คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วินัย กันนะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยโดยการเกิด: หลักฐานภาพถ่าย, พยานเบิกความ, และการพิจารณาความจำเป็นในการแสดงหลักฐานเท็จในต่างประเทศ
ผู้ร้องมีสำเนาทะเบียนนักเรียนว่าผู้ร้องเป็นบุตร ส. กับผ.อยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเกิดวันที่ 30 มีนาคม 2481 และมีบุคคลหลายคนรู้จักผู้ร้องตั้งแต่ผู้ร้องยังเป็นเด็กว่าผู้ร้องเกิดในประเทศไทย ขณะ ผ. จะคลอดผู้ร้องนั้น ล. เป็นคนตามแพทย์มาทำคลอด และเห็นผู้ร้องวิ่งเล่นที่บ้านของ ล.เป็นประจำ จนกระทั่งผู้ร้องอายุ 8 ขวบ ป. เจ้าของร้านถ่าย รูปฉายาธงชัย กับ บ. ผู้ล้างและอัดรูปของร้านดังกล่าวยืนยันว่ารูปถ่าย หมาย ร.12,13,14ถ่ายที่ร้านฉายาธงชัย(ถ่าย ก่อนผู้ร้องเดินทางออกจากประเทศไทย) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนิติเวช มีความเห็นว่า น่าเชื่อว่าบุคคลตามภาพถ่ายหมาย ร.12 ถึงร.21เป็นบุคคลคนเดียวกันภาพถ่ายหมายร.21 เป็นภาพถ่ายของผู้ร้องซึ่งถ่าย ในประเทศไทย เมื่อ 2526 ดังนั้น จึงน่าเชื่อว่า ผู้ร้องเกิดในประเทศไทย ส่วนหลักฐานต่าง ๆ ที่ผู้ร้องทำขึ้นในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นก็เพราะความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยและประโยชน์ของผู้ร้องขณะที่อยู่ในประเทศนั้น เมื่อผู้ร้องเป็นคนเกิดในประเทศไทยย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตาม พ.ร.บ. สัญชาติฯ มาตรา 3(3).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายพระบูชาสมบูรณ์เมื่อส่งมอบทรัพย์และตกลงราคา ไม่จำต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
การซื้อขายพระพุทธรูปอันเป็นสังหาริมทรัพย์ย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือสัญญาหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายสังหาริมทรัพย์สมบูรณ์เมื่อส่งมอบทรัพย์และตกลงราคา แม้ไม่มีสัญญาเป็นหนังสือ
การซื้อขายพระพุทธรูปอันเป็นสังหาริมทรัพย์ย่อมสมบูรณ์เพียงเมื่อผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นแก่ผู้ขาย หาจำต้องทำเป็นหนังสือสัญญาหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือไว้แต่อย่างใดไม่ แม้การซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยที่ 1 จะมิได้ทำเอกสารหมาย จ.1 ไว้ก็ย่อมสมบูรณ์แล้ว ไม่ปรากฏว่าเอกสารหมาย จ.1 มีระบุข้อความว่าให้จำเลยที่ 1มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ และจำเลยที่ 1 ตกลงจะทำการดังนั้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 797 แห่ง ป.พ.พ. สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยที่ 1 จึงเป็นสัญญาซื้อขายมิใช่สัญญาตัวแทน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยการส่งมอบรถคืน ถือเป็นการเลิกสัญญาทันทีตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อกลับคืนให้แก่โจทก์แล้วถือว่าจำเลยบอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ ดังนั้น ไม่ว่าการแปลงหนี้ใหม่ระหว่างโจทก์กับจำเลย จะทำถูกต้องหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยก็เป็นอันเลิกกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 573.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2534 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยการส่งมอบรถยนต์คืน ถือเป็นการระงับสัญญา แม้จะมีการแปลงหนี้
จำเลยที่ 1 ติดต่อกับโจทก์เพื่อขอโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์พิพาทให้แก่ ด. ได้มีการทำหนังสือโอนสัญญาเช่าซื้อโดยโจทก์ให้ใช้แบบพิมพ์ของโจทก์ และโจทก์ยังได้ให้ ด.ลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์สัญญาเช่าซื้อโดยไม่มีการกรอกข้อความ ทั้งในวันดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างและค่าเช่าซื้อล่วงหน้าของผู้รับโอนสัญญาเช่าซื้ออีก 1 งวดด้วยเช็คของ ด.รวมทั้งค่าธรรมเนียมการโอนสัญญาเช่าซื้อกับค่าอากรให้แก่โจทก์รับไปถูกต้องตามประเพณีปฏิบัติในการโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อของโจทก์แล้ว ประกอบกับในวันเดียวกันนั้น ด.ได้ทำแบบยื่นขอทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทกับโจทก์โจทก์ก็รับไว้ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ ซึ่งเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว ดังนั้นไม่ว่าการแปลงหนี้ใหม่ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะได้ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันแล้วนับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนโจทก์ จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างและค่าเสียหายให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเมื่อมีการโอนสิทธิและส่งมอบรถยนต์คืน สัญญาเป็นอันเลิกกันตามมาตรา 573
การที่จำเลยผู้เช่าซื้อส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อเนื่องจากได้โอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่ ด.โดยโจทก์ยินยอมแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าการแปลงหนี้ใหม่ระหว่างโจทก์กับจำเลยจะได้ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 นับแต่วันที่จำเลยส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยการส่งมอบรถคืน และผลกระทบต่อการฟ้องเรียกค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 ติดต่อกับโจทก์เพื่อขอโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์พิพาทให้แก่ด. ได้มีการทำหนังสือโอนสัญญาเช่าซื้อโดยโจทก์ให้ใช้แบบพิมพ์ของโจทก์ และโจทก์ยังได้ให้ ด.ลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์สัญญาเช่าซื้อโดยไม่มีการกรอกข้อความ ทั้งในวันดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างและค่าเช่าซื้อล่วงหน้าของผู้รับโอนสัญญาเช่าซื้ออีก 1 งวดด้วยเช็คของ ด. รวมทั้งค่าธรรมเนียมการโอนสัญญาเช่าซื้อกับค่าอากรให้แก่โจทก์รับไปถูกต้องตามประเพณีปฏิบัติในการโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อของโจทก์แล้ว ประกอบกับในวันเดียวกันนั้น ด. ได้ทำแบบยื่นขอทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทกับโจทก์ โจทก์ก็รับไว้ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ซึ่งเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว ดังนั้นไม่ว่าการแปลงหนี้ใหม่ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะได้ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันแล้วนับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนโจทก์ จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างและค่าเสียหายให้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าเช่าโทรศัพท์: การพิจารณาประเภทผู้ประกอบการและข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การที่โจทก์จัดให้มีบริการโทรศัพท์และเรียกเก็บเงินค่าเช่าเครื่องโทรศัพท์กับค่าใช้บริการโทรศัพท์นั้น ถือได้ว่าโจทก์เป็นบุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์เรียกเอาค่าเช่า และเป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(6),(7) ดังนั้น สิทธิเรียกร้องค่าเช่าเครื่องโทรศัพท์และค่าใช้บริการโทรศัพท์ของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าเช่าโทรศัพท์และค่าบริการ: องค์กรโทรศัพท์มีฐานะเป็นผู้ค้า
การที่โจทก์จัดให้มีบริการโทรศัพท์และเรียกเก็บเงินค่าเช่าเครื่องโทรศัพท์กับค่าใช้บริการโทรศัพท์ ถือได้ว่าโจทก์เป็นบุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ เรียกเอาค่าเช่าและเป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้าง อันจะพึงได้รับในการนั้น สิทธิเรียกร้องค่าเช่าเครื่องโทรศัพท์และค่าใช้บริการโทรศัพท์ของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 165(6),(7).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าเช่าโทรศัพท์: โจทก์เป็นผู้ค้าเช่าสังหาริมทรัพย์ สิทธิเรียกร้องมีอายุความ 2 ปี
การที่โจทก์จัดให้มีบริการโทรศัพท์และเรียกเก็บเงินค่าเช่าเครื่องโทรศัพท์กับค่าใช้บริการโทรศัพท์นั้น ถือได้ว่าโจทก์เป็นบุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์เรียกเอาค่าเช่าและเป็นผู้ค้ำในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(6),(7) สิทธิเรียกร้องค่าเช่าเครื่องโทรศัพท์และค่าใช้บริการโทรศัพท์ของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี มิใช่ 10 ปี ตามมาตรา 164
of 24