พบผลลัพธ์ทั้งหมด 657 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระหนี้จากการยืมทรัพย์ และการคิดดอกเบี้ยจากวันผิดนัด
จำเลยซึ่งเป็นลูกไร่ทำใบยาสูบ ยืมปุ๋ย ยาบำรุงใบยาสูบและยาฆ่าแมลงไปจากโจทก์เพื่อใช้ในการทำใบยาสูบ จำเลยตกลงกับโจทก์ไว้ว่าจะต้องส่งคืนสิ่งของเมื่อสิ้นฤดูการทำใบยาสูบ ซึ่งอนุมานได้จากพฤติการณ์ว่าภายในสิ้นเดือนเมษายน 2526 อันเป็นกรณีที่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน การที่จำเลยยังไม่ส่งคืนของที่ยืมภายในสิ้นเดือนเมษายน 2526 จึงยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด แต่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2529 โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยคืนของที่ยืมภายในวันที่ 11 เดือนเดียวกันจำเลยไม่คืนของตามที่ทวงถาม จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดนับแต่วันที่ 12 เมษายน 2529 ต้องใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของราคาสิ่งของที่ส่งคืนไม่ได้นับแต่วันดังกล่าว หนังสือสัญญายืมสิ่งของ มิได้กำหนดไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด 6 แห่งประมวลรัษฎากรให้ต้องปิดอากรแสตมป์ จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 118 แห่งประมวลรัษฎากร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยืมสิ่งของ, การผิดนัดชำระหนี้, สัญญาที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์, และความชัดเจนของคำฟ้อง
ฎีกาของจำเลยที่คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ จำเลยยืมปุ๋ยและของอื่นไปจากโจทก์เพื่อใช้ในการทำใบยาสูบจำเลยจะทำใบยาสูบเองหรือไม่ไม่ใช่ข้อสำคัญ แม้สัญญายืมสิ่งของดังกล่าวจะไม่ได้กำหนดเวลาคืนสิ่งของไว้แต่ตามพฤติการณ์การให้ยืมสิ่งของดังกล่าวเพื่อใช้ในฤดูกาลทำใบยาสูบ เมื่อสิ้นฤดูกาลแล้วก็ต้องส่งคืนหากใช้ไม่หมด ส่วนที่ใช้ไปแล้วไม่อาจส่งคืนได้ ก็ต้องใช้ราคา ดังนี้ เป็นกรณีที่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เป็นเพียงอนุมานจากพฤติการณ์ การที่จำเลยไม่ส่งคืนของที่ยืมเมื่อสิ้นระยะเวลาที่อนุมานจากพฤติการณ์ได้นั้น ก็ยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด แต่ต่อมาเมื่อโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยคืนของที่ยืมภายในวันที่กำหนด จำเลยไม่คืน จึงตกเป็นผู้ผิดนัดนับแต่วันถัดจากวันที่กำหนดนั้น สัญญายืมสิ่งของมิได้กำหนดไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด 6 แห่งประมวลรัษฎากรว่าต้องปิดอากรแสตมป์ สัญญาดังกล่าวแม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 118 แห่งประมวลรัษฎากร บรรยายฟ้องว่า จำเลยคืนสิ่งของแก่โจทก์บางส่วนเป็นเงิน5,790 บาท ต่อมาได้นำเงินมาชำระค่าสิ่งของแก่โจทก์ ยังคงเหลือสิ่งของรวมเป็นเงิน 48,480 บาท แต่โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยคืนสิ่งของรวม 81,870 บาท เมื่อหนังสือบอกกล่าวท้ายฟ้องได้แสดงรายละเอียดของทรัพย์ที่จำเลยยืมโจทก์ไปเป็นเงิน48,480 บาท ตรงตามคำฟ้อง โดยไม่รวมค่ากรรมกรขนของ คำฟ้องจึงไม่ขัดกันและจำเลยก็เข้าใจข้อหาต่อสู้คดีได้ถูกต้อง คำฟ้องจึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของธนาคารต่อการจ่ายเช็คปลอมจากความประมาทเลินเล่อของพนักงาน
ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทกับตัวอย่างลายมือชื่อของโจทก์มีลักษณะและลวดลายการเขียนผิดกันชัดเจนหลายจุด ซึ่งหากใช้ความระมัดระวังในการตรวจก็จะเห็นได้ว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนละคนกัน การที่พนักงานของจำเลยที่ 1 ไม่ตรวจลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทให้ถูกต้อง จึงเป็นการประมาทเลินเล่อในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้เงินซึ่งได้จ่ายแก่ผู้นำเช็คพิพาทมาเบิกคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่เป็นเหตุให้ถูกกำจัดมรดก การกระทำตามสิทธิย่อมไม่ถือเป็นการฉ้อฉล
