พบผลลัพธ์ทั้งหมด 657 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรักษาพยาบาลโดยผู้ไม่ได้รับอนุญาตเป็นแพทย์ และประมาททำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
การที่จำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นแพทย์ และไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา ได้ฉีดและให้ผู้ตายกินยาปฏิชีวนะประเภทเพนิซิลลิน โดยผู้ตายมีอาการหมดสติแทบจะทันใด หลังจากจำเลยให้กินยาและฉีดยา และถึงแก่ความตายหลังจากนั้น ประมาณ 3 ชั่วโมง โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายรับการฉีดยาจากสถานพยาบาลอื่นมาก่อนมีอาการเช่นนั้น ถือว่าความตายเป็นผลโดยตรงจากการที่จำเลยทั้งสองให้กินยาและฉีดยาเพนิซิลลินจำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งเงินตามหมายอายัดที่ไม่ผูกมัดผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง และความเสียหายจากการชำระหนี้แก่ผู้ไม่มีสิทธิ
การที่คดีก่อนจำเลยที่ 3 ฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลอายัดเงินที่จำเลยที่ 2 จะได้รับจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาจ้างทำของไว้ก่อนพิพากษา และศาลมีคำสั่งให้อายัดตามคำขอนั้น เมื่อปรากฏว่าเงินค่าจ้างทำของเดิมเป็นสิทธิเรียกร้องของห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ทำสัญญาจ้างทำของกับจำเลยที่ 1 แต่ต่อมาได้โอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้โจทก์ไปก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้อายัดแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. และจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องดังกล่าวต่อจำเลยที่ 1 อีกต่อไปคำสั่งให้อายัดจึงไม่มีผลบังคับจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ปฏิเสธหรือโต้แย้งหนี้ตามคำสั่งให้อายัด แต่กลับส่งเงินไปยังศาลก็เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวของตนเอง หาทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชำระหนี้เงินค่าจ้างทำของจากจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์ได้รับโอนมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ต้องเสื่อมเสียไปแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่ทำให้โจทก์เสียหายจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องที่โอนให้แก่โจทก์ แม้มีการอายัดเงินแต่สิทธิเรียกร้องได้โอนไปแล้ว การชำระเงินจึงไม่เป็นการละเมิด
การที่จำเลยที่ 3 ฟ้องจำเลยที่ 2 และขอให้ศาลอายัดเงินที่จำเลยที่ 2 จะได้รับจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาจ้างทำของไว้ก่อนพิพากษา และศาลมีคำสั่งให้อายัดไว้ก่อนพิพากษาตามคำขอของจำเลยที่ 3 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ส่งเงินค่าจ้างทำของไปยังศาลตามหมายอายัดชั่วคราว และในที่สุดจำเลยที่ 3 ได้รับเงินดังกล่าวไปจากศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าเงินค่าจ้างทำของนี้เดิมเป็นสิทธิเรียกร้องของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญลาภและบุตร ซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาจ้างทำของกับจำเลยที่ 1 และต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญลาภและบุตรโดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการได้โอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้แก่โจทก์ไปก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้อายัดแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญลาภและบุตรและจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องดังกล่าวต่อจำเลยที่ 1 อีกต่อไป คำสั่งให้อายัดจึงไม่มีผลบังคับจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ปฏิเสธหรือโต้แย้งหนี้ตามคำสั่งให้อายัดแต่กลับส่งเงินไปยังศาลก็เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวของตนเอง หาทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชำระหนี้เงินค่าจ้างทำของจากจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์ได้รับโอนมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญลาภและบุตร ต้องเสื่อมเสียไปแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยดังกล่าวมาไม่ทำให้โจทก์เสียหายจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ในมูลละเมิดเป็นการขอให้ชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์แก้ไขคำสั่งส่งตัวจำเลยฝึกอบรมเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย
อุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปให้ส. ซึ่งเป็นป้าของจำเลย ดูแลแทนการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรม ย่อมมีผลเป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความฯ มาตรา 22 กับพระราชบัญญัติ ให้นำวิธีพิจารณาความฯ มาตรา 3 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 74 แล้ว หากจำเลยเห็นว่าพฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าวของศาลเปลี่ยนแปลงไป จำเลยชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้นหรือมีคำสั่งใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายเฮโรอีน: พยานหลักฐานมั่นคงแม้มีการเบิกความแตกต่างเล็กน้อย ศาลแก้ไขโทษลดลง
พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันโดยตลอดได้ความว่าจำเลยได้จำหน่ายเฮโรอีนที่มีไว้ในครอบครองให้แก่ผู้ล่อซื้อ 1 หลอดในราคา 550 บาทโดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเฮโรอีน 3 หลอด และธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อเป็นของกลาง แม้การเบิกความบางตอนจะแตกต่างกันบ้างก็เป็นเพียงพลความมิใช่สาระสำคัญที่จะทำให้คำพยานโจทก์เหล่านั้นมีน้ำหนักน้อยลงถึงกับรับฟังไม่ได้โดยเฉพาะพยานโจทก์ทั้งสามต่างเป็นข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ไม่รู้จักจำเลยมาก่อนไม่มีเหตุน่าระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ จำเลยเองก็รับอยู่ว่าในวันเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจยึดเฮโรอีนพร้อมเงินสดจำนวน600 บาท ของกลางได้จากจำเลยจริง เพียงแต่บ่ายเบี่ยงว่าของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้นั้นมีผู้นำมาฝากจำเลยไว้ โดยจำเลยไม่ทราบว่าของที่นำมาฝากนั้นเป็นเฮโรอีน ซึ่งผิดวิสัยที่คนทั่วไปจะรับของฝากไว้ โดยไม่รู้จักกับคนที่ฝากเลย ดังนี้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถทั้งสองฝ่าย ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าเสียหาย
ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทเลินเล่อเช่นเดียวกับผู้ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัย ความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยย่อมไม่อาจมากหรือเกินไปกว่าความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงแสดงความพร้อมเริ่มกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า แม้ยังไม่ได้ลั่นไก
จำเลยยกอาวุธปืนแก๊ปยาวซึ่งตามปกติธรรมดาเป็นอาวุธร้ายแรงจ้องเล็งไปยังผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่าจะยิงผู้เสียหายและถีบบ. ผู้ขอร้องจำเลยว่าอย่ายิงล้มลงเพื่อให้พ้นจากการขัดขวางจำเลยไม่ให้ยิงผู้เสียหาย การกระทำดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและพร้อมที่จะยิงผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายหลบไปอยู่ข้างหลัง ว. โดยกอดเอวไว้ ทำให้จำเลยไม่สามารถเลือกยิงผู้เสียหายได้ในทันที ดังนี้ แม้ไม่ได้ความขัดว่านิ้วมือของจำเลยสอดเข้าในโกร่งไกปืนแล้วหรือยัง แต่จำเลยพร้อมจะยิงผู้เสียหายเป็นการเริ่มต้นกระทำความผิดแล้ว ครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ: อายุความและการประพฤติเนรคุณต่อเนื่อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 บัญญัติว่า อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้...(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้ และมาตรา 533 บัญญัติว่า...หรือเมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้วหกเดือนนับแต่เหตุ-เช่นนั้นได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้นั้นก็ดี ท่านว่าหาอาจจะถอนคืนการให้ได้ไม่ บทบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดว่าในชั่วชีวิตของโจทก์จะขอสิ่งจำเป็นเพื่อการเลี้ยงชีวิตของโจทก์จากจำเลยได้เพียงครั้งเดียว การขาดแคลนสิ่งจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น เมื่อโจทก์ยังมีชีวิตอยู่และยากไร้โจทก์ย่อมขอสิ่งเหล่านั้นจากจำเลยได้เสมอตามความจำเป็นและจำเลยยังสามารถให้ได้ การที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมให้เงินแก่โจทก์นำไปรักษาตัวเนื่องจากเจ็บป่วยก่อนโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ประมาณ 1 เดือน ในขณะที่โจทก์ยากไร้และชราภาพโดยมีอายุถึง 84 ปี และจำเลยอยู่ในฐานะจะให้เงินแก่โจทก์ได้ จึงเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ที่ดินจากจำเลยได้โดยคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการถอนคืนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ และการประพฤติเนรคุณต่อเนื่อง
เหตุประพฤติเนรคุณที่จำเลยขับไล่โจทก์ออกจากบ้านและบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นแก่การเลี้ยงชีวิตโจทก์ซึ่งเกิดขึ้นนับถึงวันฟ้องเกินกว่า 6 เดือนย่อมขาดอายุความ แต่บทบัญญัติป.พ.พ. มาตรา 531(3) มาตรา 533 มิได้กำหนดว่าในชั่วชีวิตของโจทก์จะขอสิ่งจำเป็นเพื่อการเลี้ยงชีวิตจากจำเลยได้เพียงครั้งเดียวการขาดแคลนสิ่งจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ โจทก์ย่อมขอสิ่งเหล่านั้นจากจำเลยได้เสมอตามความจำเป็น และจำเลยยังสามารถให้ได้ โจทก์ฟ้องและนำสืบได้ความว่าก่อนฟ้องคดีประมาณ 1 เดือน โจทก์ป่วยไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลจึงขอเงินจากจำเลยแต่จำเลยไม่ยอมให้โดยจำเลยอยู่ในฐานะจะให้เงินแก่โจทก์ได้ จึงเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ที่ดินจากจำเลยได้ คดีโจทก์ส่วนนี้ไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยมิชอบจาก นส.3 โดยอ้างอิงคำพิพากษาเดิมที่มีผลผูกพัน
มูลคดีเดียวกันนี้ โจทก์เคยฟ้องและศาลได้พิพากษาขับไล่จำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงมีผลผูกพันคู่ความตามป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคแรก เมื่อศาลในคดีก่อนฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทตาม น.ส.3 โดยรับซื้อฝากจาก อ.แต่ อ. ไม่ได้ไถ่ภายในเวลาที่กำหนด ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นสิทธิแก่โจทก์ ภายหลังจำเลยได้เช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์ และจำเลยเอาที่ดินของโจทก์ดังกล่าวไปขอออกโฉนดซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิ การขอออกโฉนดที่ดินของจำเลยจึงไม่ชอบ ดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้องคดีนี้ขอให้เพิกถอนโฉนดดังกล่าวของจำเลยได้.