พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยเจตนาลวงและผลกระทบต่อบุคคลภายนอกผู้รับโอนกรรมสิทธิ์
โจทก์โอนที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 โดย แสดงเจตนาลวงด้วย สมรู้กับจำเลยที่ 1 จึงเป็นโมฆะ จำเลยที่ 1 โอนที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดย เสน่หาไม่มีค่าตอบแทนและโอนให้หลังจากที่โจทก์เรียกให้จำเลยที่ 1 โอนที่พิพาทคืนให้แก่โจทก์ ซึ่ง จำเลยที่ 2 ทราบเรื่องนี้ดี แสดงว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริต โจทก์จึงยกขึ้นมาต่อสู้จำเลยที่ 2 ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 118 วรรคหนึ่ง ดังนี้โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน สิทธิในการอยู่อาศัยตามสัญญาสามารถโอนได้แม้หลังคู่สัญญาสิ้นชีวิต
เดิม จำเลยฟ้องขับไล่บิดาโจทก์ ให้รื้อถอนโรงเรือนในที่ดินจำเลย บิดาโจทก์กับจำเลยตกลง กันได้ โดย ทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้บิดาโจทก์และบุตรพร้อมด้วย บริวารของบิดาโจทก์และผู้เช่าโรงเรือนจากบิดาโจทก์อาศัยในที่ดินได้ 30 ปี และจำเลยได้ จดทะเบียนภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ว่า ที่ดินแปลงนี้อยู่บังคับภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ โดยบิดาโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์อาศัยปลูกโรงเรือนในที่ดินดังกล่าวมีกำหนด 30 ปี ดังนี้ ข้อตกลงตาม สัญญาประนีประนอมยอมความในศาลเป็นสัญญาอันหนึ่ง ซึ่ง มีเนื้อความชัดเจนว่า ให้บุตรจำเลยคือโจทก์ในคดีนี้อยู่ในที่พิพาทได้ เป็นเวลา 30 ปี ข้อตกลงเช่นนี้ ไม่ขัดต่อกฎหมายจึงใช้ บังคับได้ เมื่อโจทก์ได้ แสดงเจตนาถือ เอาประโยชน์แห่งสัญญาจำเลยก็ต้อง ปฏิบัติตาม สัญญานั้น การที่จำเลยไม่ ยินยอมให้โจทก์หรือบริวารโจทก์อยู่ในที่ดินโดย จำเลยได้ รื้อถอนโรงเรือนของโจทก์ออกไปเป็นการผิดสัญญา และละเมิดต่อ โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในชั้นฎีกา: ผลคือระงับสิทธิการฟ้องคดีอาญา และไม่อาจถอนคำร้องขอถอนฟ้องได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง คดีความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาตาม คำร้องขอถอนฟ้องระบุว่าจำเลยทั้งสองได้ นำเงิน 40,000 บาท มาชำระให้แก่โจทก์พร้อมใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ โดย สัญญาว่าจะทำการโอนทะเบียนกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์แก่โจทก์ภายใน 10 วัน หากไม่สามารถโอนได้ จะยอมรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ 20,000 บาท โจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนิน คดีกับจำเลยต่อไป จึงขอถอนฟ้อง และท้ายคำร้องจำเลยก็ได้ ร่วมลง ลายมือชื่อด้วยดังนี้ ตาม คำร้องขอถอนฟ้องดังกล่าวเป็นการยอมความกันโดย ถูกต้องตาม กฎหมายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตั้งแต่ มีการยอมความกันตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2) โจทก์จึงไม่อาจมายื่นคำร้องขอถอน คำร้อง ขอถอนฟ้องในภายหลังอีกได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาทำให้สิทธิฟ้องระงับ การถอนคำร้องขอถอนฟ้องเป็นไปไม่ได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาตามคำร้องขอถอนฟ้องระบุว่าจำเลยทั้งสองได้นำเงิน 40,000 บาทมาชำระให้แก่โจทก์พร้อมใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ โดยสัญญาว่าจะทำการโอนทะเบียนกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์แก่โจทก์ภายใน 10 วันหากไม่สามารถโอนได้ จะยอมรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ 20,000 บาทโจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป จึงขอถอนฟ้อง และท้ายคำร้องจำเลยก็ได้ร่วมลงลายมือชื่อด้วย ดังนี้ ตามคำร้องขอถอนฟ้องดังกล่าวเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตั้งแต่มีการยอมความกันตามป.วิ.