พบผลลัพธ์ทั้งหมด 237 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3657/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คและเงินสด การพิสูจน์การระงับหนี้ต้องมีหลักฐานชัดเจน ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดหากพิสูจน์การชำระหนี้ไม่ได้
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แม้ จะ รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เคยนำเช็คไปชำระหนี้เงินกู้รายพิพาท แก่ โจทก์ แต่ก็ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็คนั้น หนี้ เงินกู้ ราย นี้ จึงยังคงมีอยู่ตามหนังสือสัญญากู้ การที่จำเลยที่ 2 นำสืบ ว่า จำเลย ที่ 1นำเงินสดตามเช็คไปชำระแก่โจทก์จนครบและ รับ เช็ค คืน จากโจทก์แล้วนั้นเป็นการนำสืบให้ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า หนี้ เงินกู้ ตามสัญญากู้รายพิพาทได้ระงับแล้วโดยจำเลยที่ 1 นำ เงินสด ไป ชำระ ให้แก่โจทก์ จึงเป็นการนำสืบการใช้เงินตามความหมาย แห่ง ป.พ.พ.มาตรา 653 วรรคสอง จำเลยที่ 2 ไม่มีหลักฐานเป็น หนังสือ ลง ลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง ทั้งไม่ปรากฏว่าเอกสารอันเป็น หลักฐาน แห่ง การกู้ยืมเงินนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนแล้ว จึง รับฟัง ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้แก่โจทก์ที่ 1 สำหรับเช็ค ที่ อ้างว่า นำ ไปชำระหนี้เงินกู้นั้นก็ไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม จำเลย ที่ 2 จึง ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3463/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องอุทธรณ์และการรอการลงโทษ จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์ไม่ประสงค์ดำเนินคดี
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดและถอนอุทธรณ์จำเลยที่ 7ไม่ดำเนินคดีกับจำเลยทั้งเจ็ดต่อไป ดังนี้แม้ข้อหาที่โจทก์ฟ้องเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ ซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิขอถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม แต่ย่อมถือได้ว่า โจทก์มีเจตนาที่จะถอนฟ้องอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 คงอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 7 แล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มีความผิดตามอุทธรณ์ของโจทก์นั้น คำสั่งและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3277/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการโอนที่ดินโดยไม่สุจริต ทำให้การรับโอนที่ดินเป็นโมฆะ
จำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้วโจทก์จึงรับโอนที่ดินจาก บ.ผู้มีชื่อโฉนดที่ดินเพื่อตีใช้หนี้ก่อนโอนบ.ได้พาโจทก์มาดูที่พิพาท โจทก์ย่อมเห็นจำเลยปลูกบ้าน ปลูกต้นไม้ยืนต้นในที่ดินพิพาทอย่างถาวร เมื่อบ. บอกโจทก์ว่า จำเลยเช่าที่พิพาทปลูกบ้านอยู่อาศัยโจทก์เชื่อก็ไม่ได้ขอดูหลักฐานการเช่าจากบ.ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้สอบถามจำเลยว่าเช่าที่พิพาทจริงหรือไม่ผิดวิสัยของผู้ซื้อที่ดินทั่วไป พฤติการณ์แสดงว่า ขณะโจทก์รับโอนที่ดิน โจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยเห็นเจ้าของที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ ดังนี้จะถือว่าโจทก์รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3270/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องจำกัด: การข้ามขั้นตอนตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินฯ และสิทธิของผู้เช่าที่ดิน
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และขอให้บังคับจำเลยที่ 1 จัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ซึ่งเป็นการขอให้แก้ไขหรือยกเลิกมติของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล ก่อนที่จะมีการอุทธรณ์ตามพ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 56 เป็นการข้ามขั้นตอนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย เพราะเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3270/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง - การเช่าที่ดิน - การโอนกรรมสิทธิ์ - ข้ามขั้นตอนตามกฎหมาย - สิทธิของผู้เช่า
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เช่าทำนา นาย ป. บิดาจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาแทนจำเลยที่ 1ตกลงจะขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์โดยมิได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบเพียงแต่ตกลงกันให้โจทก์ไปตกลงกับจำเลยที่ 2 เอง ต่อมาจำเลยที่ 2ขออายัดที่ดินพิพาท และคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลมีมติให้จำเลยที่ 1 ขายที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทไว้ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายระหว่างจำเลยทั้งสอง และขอให้บังคับจำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่โจทก์เป็นการขอให้แก้ไขหรือยกเลิกมติของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำ ตำบล ก่อนที่จะมีการอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 56เป็นการข้ามขั้นตอนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และการที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ยังเป็นการขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ละเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 53วรรคหนึ่ง ที่ต้องแจ้งให้ผู้เช่านาทราบถึงการจะขายนาและให้ผู้เช่านาได้แสดงความจำนงจะซื้อนาก่อนอีกด้วย และเมื่อโจทก์เป็นเพียงผู้จะซื้อที่ดินพิพาทยังมิใช่เจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยอาศัยอำนาจแห่งกรรมสิทธิ์ ขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายและขอให้ห้ามจำเลยที่ 2 เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3236/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด (ฝิ่น) โดยการส่งมอบเงินและยา
จ่าสิบตำรวจ ส.ผู้ล่อซื้อฝิ่นส่งมอบเงินค่าซื้อฝิ่นให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2ยืนอยู่ด้วย จำเลยที่ 1 นับเงินแล้วส่งให้จำเลยที่ 2 ตรวจนับเงินต่อ พร้อมทั้งจำเลยที่ 1 ได้มอบฝิ่นให้แก่จ่าสิบตำรวจ ส. การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันขายหรือจำหน่ายฝิ่นตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3236/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด: การส่งมอบเงินและฝิ่นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
จ่าสิบตำรวจ ส. ผู้ล่อซื้อฝิ่นส่งมอบเงินค่าซื้อฝิ่นให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 ยืนอยู่ด้วย จำเลยที่ 1 นับเงินแล้วส่งให้จำเลยที่ 2 ตรวจนับเงินต่อ พร้อมทั้งจำเลยที่ 1 ได้มอบฝิ่นให้แก่จ่าสิบตำรวจ ส. การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันขายหรือจำหน่ายฝิ่นตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันขายทอดตลาด: บุคคลผู้มีส่วนได้เสียเฉพาะทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดี
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 มิได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องแจ้งวันขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 1 ทราบก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันขายทอดตลาดเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดี
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2มิได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องแจ้งวันขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 1ทราบก็ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดบังคับคดี: ศาลยืนตามเจ้าพนักงาน หากไม่มีพฤติการณ์ทุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมาย แม้ผู้ซื้อจะบอกเลิกสัญญา
เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ที่ยึดไว้ 434,000 บาทในการขายทอดตลาดครั้งแรกมีผู้ให้ราคาสูงสุด 500,000 บาทเจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายตามคำคัดค้านของโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนอง และกำชับโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนองให้หาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ในนัดหน้า มิฉะนั้นจะขายไปในราคาที่เห็นสมควรแต่จำเลยไม่สามารถหาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่า 450,000 บาท ตามที่มีผู้ให้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดครั้งที่สอง เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดไปในราคาดังกล่าวตามที่เห็นสมควรแล้ว โดยไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะแสดงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สุจริตหรือกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296วรรคสอง จำเลยจึงขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและทำการขายทอดตลาดใหม่ อีกไม่ได้ การที่ผู้ซื้อทรัพย์แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาซื้อทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อทรัพย์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการต่อไปตามสัญญาและบทกฎหมาย มิใช่ข้ออ้างเพื่อเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ชอบแล้ว.