พบผลลัพธ์ทั้งหมด 237 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3039/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานนอกเหนือจากสัญญาซื้อขายที่จดทะเบียน: ข้อจำกัดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94
ป.วิ.พ. มาตรา 94 บัญญัติห้ามเฉพาะการนำพยานบุคคลเข้าสืบแทนพยานเอกสารหรือประกอบข้ออ้างว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อความในเอกสารในเมื่อมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง การที่โจทก์นำสืบถึงบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับราคาที่ดินตลอดจนเงื่อนไขการชำระราคาที่ดินอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากหนังสือสัญญาขายที่ดินที่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น หาต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ โจทก์จึงนำสืบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3039/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานหลักฐานเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายที่ดิน: ศาลอนุญาตได้หากไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์มอบอำนาจให้สามีโจทก์เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทนประกอบกับสามีโจทก์เบิกความรับรองว่ายินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีถือได้ว่าโจทก์ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 บัญญัติห้ามเฉพาะการนำพยานบุคคลเข้าสืบแทนพยานเอกสารหรือประกอบข้ออ้างว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อความในเอกสารในเมื่อมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง การที่โจทก์นำสืบถึงบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับราคาที่ดินตลอดจนเงื่อนไขการชำระราคาที่ดินอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากหนังสือสัญญาขายที่ดินที่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2529/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งนัดพยานที่ไม่ชอบด้วยวิธี การขาดนัดพิจารณา และผลกระทบต่อการดำเนินคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การจำเลยและสั่งให้ออกหมายกำหนดวันนัดสืบพยานส่งให้โจทก์ทราบเพียงฝ่ายเดียว ส่วนบันทึกกำหนดวันสืบพยานที่เจ้าหน้าที่ศาลได้ ลงไว้ท้ายคำให้การก็ปรากฏหลักฐานลายเซ็นของทนายโจทก์รับทราบกำหนดนัดสืบพยานแต่ เพียงฝ่ายเดียวไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยได้ ลงชื่อรับทราบกำหนดวันนัดสืบพยานดังกล่าวด้วย และลายเซ็นทนายจำเลยที่ลงไว้ข้างท้ายหมายเหตุคำให้การที่มีข้อความว่าข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้า ไม่รอให้ถือ ว่าทราบแล้วก็คงถือ เป็นเพียงหลักฐานการรับทราบคำสั่งศาลในการพิจารณาสั่งเกี่ยวกับคำให้การจำเลยที่ยื่นต่อ ศาลเท่านั้น ทั้งในการสั่งรับคำให้การของจำเลย ศาลก็มิได้ระบุวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ประการใด กรณีเป็นไปได้ ว่าเจ้าหน้าที่ศาลอาจลงกำหนดวันนัดสืบพยานหลังจากได้ รับเอกสารคำให้การจากทนายจำเลยไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมิได้ออกหมายกำหนดวันสืบพยานสั่งให้จำเลยทราบ และมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดย ให้ดำเนิน คดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวจึงเป็นการดำเนิน กระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 184,202.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2529/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งนัดสืบพยานที่ไม่ชอบด้วยวิธี สั่งให้ดำเนินคดีฝ่ายเดียว ศาลฎีกายกคำพิพากษา ให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การจำเลยและสั่งให้ออกหมายกำหนดวันนัดสืบพยานส่งให้โจทก์ทราบเพียงฝ่ายเดียว ส่วนบันทึกกำหนดวันสืบพยานที่เจ้าหน้าที่ศาลได้ลงไว้ท้ายคำให้การก็ปรากฏหลักฐานลายเซ็นของทนายโจทก์รับทราบกำหนดนัดสืบพยานแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยได้ลงชื่อรับทราบกำหนดวันนัดสืบพยานดังกล่าวด้วย และลายเซ็นทนายจำเลยที่ลงไว้ข้างท้ายหมายเหตุคำให้การที่มีข้อความว่าข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วก็คงถือเป็นเพียงหลักฐานการรับทราบคำสั่งศาลในการพิจารณาสั่งเกี่ยวกับคำให้การจำเลยที่ยื่นต่อศาลเท่านั้น ทั้งในการสั่งรับคำให้การของจำเลย ศาลก็มิได้ระบุวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ประการใด กรณีเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ศาลอาจลงกำหนดวันนัดสืบพยานหลังจากได้รับเอกสารคำให้การจากทนายจำเลยไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมิได้ออกหมายกำหนดวันสืบพยานสั่งให้จำเลยทราบ และมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยให้ดำเนินคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 184, 202
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดคดีเนื่องจากจำเลยถึงแก่กรรมก่อนศาลพิจารณาฟ้องแย้งเรื่องการหย่าและการแบ่งเงินชดเชย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนหย่าให้จำเลยตามข้อตกลง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยยื่นฎีกาขอให้รับฟ้องแย้งไว้พิจารณา เมื่อจำเลยถึงแก่กรรม การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นสุดลง จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดของคดีฟ้องแย้งเกี่ยวกับการจดทะเบียนหย่าหลังคู่สมรสเสียชีวิต
