พบผลลัพธ์ทั้งหมด 657 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2980/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเนื่องจากฝ่าฝืนข้อบังคับเล็กน้อย ศาลสั่งให้จ่ายค่าชดเชย
โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานแทน ณ. ลูกจ้าง เพื่อแสดงเวลากลับจากทำงานของณ. ซึ่งมิได้กลับมาที่บริษัทจำเลยโดยได้ลงระหว่างทางซึ่งในวันดังกล่าวณ.ก็ได้ไปทำงานจนสิ้นสุดเวลาทำงานปกติแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าการตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานกลับ ในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นเหตุให้จำเลยต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ ณ.หรือไม่ และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงประการอื่นใดอีก การที่โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยดังกล่าว จึงมิใช่กรณีที่ร้ายแรงจำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2980/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากฝ่าฝืนข้อบังคับบริษัท การตอกบัตรแทนเพื่อนไม่ใช่ความผิดร้ายแรง ต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานแทนณ. ลูกจ้าง เพื่อแสดงเวลากลับจากทำงานของ ณ. ซึ่งมิได้กลับมาที่บริษัทจำเลยโดยได้ลงระหว่างทางซึ่งในวันดังกล่าว ณ. ก็ได้ไปทำงานจนสิ้นสุดเวลาทำงานปกติแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าการตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานกลับในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นเหตุให้จำเลยต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ ณ. หรือไม่ และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงประการอื่นใดอีก การที่โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยดังกล่าว จึงมิใช่กรณีที่ร้ายแรง จำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2970/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ปลอม: การลงลายมือชื่อในสัญญาที่ยังไม่ได้กรอกข้อความ และการเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินโดยไม่ได้รับความยินยอม
จำเลยกู้เงินโจทก์และลงลายมือชื่อในสัญญากู้โดยยังไม่ได้กรอกข้อความ สามีโจทก์กรอกข้อความและจำนวนเงินขึ้นเองภายหลังมากกว่าจำนวนที่กู้จริงโดยจำเลยไม่ได้รู้เห็นยินยอม สัญญากู้จึงเป็นสัญญากู้ปลอม ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานเป็นหนังสือที่จะฟ้องบังคับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2806/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: ผู้จัดการมรดกไม่จำเป็นต้องแบ่งทรัพย์มรดก หากมีข้อโต้แย้งเรื่องสิทธิในทรัพย์สิน
ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายผู้คัดค้านกับพวกซึ่งเป็นทายาทของผู้ตายไปพบผู้ร้องเพื่อให้แบ่งที่ดินมรดก แต่ผู้ร้องไม่ยอมแบ่งให้โดยอ้างว่าผู้ตายยกที่ดินดังกล่าวให้ผู้ร้องก่อนแล้ว ดังนี้ เป็นการโต้แย้งสิทธิในที่ดินดังกล่าว หาใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องไม่ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกหรือมีเหตุอื่นอันสมควรให้ศาลถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีแรงงานและการอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ศาลต้องไต่สวนเหตุสมควร
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์มาศาลตามเวลานัด ฝ่ายจำเลยทั้งสองไม่มาศาลตามเวลาที่กำหนด แต่ทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลหลังจากที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว และโจทก์นำพยานเข้าสืบ 1 ปาก แล้วแถลงหมดพยานโจทก์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณา ให้รอฟังคำพิพากษา จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่าไม่ได้มีเจตนาขาดนัดยื่นคำให้การ พร้อมกับยื่นคำให้การของจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้ทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลล่าช้ากว่าเวลานัดไปบ้าง แต่ศาลแรงงานกลางก็ยังไม่มีคำพิพากษา ถือได้ว่าทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาฝ่ายเดียว ศาลแรงงานกลางจึงชอบที่จะต้องพิจารณาหรือไต่สวนให้ได้ความว่า มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การหรือไม่แล้วจึงมีคำสั่งให้รับหรือไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 1 ให้พิจารณาคดีใหม่หรือดำเนินคดีของโจทก์แต่ฝ่ายเดียวต่อไปโดยอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานเข้าสืบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199, 205 ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 การที่ศาล-แรงงานกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การ และพิจารณาคดีของโจทก์มาแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าทดแทนนายจ้างต้องจ่ายเมื่อลูกจ้างเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการทำงานโดยตรงเท่านั้น
โรคหรือการเจ็บป่วยอย่างอื่นที่ทำให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายอันเป็นผลให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทนตามความในข้อ 22 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องโรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการทำงานฯ นั้น จะต้องเป็นโรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างโดยตรง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ งานที่ลูกจ้างทำนั้นเป็นมูลให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยขึ้นและเป็นเหตุให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการเจ็บป่วยดังกล่าว อ. ทำงานเกี่ยวกับด้านบัญชี แม้ภายหลังนายจ้างจะมอบหมายงานให้ทำมากขึ้นโดยให้อ.เฝ้าเหมือง ดูแลคนงาน เบิกจ่ายเงินเดือนดูแลพัสดุ ติดต่อกับหน่วยงานอื่นและคุมแร่ไปขายด้วย งานที่ อ.ทำก็มิใช่งานที่ต้องใช้กำลังมากไม่อาจทำให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายได้ ทั้ง อ.มิได้ทำงานตรากตรำวันเกิดเหตุอ.ไปทำงานตอนเช้า ตอนสายได้กลับมาบ้านและให้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาพาไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากปวดศีรษะ แต่ อ. เป็นลมล้มฟุบลงและถึงแก่ความตายเพราะหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน จึงถือไม่ได้ว่าอ.ถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการป่วยเจ็บเนื่องจากการทำงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตายจากภาวะหัวใจล้มเหลว ไม่ถือเป็นการเจ็บป่วยจากการทำงาน จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
เดิม อ.ลูกจ้างของบริษัทร. เป็นคนแข็งแรงไม่เคยป่วยเจ็บก่อนถึงแก่ความตาย 5-6 เดือน ตอนเช้า อ. ไปทำงานตามปกติตอนสาย อ.ได้กลับไปที่บ้านและบอกให้โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาอ.พาไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากปวดศีรษะ แล้วเป็นลมล้มฟุบลงที่โต๊ะอาหารโจทก์พาไปส่งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจแล้วแจ้งโจทก์ว่า อ.ถึงแก่ความตายเนื่องจากหัวใจหยุดทำงานโดยเฉียบพลันก่อนที่จะไปถึงโรงพยาบาล การตายของ อ. ยังถือไม่ได้ว่าถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการป่วยเจ็บเนื่องจากการทำงาน โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายเงินทดแทนกรณีลูกจ้างเสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลว ศาลฎีกาตัดสินว่าการทำงานปกติและเพิ่มขึ้นไม่มีผลโดยตรงต่อการเสียชีวิต
อ.ทำงานเกี่ยวกับด้านบัญชี แม้ภายหลังนายจ้างจะมอบหมายงานให้ทำมากขึ้นโดยทำงานเฝ้าเหมือง ดูแลคนงาน เบิกจ่ายเงิน ดูแลพัสดุ ติดต่อกับหน่วยงานอื่น และคุมแร่ไปขาย ที่จังหวัดภูเก็ตด้วย งานที่ อ. ทำก็มิใช่งานที่ต้องใช้กำลังมากไม่อาจทำให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายได้ และอ.มิได้ทำงานตรากตรำวันเกิดเหตุอ. ไปทำงานตอนเช้าตามปกติ ตอนสายได้กลับมาบ้านและให้โจทก์ ซึ่งเป็นภริยาพาไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากปวดศีรษะแต่ อ. เป็นลมล้มฟุบลงที่โต๊ะอาหาร และถึงแก่ความตายเพราะหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน การตายของ อ. ยังถือไม่ได้ว่าถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการป่วยเจ็บเนื่องจากการทำงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2537 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ไม่ถือเป็นการตายจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยจากการทำงาน
เดิม อ.ลูกจ้างของบริษัท ร. เป็นคนแข็งแรงไม่เคยป่วยเจ็บก่อนถึงแก่ความตาย 5 - 6 เดือน ตอนเช้า อ.ไปทำงานตามปกติ ตอนสาย อ.ได้กลับไปที่บ้านและบอกให้โจทก์ซึ่งเป็นภรรยา อ. พาไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากปวดศีรษะ แล้วเป็นลมล้มฟุบลงที่โต๊ะอาหาร โจทก์พาไปส่งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจแล้วแจ้งโจทก์ว่า อ.ถึงแก่ความตายเนื่องจากหัวใจหยุดทำงานโดยเฉียบพลันก่อนที่จะไปถึงโรงพยาบาล การตายของ อ. ยังถือไม่ได้ว่าถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการป่วยเจ็บเนื่องจากการทำงาน โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2663/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้รายละเอียดการเบิกจ่ายอุปกรณ์ไม่ได้ระบุทั้งหมด ศาลรับฟังได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของว. ลูกจ้างโจทก์ไว้กับโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำของ ว.โดยโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าว. ได้เบิกอุปกรณ์ไฟฟ้าไปใช้ในงานใด และไม่ส่งคืนคลังพัสดุจำนวนกี่รายการเป็นจำนวนเงินเท่าใด และได้เบิกอุปกรณ์ก่อสร้างเกินประมาณการไปในงานใดตามหมายเลขงานที่เท่าใดบ้าง ว. มิได้ส่งคืนและไม่มีให้ตรวจนับกี่รายการ เป็นจำนวนเงินเท่าใด อันเป็นคำฟ้องที่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ส่วนรายละเอียดว่า ว. ได้เบิกอุปกรณ์ไฟฟ้าไปปฎิบัติหน้าที่วันเวลาใดแต่ละครั้งเบิกไปเท่าใดเหลือที่จะต้องส่งคืนแต่ละครั้งเท่าใดนั้น เป็นรายละเอียดที่จะนำไปสืบในชั้นพิจารณาได้ ไม่จำต้องกล่าวมาในฟ้องด้วยคำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม