พบผลลัพธ์ทั้งหมด 657 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ (ลายมือชื่อ) ต้องมีการเบิกความประกอบจากผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 วรรคสอง เป็นบทบังคับว่าในกรณีมีการทำความเห็นเป็นหนังสือ ผู้ชำนาญการพิเศษจำต้องมาเบิกความประกอบความเห็นเป็นหนังสือนั้นด้วย ไม่ใช่เป็นบทบัญญัติให้ศาลใช้ดุลพินิจให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็นเป็นหนังสือโดยไม่ต้องมาเบิกความประกอบ คดีนี้ ก. ผู้ชำนาญการพิเศษเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติม และได้ทำบันทึกความเห็นไว้ในรายงานการตรวจพิสูจน์ เมื่อโจทก์ไม่นำ ก.มาเบิกความประกอบ บันทึกความเห็นดังกล่าวย่อมรับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงคงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้พิมพ์สัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมขณะพิมพ์มีจำเลยที่ 2 กับพวกอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงลายมือชื่อโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานอื่นมารับฟังประกอบเพื่อให้ได้ความว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนร่วมกันปลอมสัญญาดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งสองย่อมไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเห็นผู้ชำนาญการพิเศษต้องเบิกความประกอบ หากไม่เบิกความ ความเห็นนั้นใช้ฟังไม่ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 วรรคสอง เป็นบทบังคับว่าในกรณีมีการทำความเห็นเป็นหนังสือ ผู้ชำนาญการพิเศษจำต้องมาเบิกความประกอบความเห็นเป็นหนังสือนั้นด้วย ไม่ใช่เป็นบทบัญญัติให้ศาลใช้ดุลพินิจให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็นเป็นหนังสือโดยไม่ต้องมาเบิกความประกอบ
คดีนี้ ก. ผู้ชำนาญการพิเศษเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติม และได้ทำบันทึกความเห็นไว้ในรายงานการตรวจพิสูจน์ เมื่อโจทก์ไม่นำ ก.มาเบิกความประกอบ บันทึกความเห็นดังกล่าวย่อมรับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงคงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้พิมพ์สัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติม ขณะพิมพ์มีจำเลยที่ 2 กับพวกอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงลายมือชื่อโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานอื่นมารับฟังประกอบเพื่อให้ได้ความว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนร่วมกันปลอมสัญญาดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งสองย่อมไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
คดีนี้ ก. ผู้ชำนาญการพิเศษเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติม และได้ทำบันทึกความเห็นไว้ในรายงานการตรวจพิสูจน์ เมื่อโจทก์ไม่นำ ก.มาเบิกความประกอบ บันทึกความเห็นดังกล่าวย่อมรับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงคงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้พิมพ์สัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติม ขณะพิมพ์มีจำเลยที่ 2 กับพวกอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงลายมือชื่อโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานอื่นมารับฟังประกอบเพื่อให้ได้ความว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนร่วมกันปลอมสัญญาดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งสองย่อมไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3604/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายทอดตลาดที่ดิน การเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านตามเขตการปกครองไม่ถือเป็นการขายทอดตลาดผิดแปลง
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินสำหรับทำสวนตาม น.ส.3 เลขที่ 47หมู่ 1 ตำบลตาดทอง ของจำเลยไว้ ขณะยึดทรัพย์ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่หมู่ที่ 9 เมื่อศาลอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดประกาศขายทอดตลาดให้ทราบโดย ทั่วกันและที่ดินที่ระบุว่าเป็นหมู่ 9 เป็นที่ดินแปลงเดียวกับ ที่ดินที่ขายทอดตลาด การเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านตามเขตการปกครอง ท้องที่ ฝ่ายบริหารย่อมทำได้ตามความเหมาะสมซึ่งอาจผิดแผกแตกต่าง ไปจากหมู่ที่ที่ดินตั้งอยู่ในขณะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การขายทอดตลาดดังกล่าวจึงไม่ใช่การขายทอดตลาดผิดแปลง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3604/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมาย แม้ราคาต่ำกว่าตลาดและมีการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้าน
เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทไปโดยสุจริตและไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมาย อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อันใดที่ส่อให้เห็นว่าผู้เข้าสู้ราคาสมคบกันกดราคาประมูลให้ต่ำลง แม้ว่าการขายทอดตลาดจะต่ำกว่าราคาซื้อขายกันในท้องตลาดบ้าง แต่ก็ไม่มีพิรุธประการใดจึงไม่มีเหตุที่จะยกเลิกหรือเพิกถอนการขายทอดตลาด
ในการขายทอดตลาดเมื่อมีผู้ประมูลราคาและเจ้าพนักงานผู้ขายทอดตลาดนับ1 ถึง 3 แล้วไม่มีผู้ใดให้ราคาสูงกว่านั้น ผู้ขายทอดตลาดจึงนำราคาประมูลที่ได้ไปขออนุญาตศาลขายเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้ขายทอดตลาดจึงมาตกลงขายด้วยการเคาะไม้ ดังนี้ การขายทอดตลาดทรัพย์สินพิพาทจึงสมบูรณ์