อ. มาตรา 35(2) โจทก์จึงไม่อาจมายื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอถอนฟ้องในภายหลังอีกได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาและการระงับสิทธิเรียกร้อง โดยการถอนฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาตามคำร้องขอถอนฟ้องระบุว่าจำเลยทั้งสองได้นำเงิน 40,000 บาทมาชำระให้แก่โจทก์พร้อมใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ โดยสัญญาว่าจะทำการโอนทะเบียนกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์แก่โจทก์ภายใน 10 วัน หากไม่สามารถโอนได้ จะยอมรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์20,000 บาท โจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปจึงขอถอนฟ้อง และท้ายคำร้องจำเลยก็ได้ร่วมลงลายมือชื่อด้วยดังนี้ ตามคำร้องขอถอนฟ้องดังกล่าวเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตั้งแต่มีการยอมความกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)โจทก์จึงไม่อาจมายื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอถอนฟ้องในภายหลังอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาทำให้สิทธิฟ้องระงับ การถอนคำร้องขอถอนฟ้องเป็นไปไม่ได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาตามคำร้องขอถอนฟ้องระบุว่าจำเลยทั้งสองได้นำเงิน 40,000 บาทมาชำระให้แก่โจทก์พร้อมใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ โดยสัญญาว่าจะทำการโอนทะเบียนกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์แก่โจทก์ภายใน 10 วันหากไม่สามารถโอนได้ จะยอมรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ 20,000 บาทโจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป จึงขอถอนฟ้อง และท้ายคำร้องจำเลยก็ได้ร่วมลงลายมือชื่อด้วย ดังนี้ ตามคำร้องขอถอนฟ้องดังกล่าวเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตั้งแต่มีการยอมความกันตามป.วิ.อ. มาตรา 35 (2) โจทก์จึงไม่อาจมายื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอถอนฟ้องในภายหลังอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง สัญญาเช่าแปลงเป็นสัญญากู้ เงินกู้ไม่เข้าจริง สัญญาเป็นโมฆะ
คำพยานโจทก์ขัดต่อเหตุผลและตามคำพยานจำเลยฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญากู้ไว้แทนการเช่า โดยจำเลยมิได้รับเงินตามสัญญาเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริง ก็ย่อมบังคับตามสัญญากู้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษา: การชำระหนี้บางส่วนไม่กระทบการบังคับคดีทั้งหมด
ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีระบุจำนวนเงินและอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ให้จำเลยชำระแก่โจทก์ตรงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามคำขอของโจทก์ การออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275 และไม่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติตามมาตรา 296 การที่จำเลยอ้างว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนแล้ว โจทก์ก็มิได้รับรองว่าได้รับชำระหนี้ไว้และแม้เป็นความจริงก็ยังมีหนี้ที่จำเลยต้องชำระแก้โจทก์อยู่อีกจำเลยจึงต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากจะยกเอามาเป็นเหตุให้ศาลยกเลิกหมายบังคับคดีหรืองดการบังคับคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมายบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายแม้จำเลยชำระหนี้บางส่วน โจทก์ไม่รับรองการชำระหนี้
ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีระบุจำนวนเงินและอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ให้จำเลยชำระแก่โจทก์ตรงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามคำขอของโจทก์ การออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275 และไม่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติตามมาตรา 296 การที่จำเลยอ้างว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนแล้ว แม้เป็นความจริงก็ยังมีหนี้ที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์อยู่อีก ทั้งโจทก์ก็มิได้ยอมรับว่าได้รับชำระหนี้ไว้แล้ว จำเลยจึงต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะยกเอามาเป็นเหตุให้ศาลยกเลิกหมายบังคับคดีหรืองดการบังคับคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: การชำระหนี้บางส่วนไม่กระทบต่อการบังคับคดีทั้งหมด และเป็นเรื่องระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้
ในชั้น บังคับคดีนั้น แม้จะได้ความว่าจำเลยได้ ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ไปบางส่วนแล้ว ก็ยังคงมีหนี้ที่จำเลยจะต้อง ชำระแก่โจทก์อยู่อีก ทั้งโจทก์ก็ยังไม่ได้รับรองว่าได้ รับ ชำระ หนี้ไว้แล้วดัง ที่จำเลยอ้าง จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้อง ไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะยกเอาการชำระหนี้ดังกล่าวมาเป็นเหตุให้ศาลยกเลิกหมายบังคับคดี หรืองดการบังคับคดีหาได้ไม่.