จำเลยและทายาททุกคนทราบดีว่า ที่ดินพิพาทเป็นของเจ้ามรดกตามคำพิพากษาตามยอมที่ตกลงแบ่งที่ดินพิพาทให้เจ้ามรดกในคดีที่เจ้ามรดกฟ้องโจทก์ทั้งสี่เป็นจำเลยขอถอนคืนการให้ เจ้ามรดกได้ดำเนินการแบ่งแยกที่ดินไว้ยังไม่เสร็จก็ถึงแก่กรรม ไม่มีทายาทเจ้าดำเนินการต่อ การที่โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทได้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกจึงหาใช่การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ และเมื่อจำเลยร้องขอเข้าเป็นผู้จัดการมรดกและศาลมีคำสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกแล้ว จำเลยได้ขอเข้ารับมรดกความและบังคับคดีจนดำเนินการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเช่นนี้ แม้โจทก์ทั้งสี่จะเคยคัดค้านต่อศาลในชั้นบังคับคดีอ้างว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความแล้ว ก็เป็นการที่โจทก์ทั้งสี่ใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบหาใช่ยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่เช่นเดียวกันจึงไม่เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสี่ถูกกำจัดมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกและการยักย้ายทรัพย์สินมรดก: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
เดิมเจ้ามรดกยกที่ดินโฉนดเลขที่ 694 ให้โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นบุตรต่อมาเจ้ามรดกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ขอถอนคืนการให้ แต่ตกลงประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ทั้งสี่แบ่งที่ดินบางส่วนซึ่งเป็นที่ดินพิพาทให้แก่เจ้ามรดก ต่อมาเจ้ามรดกถึงแก่กรรมลงจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อดำเนินการแบ่งแยกที่ดินพิพาทตามที่เจ้ามรดกได้ดำเนินการค้างไว้ดังนี้ การที่โจทก์ทั้งสี่ได้ยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกการกระทำดังกล่าวหาใช่การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ ส่วนที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกขอเข้ารับมรดกความและบังคับคดีจนมีการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเช่นนี้ แม้โจทก์ทั้งสี่จะเคยคัดค้านต่อศาลในชั้นบังคับคดีโดยอ้างว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความแล้วก็เป็นการที่โจทก์ทั้งสี่ใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบหาใช่ยักยอกหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความมรดก แต่จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ ฎีกาจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักย้าย/ปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉล ไม่ทำให้ถูกกำจัดมรดก การใช้สิทธิทางศาลของทายาทไม่ถือเป็นความฉ้อฉล
การที่โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินของเจ้ามรดกนั้น ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดก จึงไม่เป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลนอกจากนี้ การที่โจทก์ทั้งสี่คัดค้านต่อศาลในเรื่องที่จำเลยดำเนินการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกในชั้นบังคับคดีว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความ ก็เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบ ไม่ถือเป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลเช่นเดียวกัน โจทก์ทั้งสี่จึงมีสิทธิรับมรดกได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรรมการและการถอนฟ้อง: ศาลชอบที่จะยกคำร้องเพิกถอนการถอนฟ้องเมื่อข้ออ้างขัดกับเอกสารทางทะเบียน
