พบผลลัพธ์ทั้งหมด 259 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดคดีเนื่องจากจำเลยถึงแก่กรรมก่อนศาลพิจารณาฟ้องแย้งเรื่องการหย่าและการแบ่งเงินชดเชย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนหย่าให้จำเลยตามข้อตกลง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยยื่นฎีกาขอให้รับฟ้องแย้งไว้พิจารณา เมื่อจำเลยถึงแก่กรรม การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นสุดลง จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดการสมรสหลังจำเลยเสียชีวิต และการจำหน่ายคดีที่ไม่มีประโยชน์ในการพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนหย่าให้จำเลยตามข้อตกลง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยจึงยื่นฎีกาขอให้รับฟ้องแย้งไว้พิจารณาต่อไป แต่หลังจากยื่นฎีกาแล้ว จำเลยถึงแก่กรรม ดังนี้ การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยจึงสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1501 จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป ให้จำหน่ายคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2430/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องชัดเจนเหตุคัดค้านคำพิพากษา หากไม่ชัดเจน ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเหตุที่อ้างมาในคำขอเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีรายละเอียดชัดแจ้ง ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง แล้ว ประเด็นที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและจงใจขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อ โจทก์ไม่ชอบอย่างไร หากได้พิจารณาใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร แต่กลับไปคัดค้านคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่งพิพากษาให้จำเลยในฐานะลูกหนี้โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลย ร่วมกันชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ว่าจำนวนหนี้คลาดเคลื่อน และว่าโจทก์ด่วนไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งที่จำเลยกำลังเจรจาขอลดหนี้ตาม คำพิพากษาดังกล่าวอยู่ และแม้จำเลยจะกล่าวในคำขอด้วยว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันในลักษณะลูกหนี้ร่วม จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในเงินที่ชำระไปแล้ว และโจทก์มิได้บอกกล่าวก่อนฟ้อง จะเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความเอาจากจำเลยไม่ได้ ก็เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีกฎหมายสนับสนุน ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อ โจทก์ไม่ชอบอย่างไร หากได้พิจารณาใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร แต่กลับไปคัดค้านคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่งพิพากษาให้จำเลยในฐานะลูกหนี้โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลย ร่วมกันชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ว่าจำนวนหนี้คลาดเคลื่อน และว่าโจทก์ด่วนไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งที่จำเลยกำลังเจรจาขอลดหนี้ตาม คำพิพากษาดังกล่าวอยู่ และแม้จำเลยจะกล่าวในคำขอด้วยว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันในลักษณะลูกหนี้ร่วม จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในเงินที่ชำระไปแล้ว และโจทก์มิได้บอกกล่าวก่อนฟ้อง จะเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความเอาจากจำเลยไม่ได้ ก็เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีกฎหมายสนับสนุน ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2430/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องชัดเจนเหตุผลคัดค้านคำพิพากษาเดิม การอ้างเหตุผลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ถือเป็นข้อคัดค้าน
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุที่อ้างมาในคำขอเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีรายละเอียดชัดแจ้ง ถือ ไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง แล้ว ประเด็นที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและจงใจขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่จำต้องวินิจฉัย คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดย ละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อ โจทก์ไม่ชอบอย่างไร หากได้ พิจารณาใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้ อย่างไร แต่ กลับไปคัดค้านคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่ง พิพากษาให้จำเลยในฐานะ ลูกหนี้โจทก์ในฐานะ ผู้ค้ำประกันจำเลย ร่วมกันชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ว่าจำนวนหนี้คลาดเคลื่อน