พบผลลัพธ์ทั้งหมด 325 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง ทำให้คู่ความไม่มีสิทธิฎีกา
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่านายหน้าย่อมเกิดขึ้นเมื่อการชี้ช่องนำไปสู่สัญญาเช่า แม้มีการประมูล
โจทก์และบิดาเป็นผู้ชี้ช่องให้จำเลยทำหนังสือขอเช่าอาคารยื่นต่อ ส. จน ส. มีหนังสือเรียกให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าแต่เนื่องจากจำเลยแจ้งการครอบครองอาคารไม่ตรงกับความจริง ส. จึงระงับการทำสัญญา แล้วให้จำเลยเข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมเพียงสองรายเมื่อผู้เช่าเดิมไม่มาประมูล จำเลยจึงเข้าประมูลแต่ฝ่ายเดียว และได้เข้าทำสัญญาเช่ากับ ส. ถือได้ว่าโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่นายหน้าครบถ้วนแล้ว และการที่จำเลยได้เข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมจนได้เข้าทำสัญญากับ ส. เป็นผลของการชี้ช่องของโจทก์ จำเลยจึงต้องชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีนายหน้าชี้ช่องทำสัญญาเช่า: จำเลยต้องชำระค่านายหน้าเมื่อการทำสัญญาสำเร็จได้จากการชี้ช่องของโจทก์
จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าชี้ช่องให้จำเลยเข้าทำสัญญาเช่าอาคารกับสำนักงาน ท. โดยจำเลยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์โจทก์และบิดาโจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้จำเลยทำหนังสือขอเช่ายื่นต่อสำนักงาน ท. จนสำนักงาน ท. ได้มีหนังสือเรียกให้จำเลยไปทำสัญญาเช่า แต่เนื่องจากจำเลยแจ้งการครอบครองอาคารไม่ตรงกับความจริง สำนักงาน ท. จึงมีหนังสือแจ้งจำเลยขอระงับการทำสัญญาแล้วให้จำเลยเข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมเพียงสองราย แต่ผู้เช่าเดิมไม่มาประมูล จำเลยจึงเข้าประมูลเสนอให้ค่าธรรมเนียมพิเศษแต่ฝ่ายเดียว และได้เข้าทำสัญญาเช่ากับสำนักงาน ท.กรณีถือได้ว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่นายหน้าครบถ้วนแล้ว และการที่จำเลยได้เข้าประมูลราคากับผู้เช่าเดิมจนได้เข้าทำสัญญากับสำนักงาน ท. เป็นผลแห่งการชี้ช่องของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีนายหน้าชี้ช่องทำสัญญาเช่า แม้มีการประมูลราคาก็ตาม จำเลยยังต้องจ่ายค่านายหน้า
จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าชี้ช่องให้จำเลยเข้าทำสัญญาเช่าอาคารกับสำนักงาน ท. โดยจำเลยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์โจทก์และบิดาโจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้จำเลยทำหนังสือขอเช่ายื่นต่อสำนักงาน ท.จนสำนักงานท. ได้มีหนังสือเรียกให้จำเลยไปทำสัญญาเช่า แต่เนื่องจากจำเลยแจ้งการครอบครองอาคารไม่ตรงกับความจริง สำนักงาน ท. จึงมีหนังสือแจ้งจำเลยขอระงับการทำสัญญา แล้วให้จำเลยเข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมเพียงสองรายแต่ผู้เช่าเดิมไม่มาประมูล จำเลยจึงเข้าประมูลเสนอให้ค่าธรรมเนียมพิเศษแต่ฝ่ายเดียว และได้เข้าทำสัญญาเช่ากับสำนักงาน ท. กรณีถือได้ว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่นายหน้าครบถ้วนแล้ว และการที่จำเลยได้เข้าประมูลราคากับผู้เช่าเดิมจนได้เข้าทำสัญญากับสำนักงาน ท. เป็นผลแห่งการชี้ช่องของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่านายหน้าเกิดขึ้นเมื่อการชี้ช่องนำไปสู่สัญญาเช่า แม้มีการประมูลต่อมา
โจทก์และบิดาเป็นผู้ชี้ช่องให้จำเลยทำหนังสือขอเช่าอาคารยื่นต่อ ส. จน ส. มีหนังสือเรียกให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าแต่เนื่องจากจำเลยแจ้งการครอบครองอาคารไม่ตรงกับความจริง ส. จึงระงับการทำสัญญา แล้วให้จำเลยเข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมเพียงสองรายเมื่อผู้เช่าเดิมไม่มาประมูล จำเลยจึงเข้าประมูลแต่ฝ่ายเดียว และได้เข้าทำสัญญาเช่ากับ ส. ถือได้ว่าโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่นายหน้าครบถ้วนแล้ว และการที่จำเลยได้เข้าประมูลสู้ราคากับผู้เช่าเดิมจนได้เข้าทำสัญญากับ ส. เป็นผลของการชี้ช่องของโจทก์ จำเลยจึงต้องชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาจากรอการลงโทษเป็นไม่รอการลงโทษ ถือเป็นการเพิ่มเติมโทษ จำเลยมีสิทธิฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 4 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 2 เดือน ไม่รอการลงโทษจำคุกและไม่ปรับ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยเป็นไม่รอการลงโทษจำคุก นั้น เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามจำเลยฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ที่แก้ไขใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์และการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โดยการไม่รอการลงโทษถือเป็นการเพิ่มเติมโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน ปรับ 1,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 2 เดือน ไม่รอการลงโทษจำคุก และไม่ปรับ ดังนี้ ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากและเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อ. (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่ดินและการชดใช้ค่าเสียหาย โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการได้
ตามคำขอของโจทก์ที่ว่าหากจำเลยไม่ยอมรื้อสะพานที่จำเลยสร้างบุกรุกเข้าไปในที่ดินที่โจทก์ครอบครองอยู่บางส่วนแล้ว ให้โจทก์มีสิทธิรื้อถอนได้โดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่ารื้อถอนนั้น เป็นการไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 ทวิ ศาลย่อมพิพากษายกคำขอนี้เสีย แต่ก็ชอบที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินและการชดใช้ค่าเสียหาย กรณีจำเลยสร้างสะพานบุกรุกที่ดินของโจทก์
คำขอของโจทก์ที่ว่าหากจำเลยไม่ยอมรื้อสะพานที่จำเลยสร้างบุกรุกเข้าไปในที่ดินที่โจทก์ครอบครองอยู่บางส่วนแล้ว ให้โจทก์มีสิทธิรื้อถอนได้โดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่ารื้อถอนนั้น เป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ ชอบที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเรื่องการริบของกลาง
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 1,000 บาท กับให้ริบของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยไม่ริบของกลาง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.