ตามคำร้องลงวันที่ 24 ตุลาคม 2534 ของโจทก์ขอให้เพิกถอน คำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง อ้างว่า พ.และท. ได้พ้นจากตำแหน่งกรรมการของโจทก์ตามมติของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่8 กรกฎาคม 2534 แต่ตามหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทฯเอกสารท้ายฟ้อง ซึ่งออกเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2534 ปรากฏว่า พ.และท.ยังเป็นกรรมการของโจทก์อยู่ ทั้งในคำร้องของโจทก์ดังกล่าวก็หาได้อ้างว่าได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการของ โจทก์ภายหลังจากวันที่ 22 กรกฎาคม 2534 ไม่ เมื่อข้ออ้างตามคำร้อง ของโจทก์ที่ว่า พ.และท. พ้นจากตำแหน่งกรรมการของโจทก์ตั้งแต่วันที่8 กรกฎาคม 2534 ฟังไม่ได้เพราะขัดต่อหนังสือรับรองของ นายทะเบียนเช่นนี้แล้ว ศาลก็ชอบที่จะสั่งยกคำร้องของโจทก์ดังกล่าว เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนเสียก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อการเสียชีวิตของลูกจ้างจากการใช้วิธีการที่อยู่ในดุลพินิจเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง
ผู้ควบคุมงานของนายจ้างสั่งให้ลูกจ้างทำความสะอาดที่พักแรมชั่วคราวที่ศาลาการเปรียญวัดซึ่งใช้ในระหว่างออกปฏิบัติงานก่อสร้างขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้า การทำความสะอาดที่พักจำเป็นต้องใช้น้ำด้วย การที่จะนำเอาน้ำในสระขึ้นมาใช้เป็นหน้าที่ของลูกจ้าง ฉะนั้นลูกจ้างจะใช้วิธีการอย่างใดเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของลูกจ้างเพื่อให้ได้น้ำขึ้นมาใช้ เมื่อลูกจ้างเลือกวิธีโดยไปยืมมอเตอร์สูบน้ำจากพระภิกษุมาใช้สูบน้ำเพื่อทำความสะอาดที่พักถือได้ว่าเป็นการกระทำตามคำสั่งของผู้ควบคุมงานของนายจ้างและถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่นายจ้าง เมื่อลูกจ้างถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายขณะที่อยู่ระหว่างกำลังใช้มอเตอร์ที่ยืมมาดังกล่าวสูบน้ำขึ้นจากสระเพื่อจะทำความสะอาดที่พักแรม นายจ้างจึงต้องจ่ายเงินทดแทนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตหน้าที่ลูกจ้าง: การใช้วิธีการใดในการทำงานเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งนายจ้าง
การที่ ส. ลูกจ้างโจทก์ไปยืมมอเตอร์ สูบน้ำ เพื่อสูบน้ำขึ้นมาทำความสะอาดที่พัก และขณะเดียวกันพระภิกษุได้ขอให้ ส. สูบน้ำไปไว้บนกุฎิพระด้วย ส. ได้ถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายขณะที่อยู่ระหว่างระหว่างกำลังใช้มอเตอร์ สูบน้ำขึ้นจากสระน้ำ นั้น พึงเห็นได้ว่า ส.จะต้องทำความสะอาดที่พักตามคำสั่งของผู้ควบคุมงานของโจทก์ ส.จำเป็นต้องใช้น้ำเอามาทำความสะอาดที่พักดังกล่าว การที่จะนำเอาน้ำในสระขึ้นมาใช้เป็นหน้าที่ของ ส.ฉะนั้นส. จะใช้วิธีการอย่างใดเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของ ส. เพื่อให้ได้น้ำขึ้นมาใช้ เมื่อส. เลือกวิธีไปยืมมอเตอร์ สูบน้ำจากพระภิกษุมาใช้สูบ น้ำ เพื่อทำความสะอาดที่พัก ถือได้ว่าเป็นการกระทำตามคำสั่งของ ผู้ควบคุมงานของโจทก์และถือว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ให้กับโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าครองชีพเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง ต้องนำมาคำนวณค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุด
นายจ้างจ่ายเงินค่าครองชีพให้ลูกจ้างทุกคนเป็นจำนวนแน่นอนและจ่ายเป็นประจำทุกเดือน มีลักษณะเป็นการจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงานตามปกติของลูกจ้างทุกคนเช่นเดียวกับเงินเดือน ถือได้ว่าค่าครองชีพเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน จึงต้องนำค่าครองชีพมาเป็นฐานคำนวณค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุดด้วย