และว่าโจทก์ด่วนไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งที่จำเลยกำลังเจรจาขอลดหนี้ตาม คำพิพากษาดังกล่าวอยู่ และแม้จำเลยจะกล่าวในคำขอด้วย ว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันในลักษณะลูกหนี้ร่วม จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย ในเงินที่ชำระไปแล้วและโจทก์มิได้บอกกล่าวก่อนฟ้อง จะเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความเอาจากจำเลยไม่ได้ ก็เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีกฎหมายสนับสนุน ถือ ไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษผิดพลาดในคดีอาวุธปืน ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 78โดยระบุวรรคหนึ่ง ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะมาตราดังกล่าวที่ใช้บังคับขณะเกิดเหตุบัญญัติไว้เพียงวรรคเดียว ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักเงินฝากชำระหนี้เบิกเกินบัญชี และการคิดดอกเบี้ยหลังผิดนัดชำระหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์และมิได้ชำระหนี้คืนโจทก์ โจทก์ได้หักเงินฝากประจำของจำเลยที่ 2เข้าชำระหนี้เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2527 เป็นเงิน 2,000,000 บาทและต่อมาได้หักทอนบัญชีกันเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527จำเลยที่ 1 เป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีอยู่ 586,293.50 บาท ปรากฏตามภาพถ่ายบัญชีกระแสรายวันเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 7 ดังนี้แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่า ในวันที่ 26 เมษายน 2527 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์หักเงินฝากของจำเลยที่ 2 ใช้หนี้เบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 1 เป็นหนี้อยู่จำนวนเท่าใด เมื่อหักหนี้แล้วเหลืออยู่เท่าใดก็ตาม แต่จากข้อความดังกล่าวย่อมเป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่า ในวันที่โจทก์หักเงินฝากประจำของจำเลยที่ 2ชำระหนี้ นั้น จำเลยที่ 1 ย่อมจะเป็นหนี้โจทก์อยู่เกินกว่า2,000,000 บาท ทั้งตามภาพถ่ายบัญชีกระแสรายวันเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องก็ปรากฏรายการชัดแจ้งด้วยว่า ในวันดังกล่าวจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าใด ฟ้องโจทก์ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2262/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้ราคาต่ำกว่าราคาประเมิน หากเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
ในการขายทอดตลาดทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่ามีผู้สู้ราคาสูงกว่าราคาที่ประมาณไว้ จึงรายงานต่อศาลว่าสมควรขายแก่ ผู้ให้ราคาสูงสุดคือผู้คัดค้าน ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายได้แสดงว่าราคาเหมาะสมแล้วและไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริต หรือมิได้ปฏิบัติตาม บทบัญญัติของกฎหมายและข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่าด้วยวิธีการขายทอดตลาดดังนี้ การขายทอดตลาดที่ดินพิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการดำเนินคดีแทนโจทก์ร่วมผู้ตาย และการรอการลงโทษหลังชดใช้ค่าเสียหาย
พี่ชายของโจทก์ร่วมผู้ตายเกิดจากบิดามารดาเดียวกันและเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ร่วมผู้ตาย มิใช่บุคคลตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 ที่จะขอเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ตายได้ จึงไม่มีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือมีคำขออื่นใดแทนโจทก์ร่วมผู้ตายได้
เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.
เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการดำเนินคดีแทนโจทก์ร่วม & เหตุบรรเทาโทษจากเช็คพิพาท
พี่ชายของโจทก์ร่วมผู้ตายเกิดจากบิดามารดาเดียวกันและเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ร่วมผู้ตาย มิใช่บุคคลตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 ที่จะขอเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ตายได้ จึงไม่มีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือมีคำขออื่นใดแทนโจทก์ร่วมผู้ตายได้ เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการดำเนินคดีของผู้จัดการมรดกแทนโจทก์ร่วม และเหตุรอการลงโทษจากชดใช้ค่าเสียหาย
พี่ชายของโจทก์ร่วมผู้ตายเกิดจากบิดามารดาเดียวกัน และเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ร่วมผู้ตาย มิใช่บุคคลตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 ที่จะขอเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ตายได้ จึงไม่มีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือมีคำขออื่นใดแทนโจทก์ร่วมผู้ตายได้ เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษ