คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลิต ประไพศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 657 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5961/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: เจตนาเป็นเจ้าของต้องแสดงออกชัดเจนและต่อเนื่องครบ 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์
แม้เมื่อบิดาโจทก์ตาย โจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยโดยสืบสิทธิจากบิดาติดต่อกันมาประมาณ 40 ปี แต่เมื่อโจทก์เพียงแต่ล้อมรั้วบ้านเพื่อป้องกันขโมย มิได้ล้อมเพื่อแบ่งเขตที่ดิน และโจทก์ไม่เคยแจ้งเสียภาษีบำรุงท้องที่เลย การกระทำของโจทก์จึงเท่ากับว่าโจทก์มิได้แสดงตนเป็นปรปักษ์ต่อการครอบครองของจำเลยแต่การที่โจทก์มอบให้บุตรสาวไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจเรื่องจำเลยปลูกต้นกล้วย ในที่ดินที่โจทก์ครอบครอง ถือได้ว่าโจทก์มีเจตนาที่จะเปลี่ยนลักษณะการครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5767/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกโดยผู้จัดการหลายคน: เสียงข้างมากมีอำนาจตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องให้ศาลชี้ขาดเมื่อเสียงไม่เท่ากัน
ผู้ร้องทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกของ น. ร่วมกันตามคำสั่งของศาลเมื่อผู้ร้องที่ 1 ที่ 3 ยินยอมให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้เข้ารับโอนใบอนุญาตโรงเรียนสืบต่อจาก น. แต่ผู้ร้องที่ 2คัดค้าน ดังนี้เป็นการจัดการมรดกซึ่งผู้จัดการมรดกทำการตามหน้าที่โดยเป็นฝ่ายเสียงข้างมาก ไม่ใช่เสียงเท่ากันในอันที่จะร้องขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1726
ตามคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ที่ 3 เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิที่จะร้องขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดได้ จึงไม่จำเป็นที่ศาลต้องไต่สวนคำร้องดังกล่าวส่วนการที่ผู้ร้องที่ 2 โต้แย้งคัดค้านการที่ผู้ร้องที่ 1 ขอเข้าเป็นผู้รับโอนใบอนุญาตโรงเรียนนั้น หากต้องเสียหาย ก็ชอบที่จะว่ากล่าวกับผู้ร้องที่ 2เป็นคดีใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5767/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกโดยผู้จัดการมรดกเสียงข้างมาก ไม่ต้องขอศาลชี้ขาดหากไม่ใช่กรณีเสียงเท่ากัน
ผู้ร้องทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกของ น. ร่วมกันตามคำสั่งของศาลเมื่อผู้ร้องที่ 1 ที่ 3 ยินยอมให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้เข้ารับโอนใบอนุญาตโรงเรียนสืบต่อจาก น. แต่ผู้ร้องที่ 2คัดค้าน ดังนี้เป็นการจัดการมรดกซึ่งผู้จัดการมรดกทำการตามหน้าที่โดยเป็นฝ่ายเสียงข้างมาก ไม่ใช่เสียงเท่ากันในอันที่จะร้องขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1726 ตามคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ที่ 3 เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิที่จะร้องขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดได้ จึงไม่จำเป็นที่ศาลต้องไต่สวนคำร้องดังกล่าวส่วนการที่ผู้ร้องที่ 2 โต้แย้งคัดค้านการที่ผู้ร้องที่ 1 ขอเข้าเป็นผู้รับโอนใบอนุญาตโรงเรียนนั้น หากต้องเสียหาย ก็ชอบที่จะว่ากล่าวกับผู้ร้องที่ 2เป็นคดีใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5628/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการขับแซงและปาดเข้าเส้นทาง ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้ขับรถต้องรับผิดชอบ
คนขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 เห็นรถยนต์ของจำเลยที่ 3 แล่นสวนทางมาอยู่แล้วก่อนแซงรถยนต์ของโจทก์ อีกทั้งเป็นเวลาพลบค่ำและรถยนต์ของจำเลยที่ 3 ที่แล่นสวนทางลงมาจากเนินเขาย่อมจะเพิ่มอัตราความเร็วขึ้นมาก ซึ่งอาจเป็นเหตุให้กะระยะผิดพลาดได้ แต่คนขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ยังขับแซงรถยนต์ของโจทก์ แล้วรีบปาดรถเข้ามาในเส้นทางโดยต้องหลีกรถยนต์ของจำเลยที่ 3 ที่แซงรถยนต์คันอื่นแล่นกินทางสวนทางมา ทำให้เกิดภาวะคับขันอันบุคลในภาวะคนขับรถยนต์ทั่ว ๆ ไปไม่ควรกระทำ การที่คนขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ในลักษณะดังกล่าว เป็นเหตุให้รถยนต์ของจำเลยที่ 1 เฉี่ยวชนกับรถยนต์ของจำเลยที่ 3 แล้วรถยนต์ของจำเลยที่ 3 แฉลบไปชนรถยนต์ของโจทก์ รถยนต์ของโจทก์จึงเสียหลักแล่นไปชนท้ายรถยนต์ของจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์เสียหาย เช่นนี้ คนขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3800/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายทหารและผู้บังคับบัญชาจากการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากละเมิด
คืนเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นสารวัตรทหารอากาศปฏิบัติหน้าที่เวรอยู่ที่กองพันสารวัตรทหารอากาศ ได้รับคำสั่งจากนายทหารเวรซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้ไประงับเหตุที่บริเวณถนนในหมู่บ้านสวัสดิการทหารอากาศซึ่งเป็นบริเวณที่จำเลยที่ 3 จะต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่ตามหน้าที่และตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยสารวัตรทหาร พ.ศ. 2519 เมื่อจำเลยที่ 3 กระทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้ตายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายในขณะไประงับเหตุดังกล่าว จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้บังคับบัญชาจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 3 ด้วย ผู้ตายเป็นบุตรมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบิดามารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1563 จำเลยที่ 3กระทำละเมิดเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ไม่ว่าผู้ตายจะอยู่ในฐานะที่จะอุปการะโจทก์ทั้งสองได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3455/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินจากผู้อื่นโดยไม่มีมูลทางกฎหมาย และสิทธิในการเรียกคืนเงิน
ม. ขายฝากรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ในวันที่ 5 พฤศจิกายน2526 ก่อนนำไปขายให้แก่บริษัทบ. จำกัด ในวันที่ 1 ธันวาคม2526 ดังนั้นขณะขายฝาก ม. ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาทอยู่ การที่จำเลยรับเงินจำนวน 56,440 บาท จากโจทก์ โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าเช่าซื้อที่ ม. ค้างชำระบริษัท บ. จำกัดนั้น เมื่อโจทก์มิได้มีนิติสัมพันธ์ด้วยกับ ม. ผู้เช่าซื้อและบริษัท บ. จำกัด ผู้ให้เช่าซื้อ โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินจำนวนนี้ และจำเลยก็ไม่มีสิทธิ์รับเงินจำนวนดังกล่าวด้วยการที่จำเลยทั้งสองรับเอาเงินของโจทก์ไป จึงเป็นการได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบดังนี้ โจทก์มีสิทธิ์เรียกเงินนั้นคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3258/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการริบหลักประกัน กรณีสินค้าไม่ตรงตามคุณสมบัติ สิทธิปรับเป็นรายวันมิอาจใช้ได้
จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่สามารถส่งมอบสิ่งของลวดห้ามที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดในสัญญาให้แก่โจทก์ทั้ง ๆ ที่โจทก์ให้โอกาสจำเลยส่งมอบสิ่งของที่มีคุณสมบัติถูกต้องแล้ว โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ดังนี้โจทก์คงมีสิทธิริบหลักประกันและเรียกราคาที่เพิ่มขึ้นได้ตามสัญญาข้อ 8 วรรคสองเท่านั้น หาใช่กรณีที่จะมีสิทธิปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 นับแต่วันครบกำหนดจนถึงวันบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 9 ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3244/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาทุนรัฐบาล: ความผูกพันชดใช้ทุนแม้มีการเปลี่ยนแปลงงานราชการ - การรับผิดตามสัญญา
มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ออกจากราชการสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 ทำบันทึกแจ้งความประสงค์จะออกจากราชการไปเป็นพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำเลยที่ 1 จะอ้างว่ามหาวิทยาลัยได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการตามความในข้อ 10 และข้อ 24แห่งกฎทบวง ฉบับที่ 2(พ.ศ. 2519) ออกตามความใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2507 ประกอบด้วยมาตรา 96(2) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518ซึ่งเป็นกรณีสั่งให้ออกจากราชการเมื่อข้าราชการผู้นั้นสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการเพื่อให้จำเลยที่ 1พ้นจากความรับผิดที่มีต่อโจทก์ตามสัญญาการรับทุนหาได้ไม่ จำเลยที่ 1ยังคงมีความผูกพันตามสัญญาการรับทุนเมื่อจำเลยที่ 1 รับราชการไม่ครบกำหนดเวลาตามที่ตกลงไว้ จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดใช้ทุน ก.พ. ที่โจทก์จ่ายไปแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3244/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาทุนรัฐบาล: การชดใช้ทุนเมื่อลาออกจากราชการก่อนกำหนด แม้มีคำสั่งอนุมัติจากหน่วยงานก็ยังต้องรับผิด
ตามสัญญาการรับทุน ก.พ. เพื่อไปศึกษาวิชาในต่างประเทศถ้าจำเลยรับราชการไม่ครบกำหนดเวลาตามที่ตกลงไว้ จำเลยจะต้องรับผิดใช้ทุน ก.พ.ที่โจทก์จ่ายไปแล้วรวมทั้งเบี้ยปรับโดยลดลงตามส่วนจำนวนเวลาที่จำเลยรับราชการชดใช้ไปบ้างแล้ว เว้นแต่ในกรณีซึ่ง ก.พ.และกระทรวงการคลังจะใช้ดุลพินิจเห็นว่ามีเหตุผลอันสมควรให้จำเลยพ้นความรับผิด เมื่อจำเลยออกจากราชการก่อนครบกำหนดตามสัญญาโดยที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีคำสั่งให้จำเลยออกจากราชการอันสืบเนื่องมาจากจำเลยแจ้งความประสงค์จะออกจากราชการไปเป็นพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำเลยจะอ้างว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นออกคำสั่งให้จำเลยออกจากราชการ เพื่อให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่จำเลยมีต่อโจทก์ตามสัญญาการรับทุนหาได้ไม่ และแม้ว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นได้มีคำสั่งให้จำเลยออกจากราชการตามความในข้อ 10 และข้อ 24 แห่งกฎทบวง ฉบับที่ 2(พ.ศ.2519)ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยพ.ศ. 2507 ประกอบด้วยมาตรา 96(2) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นกรณีสั่งให้ออกจากราชการเมื่อข้าราชการผู้นั้นสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการก็ตามแต่จำเลยยังคงมีความผูกพันตามสัญญาการรับทุนดังกล่าว เมื่อ ก.พ.และกระทรวงการคลังยืนยันให้จำเลยรับผิดตามสัญญา อีกทั้งกรณีของจำเลยไม่ได้รับการยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2523 จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3244/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องรับผิดตามสัญญาทุนคืน แม้ถูกสั่งออกจากราชการด้วยความสมัครใจ
การที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีคำสั่งให้จำเลยออกจากราชการก็สืบเนื่องมาจากจำเลยแจ้งความประสงค์จะออกจากราชการไปเป็นพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ดังนั้น จำเลยจะอ้างว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นออกคำสั่งให้จำเลยออกจากราชการ เพื่อให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่จำเลยมีต่อโจทก์ตามสัญญาการรับทุนหาได้ไม่ ตามสัญญาการรับทุน ก.พ.เพื่อไปศึกษาวิชาในต่างประเทศถ้าจำเลยรับราชการไม่ครบกำหนดเวลาตามที่ตกลงไว้ จำเลยจะต้องรับผิดใช้ทุน ก.พ.ที่โจทก์จ่ายไปแล้วรวมทั้งเบี้ยปรับ โดยลดลงตามส่วนจำนวนเวลาที่จำเลยรับราชการชดใช้ไปบ้างแล้ว เว้นแต่ในกรณีซึ่งก.พ.และกระทรวงการคลังจะใช้ดุลพินิจเห็นว่ามีเหตุผลอันสมควรให้จำเลยพ้นความรับผิดเมื่อจำเลยออกจากราชการก่อนครบกำหนดตามสัญญาแม้ว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นได้มีคำสั่งให้จำเลยออกจากราชการตามความในข้อ 10 และข้อ 24 แห่งกฎทบวง ฉบับที่ 2(พ.ศ. 2519)ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยพ.ศ. 2507 ประกอบด้วยมาตรา 96(2) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นกรณีสั่งให้ออกจากราชการเมื่อข้าราชการผู้นั้นสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการก็ตาม แต่จำเลยยังคงมีความผูกพันตามสัญญาการรับทุนดังกล่าว เมื่อ ก.พ.และกระทรวงการคลังยืนยันให้จำเลยรับผิดตามสัญญาอีกทั้งกรณีของจำเลยไม่ได้รับการยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่11 สิงหาคม 2523 จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญา.
of 66