พบผลลัพธ์ทั้งหมด 259 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2686/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิ่งราวทรัพย์สลากกาชาด: พยานหลักฐานโจทก์น่าเชื่อถือกว่าจำเลย ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้เสียหายซื้อสลากกาชาดถูกรางวัลรถจักรยานยนต์จำเลยแย่งสลากกาชาดฉบับดังกล่าวไปจากมือผู้เสียหายนำไปขอรับรถจักรยานยนต์ที่ถูกรางวัล ดังนี้เป็นการลักทรัพย์สลากกาชาดโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าจำเลยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย, การนำสืบหลักฐาน, สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและการหักกลบลบหนี้
เมื่อจำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีว่า จ.หาใช่หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ไม่ การที่ จ.ลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายเป็นการทำในฐานะส่วนตัว โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้ว่าผู้ขายคือโจทก์เพราะในสัญญาซื้อขายดังกล่าวได้ระบุด้วยว่าผู้ขายคือโจทก์และมีตราประทับของโจทก์ด้วย สัญญาซื้อขายข้อ 10 กำหนดว่า ถ้าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อหนึ่งข้อใดก็ตาม จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ 2 แล้วโจทก์ยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาแก่จำเลยที่ 2 โดยสิ้นเชิงภายใน 30 วันนับแต่เมื่อได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นข้อกำหนดเพียงให้สิทธิจำเลยที่ 2 เรียกค่าเสียหายจากโจทก์เท่านั้น มิได้ให้สิทธิจำเลยที่ 2 ไม่ต้องชำระราคาที่ค้างหรือหักกลบลบหนี้กันได้เอง หากจำเลยที่ 2 มีความเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะฟ้องแย้งหรือหักกลบลบหนี้เข้ามาในคำให้การทั้งตามคำให้การของจำเลยก็ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนค่าเสียหายที่แน่นอนอันพอจะถือได้ว่าจำเลยประสงค์จะให้เกิดประเด็นในเรื่องหักกลบลบหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส: การนำสืบเอกสารการสมรสก่อนซื้อทรัพย์สินพิพาทพิสูจน์สถานะเป็นสินสมรสได้
การที่ผู้ร้องที่ 1 นำสืบพยานบุคคลและพยานเอกสารคือสำเนาสูติบัตร สำเนาใบสำคัญการหย่าเพื่อแสดงว่าผู้ร้องที่ 1 กับ จำเลยที่ 2 จดทะเบียนสมรสกันจริงพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจดทะเบียนการหย่าให้ กับนำสืบสำเนาหนังสือยินยอมว่าในวันที่จำเลยที่ 2 ไปจดทะเบียนซื้อและจำนองที่ดินกับบ้านนั้น ผู้ร้องที่ 1 ให้ความยินยอมแล้วดังนี้ผู้ร้องมิได้นำสืบพยานบุคคลเพียงอย่างเดียว แม้มิได้นำทะเบียนสมรสมาแสดง ก็ไม่ใช่การนำสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 เมื่อการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ร้องที่ 1 กับจำเลยที่ 2เกิดขึ้นก่อนวันที่จำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินและบ้านพิพาท ที่ดินและบ้านพิพาทจึงเป็นสินสมรส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดี: การพิสูจน์สถานะผู้กระทำการแทนและดุลพินิจศาลที่ไม่รับฟังพยาน
ข้อเท็จจริงว่า นายอาษายังคงดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้างและไม่ใช่ข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา84(1) เมื่อโจทก์ไม่นำสืบโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่โจทก์อ้างว่า โจทก์ได้นำพยานมาเบิกความเพื่อยืนยันว่านายอาษายังคงดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ แต่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นว่าเป็นเรื่องที่ศาลจะรู้ได้เองไม่จำต้องสืบพยานแล้วบันทึกเพียงว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 นั้นเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์นำพยานเข้าสืบในประเด็นดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2522/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากพยานหลักฐานทางนิตยศาสตร์และพฤติการณ์ที่เชื่อมโยงจำเลยกับเหตุการณ์
ก่อนเกิดเหตุ 7-8 วัน จำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงกันในการซื้อขายไม้วันเกิดเหตุก่อนผู้ตายถูกยิง อ. ได้ยินเสียงผู้ตายร้องด่าจำเลย ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดจ. พี่ภริยาจำเลยออกจากบ้านมาดูเห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนท้ายรถยนต์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อเสียปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลง จำเลยขับรถยนต์ออกไป ต่อมาไม่นานจำเลยขับรถยนต์กลับมารับภริยาและบุตรหลบหนีไป แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย จึงรับฟังลงโทษจำเลยได้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหลายนัดถูกบริเวณหน้าท้อง จนถึงแก่ความตาย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า ปลอกกระสุนปืนของกลางซึ่งคาอยู่ในรังเพลิงของอาวุธปืน ฝ่ายผู้ตาย มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2475/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในคดีอาวุธปืนและการตีความว่าอาวุธปืนมีทะเบียนหรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาจากคำให้การและหลักฐานที่ปรากฏ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่ปรากฏหลักฐานใบอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยยื่นคำให้การมีใจความว่า จำเลยขอให้การรับสารภาพ ความจริงอาวุธปืนตามฟ้องมีหมายเลขทะเบียน แต่เมื่อพนักงานสอบสวนส่งไปตรวจพิสูจน์ ปรากฏว่าไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากทะเบียนอาวุธปืนชำรุด หากสามารถตรวจสอบได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่จำเลย ขอให้ศาลรอการลงโทษด้วย ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพศาลสอบ แล้วจำเลยยืนยันให้การตามนี้ โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน เช่นนี้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการปฏิเสธว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ต้องฟังข้อเท็จจริงว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม และมาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ วรรคสอง เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2407/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้ไม่ได้ฟ้องฐานบุกรุก แต่หากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์รวมถึงการบุกรุก ศาลลงโทษฐานบุกรุกได้ตามกฎหมาย
แม้โจทก์จะมิได้ระบุขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนตาม ป.อ. มาตรา 364,365(3) แต่ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ตามมาตรา 335(1)(3)(8) ที่โจทก์ฟ้อง โจทก์บรรยายการกระทำของจำเลย ซึ่งรวมเอาการบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน อันเป็นความผิดตามมาตรา 364,365(3) ได้อยู่ในตัวเองไว้ด้วย ทั้งความผิดตามมาตรา364,365(3) ยังมีโทษเบากว่าความผิดตามมาตรา 335(1)(3)(8)ที่โจทก์ฟ้อง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเช่นนี้ ศาลจึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 364,365(3) ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2343/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักเงินประกันตัวเพื่อชำระหนี้ส่วนตัวของลูกหนี้ ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 แต่สำหรับข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อหาความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2328/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของ เมื่อไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกับจำเลยที่ 2ลักทรัพย์หรือรับของโจรเศษเหล็ก เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ลักเอาเศษเหล็ก และไม่ทราบว่าเศษเหล็กดังกล่าวที่ซื้อไว้จากจำเลยที่ 2 ที่บรรทุกใส่รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อจำเลยที่ 1กับภรรยามายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง จึงเป็นผลให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กับภรรยาไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับจำเลยที่ 2 ใช้รถยนต์ของกลางในการกระทำความผิด ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่จำเลยที่ 1กับภรรยา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว และการระงับสิทธิในการฟ้อง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก และให้จำเลยคืนทรัพย์ตามบัญชีเอกสารท้ายฟ้องแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา จำเลยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยไม่คัดค้าน จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกา โจทก์ไม่คัดค้าน ซึ่งในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวโจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ เมื่อจำเลยไม่คัดค้านศาลฎีกาจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและให้จำเลยถอนฎีกาได้ กับคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้แก่จำเลย และเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2) จึงให้จำหน่ายคดี.