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนหย่าให้จำเลยตาม ข้อตกลง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยยื่นฎีกาขอให้รับฟ้องแย้งไว้พิจารณา เมื่อจำเลยถึง แก่กรรมการสมรสระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นสุดลง จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อ ไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดการสมรสหลังจำเลยเสียชีวิต และการจำหน่ายคดีที่ไม่มีประโยชน์ในการพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนหย่าให้จำเลยตามข้อตกลง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยจึงยื่นฎีกาขอให้รับฟ้องแย้งไว้พิจารณาต่อไป แต่หลังจากยื่นฎีกาแล้ว จำเลยถึงแก่กรรม ดังนี้ การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยจึงสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1501 จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป ให้จำหน่ายคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2430/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องชัดเจนเหตุผลคัดค้านคำพิพากษาเดิม การอ้างเหตุผลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ถือเป็นข้อคัดค้าน
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุที่อ้างมาในคำขอเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีรายละเอียดชัดแจ้ง ถือ ไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง แล้ว ประเด็นที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและจงใจขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่จำต้องวินิจฉัย คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดย ละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อ โจทก์ไม่ชอบอย่างไร หากได้ พิจารณาใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้ อย่างไร แต่ กลับไปคัดค้านคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่ง พิพากษาให้จำเลยในฐานะ ลูกหนี้โจทก์ในฐานะ ผู้ค้ำประกันจำเลย ร่วมกันชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ว่าจำนวนหนี้คลาดเคลื่อน และว่าโจทก์ด่วนไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งที่จำเลยกำลังเจรจาขอลดหนี้ตาม คำพิพากษาดังกล่าวอยู่ และแม้จำเลยจะกล่าวในคำขอด้วย ว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันในลักษณะลูกหนี้ร่วม จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย ในเงินที่ชำระไปแล้วและโจทก์มิได้บอกกล่าวก่อนฟ้อง จะเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความเอาจากจำเลยไม่ได้ ก็เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีกฎหมายสนับสนุน ถือ ไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2430/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องชัดเจนเหตุคัดค้านคำพิพากษา หากไม่ชัดเจน ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเหตุที่อ้างมาในคำขอเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีรายละเอียดชัดแจ้ง ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง แล้ว ประเด็นที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและจงใจขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อ โจทก์ไม่ชอบอย่างไร หากได้พิจารณาใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร แต่กลับไปคัดค้านคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่งพิพากษาให้จำเลยในฐานะลูกหนี้โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลย ร่วมกันชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ว่าจำนวนหนี้คลาดเคลื่อน และว่าโจทก์ด่วนไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งที่จำเลยกำลังเจรจาขอลดหนี้ตาม คำพิพากษาดังกล่าวอยู่ และแม้จำเลยจะกล่าวในคำขอด้วยว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันในลักษณะลูกหนี้ร่วม จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในเงินที่ชำระไปแล้ว และโจทก์มิได้บอกกล่าวก่อนฟ้อง จะเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความเอาจากจำเลยไม่ได้ ก็เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีกฎหมายสนับสนุน ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อ โจทก์ไม่ชอบอย่างไร หากได้พิจารณาใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร แต่กลับไปคัดค้านคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่งพิพากษาให้จำเลยในฐานะลูกหนี้โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลย ร่วมกันชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ว่าจำนวนหนี้คลาดเคลื่อน และว่าโจทก์ด่วนไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งที่จำเลยกำลังเจรจาขอลดหนี้ตาม คำพิพากษาดังกล่าวอยู่ และแม้จำเลยจะกล่าวในคำขอด้วยว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันในลักษณะลูกหนี้ร่วม จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในเงินที่ชำระไปแล้ว และโจทก์มิได้บอกกล่าวก่อนฟ้อง จะเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความเอาจากจำเลยไม่ได้ ก็เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีกฎหมายสนับสนุน ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษผิดพลาดในคดีอาวุธปืน ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 78โดยระบุวรรคหนึ่ง ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะมาตราดังกล่าวที่ใช้บังคับขณะเกิดเหตุบัญญัติไว้เพียงวรรคเดียว ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.