ที่ดินที่ขายทอดตลาดมีที่ตั้งปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ว่าอยู่หมู่ที่ 1แต่ขณะนำยึดที่ดินเพื่อขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวอยู่หมู่ที่ 9 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงประกาศขายทอดตลาดโดยระบุว่าที่ดินอยู่หมู่ที่ 9 ดังนี้ เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านตามเขตการปกครองท้องที่ของฝ่ายบริหาร จึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินไปโดยชอบแล้ว ไม่เป็นการขายที่ดินผิดแปลง
ในการขายทอดตลาดเมื่อมีผู้ประมูลราคาและเจ้าพนักงานผู้ขายทอดตลาดนับ1 ถึง 3 แล้วไม่มีผู้ใดให้ราคาสูงกว่านั้น ผู้ขายทอดตลาดจึงนำราคาประมูลที่ได้ไปขออนุญาตศาลขายเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้ขายทอดตลาดจึงมาตกลงขายด้วยการเคาะไม้ ดังนี้ การขายทอดตลาดทรัพย์สินพิพาทจึงสมบูรณ์
ที่ดินที่ขายทอดตลาดมีที่ตั้งปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ว่าอยู่หมู่ที่ 1แต่ขณะนำยึดที่ดินเพื่อขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวอยู่หมู่ที่ 9 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงประกาศขายทอดตลาดโดยระบุว่าที่ดินอยู่หมู่ที่ 9 ดังนี้ เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านตามเขตการปกครองท้องที่ของฝ่ายบริหาร จึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินไปโดยชอบแล้ว ไม่เป็นการขายที่ดินผิดแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3577/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัย-ความผิดฝ่ายโจทก์: การชำระค่าธรรมเนียมศาลเกินเวลา
โจทก์ที่ 1 และทนายโจทก์ทั้งสองทราบวันสุดท้ายที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมศาลเพิ่มตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ ก็ชอบที่จะขวนขวายชำระหรือขอขยายระยะเวลาวางค่าธรรมเนียม การที่โจทก์ที่ 1 และทนายโจทก์ทั้งสองนำเงินค่าธรรมเนียมศาลเพิ่มไปชำระต่อศาลเมื่อเลยเวลาราชการไปประมาณ 30 นาทีและเจ้าหน้าที่ศาลไม่ได้รับไว้ นับว่าเป็นความผิดของฝ่ายโจทก์เอง จะอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3570/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดสิทธิการเช่าช่วง: สิทธิของผู้เช่าช่วงเมื่อเจ้าหนี้ยึดสิทธิการเช่าของผู้ให้เช่าช่วง
แม้ผู้ร้องจะมีสิทธิการเช่าอาคารตามสัญญาเช่าที่ทำกับจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่าช่วงก็ตาม ในการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึด สิทธิ การเช่าอาคารดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตาม คำพิพากษา นั้นหาได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิการเช่าของผู้ร้องแต่ ประการ ใด ไม่จึงยังไม่ได้มีการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3570/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการคุ้มครองสิทธิผู้เช่าช่วง สิทธิการเช่ายึดได้เฉพาะลูกหนี้ตามคำพิพากษา
การอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่ถูกยึดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 จะต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 55 ด้วย ในชั้นนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้นำยึดสิทธิการเช่าของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น มิได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิการเช่าของผู้ร้องตามสัญญาเช่าที่ทำกับจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่าช่วง ดังนี้ยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างต้องมีเหตุร้ายแรง การฝ่าฝืนคำสั่งที่ไม่กระทบความเสียหายร้ายแรงไม่ใช่เหตุเลิกจ้าง
แม้ลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างไม่ทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง แต่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งในเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นประการใดและอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างหรือไม่เพียงใด จึงมิใช่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งในกรณีร้ายแรง และมิใช่เป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายโดยตรง นายจ้างจึงไม่มีเหตุที่จะเลิกจ้างได้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตเลิกจ้างกรรมการลูกจ้าง อ้างว่ากระทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรงเมื่อศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการกระทำยังไม่เป็นความผิดร้ายแรงจึงไม่มีเหตุที่จะเลิกจ้างได้ อุทธรณ์ของผู้ร้องที่ว่าแม้มิใช่กรณีร้ายแรง ศาลก็ชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้เลิกจ้างได้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่นอกเหนือไปจากข้ออ้างที่ยกขึ้นเป็นเหตุตามคำร้องเป็นอุทธรณ์ที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478-3479/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องคดีอาญาและการพิสูจน์ความร่วมกระทำผิด การฎีกาเฉพาะส่วนนอกฟ้อง
พนักงานอัยการยื่นฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในมูลความผิดเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้าด้วยกัน แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ดังนี้ พนักงานอัยการไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478-3479/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมพิจารณาคดีอาญาและการขาดอำนาจฟ้องของอัยการต่อจำเลยที่ไม่ได้ถูกฟ้อง
พนักงานอัยการยื่นฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในมูลความผิดเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้าด้วยกัน แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ดังนี้พนักงานอัยการไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้อง