนำจับคืออธิบดีกรมศุลกากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469มาตรา 102 ตรีแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ 12) พ.ศ.2497 มาตรา 9 และในการขอรับเงินสินบนนำจับนั้น จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิจะขอรับ เป็นเรื่องผู้แจ้งความนำจับที่จะขอรับโดยเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งความลงชื่อรับรองว่าผู้ขอเป็นผู้แจ้งความนำจับ ปรากฏตามระเบียบศุลกากรโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินสินบนนำจับจากจำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการจ่ายสินบนนำจับเป็นของอธิบดีกรมศุลกากร ผู้แจ้งความนำจับเท่านั้นที่มีสิทธิรับเงิน
จำเลยทั้งสองไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ในการจ่ายเงินสินบนนำจับแต่อย่างใดผู้ที่มีหน้าที่ในการจ่ายสินบนนำจับคืออธิบดีกรมศุลกากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 102 ตรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2497 มาตรา 9 และในการขอรับเงินสินบนนำจับนั้น จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิจะขอรับ เป็นเรื่องผู้แจ้งความนำจับที่จะขอรับโดยเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งความลงชื่อรับรองว่าผู้ขอเป็นผู้แจ้งความนำจับ ปรากฏตามระเบียบศุลกากร โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินสินบนนำจับจากจำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปรียบเทียบปรับทางศุลกากรต้องมีเจตนาและยินยอมของผู้ถูกเปรียบเทียบ การหักเงินประกันเพื่อชำระค่าปรับโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับกรมศุลกากรจำเลยคืนเงินอากรขาเข้าของโจทก์ที่วางเป็นประกันไว้แล้วเหลืออยู่จากจำเลย ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จึงนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้บังคับมิได้
การเปรียบเทียบปรับโดยอธิบดีตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 102 ก็ดี หรือโดยคณะกรรมการเปรียบเทียบตามมาตรา 102ทวิ ก็ดี จะต้องปรากฏว่าผู้จะถูกฟ้องได้ยินยอมและใช้ค่าปรับตามที่ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบด้วยจึงจะชอบ
กรมศุลกากรจำเลยเห็นว่าโจทก์มีความผิดฐานสำแดงเท็จชนิดและราคาสินค้าผ้าเพื่อหลีกเลี่ยงอากร จึงเสนอคณะกรรมการเปรียบเทียบพิจารณาปรับโจทก์สองเท่าของอากรที่ขาด คณะกรรมการเปรียบเทียบมีมติเห็นชอบด้วย แล้วนิติกรของจำเลยได้มีหนังสือเรียกโจทก์มาทำความตกลงตามมติของคณะกรรมการเปรียบเทียบ แต่โจทก์ไม่มาติดต่อจำเลยจึงส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีดังนี้ แสดงว่าโจทก์หาได้ยินยอมตามที่เปรียบเทียบและใช้ค่าปรับแต่อย่างใดไม่ส่วนที่โจทก์ทำสัญญาทัณฑ์บนไว้กับกรมศุลกากรจำเลยพร้อมกับนำหลักฐานสัญญาค้ำประกันของธนาคารมาวางค้ำประกันไว้ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ขอรับสินค้าที่ถูกกักไว้เพื่อไปจำหน่าย มิใช่เรื่องที่โจทก์ยินยอมให้ปรับ จำเลยจึงไม่มีอำนาจสั่งปรับโจทก์ และจะหักเงินประกันค่าอากรขาเข้าซึ่งเหลืออยู่ที่จำเลยชำระค่าปรับไม่ได้ต้องคืนให้โจทก์ไป