คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุวิทย์ ธีรพงษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5215/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยโจทก์ที่ทราบว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ ทำให้โจทก์ไม่สุจริต และจำเลยอ้างสิทธิได้
จำเลยซื้อที่ดินพิพาทจาก ว. เมื่อปี 2516 แล้วจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยสงบเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่ซื้อมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลา 10 ปีเศษแล้ว โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากส. เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2523 และฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 15พฤษภาคม 2527 เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินมานั้นโจทก์เห็นจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทอยู่แล้ว โจทก์ควรต้องสอบถามให้แน่นอนว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะอะไร ตอนไปจดทะเบียนโจทก์ก็ตอบคำถามของเจ้าพนักงานโดยปิดบังว่าบนที่ดินพิพาทไม่มีสิ่งปลูกสร้าง เพื่อหลีกเลี่ยงคำถามต่อไปว่าสิ่งปลูกสร้างเป็นของใคร ทำให้โจทก์จดทะเบียนไปได้ พฤติการณ์เช่นนี้ถือว่าโจทก์ทราบแล้วว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเจ้าของมานานแล้ว การที่โจทก์ตัดสินใจซื้อก็เพราะเชื่อว่าสามารถใช้สิทธิทางทะเบียนห้ามจำเลยต่อสู้ได้การกระทำของโจทก์จึงเป็นการไม่สุจริต ดังนี้ แม้โจทก์จะเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง จำเลยผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมสามารถอ้างบทกฎหมายดังกล่าวยันโจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5185/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืนยันสัญชาติไทยและการถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านญวนอพยพ กรณีความสมัครใจและขาดหลักฐานแจ้งถอนชื่อ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งเก้า เป็นคนสัญชาติไทย จำเลยอ้างว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนญวนอพยพ แล้วเพิ่มชื่อโจทก์ทั้งเก้า ลงในทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ โจทก์ทั้งเก้า ได้บอกกล่าวให้จำเลยถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพแล้ว แต่จำเลยยังยืนยันว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนญวนอพยพ ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนสัญชาติไทย ให้จำเลยถอนชื่อโจทก์ทั้งเก้า ออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ แต่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งเก้า ขอทำบัตรประจำตัวญวนอพยพด้วยความสมัครใจและโจทก์ทั้งเก้า ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดซึ่งแสดงว่าโจทก์ทั้งเก้า ได้ไปแจ้งขอให้ถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านญวนอพยพจริง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิเรื่องสัญชาติของโจทก์ทั้งเก้า โจทก์ทั้งเก้าไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5185/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทย: การขอทำบัตรประจำตัวญวนอพยพด้วยความสมัครใจ ทำให้ขาดอำนาจฟ้องคดีสัญชาติ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งเก้า เป็นคนสัญชาติไทย จำเลยอ้างว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนญวนอพยพ แล้วเพิ่มชื่อโจทก์ทั้งเก้า ลงในทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ โจทก์ทั้งเก้า ได้บอกกล่าวให้จำเลยถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพแล้ว แต่จำเลยยังยืนยันว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนญวนอพยพ ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนสัญชาติไทย ให้จำเลยถอนชื่อโจทก์ทั้งเก้า ออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ แต่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งเก้า ขอทำบัตรประจำตัวญวนอพยพด้วยความสมัครใจและโจทก์ทั้งเก้า ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดซึ่งแสดงว่าโจทก์ทั้งเก้า ได้ไปแจ้งขอให้ถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านญวนอพยพจริง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิเรื่องสัญชาติของโจทก์ทั้งเก้า โจทก์ทั้งเก้าไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5088/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษปรับรายวันสำหรับอาคารผิดแบบ ต้องมีคำสั่งรื้อถอนก่อน
การก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 31 นั้นจะลงโทษปรับเป็นรายวันตามมาตรา 65 วรรคสอง ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารดังกล่าวตามมาตรา 42แล้วแต่เจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตาม หากเจ้าพนักงานท้องถิ่นยังมิได้มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิบัติตามแล้ว ก็ไม่อาจลงโทษปรับรายวันตามมาตรา 65 วรรคสองได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5088/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับรายวันกรณีก่อสร้างผิดแบบ ต้องมีคำสั่งรื้อถอนแล้วไม่ปฏิบัติตาม
การก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 31 นั้นจะลงโทษปรับเป็นรายวันตามมาตรา 65 วรรคสอง ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารดังกล่าวตามมาตรา 42แล้วแต่เจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตาม หากเจ้าพนักงานท้องถิ่นยังมิได้มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิบัติตามแล้ว ก็ไม่อาจลงโทษปรับรายวันตามมาตรา 65 วรรคสองได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5055/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเลี้ยงไก่: กรรมสิทธิ์โอนทันที ไม่ใช่ยักยอก
สัญญาการเลี้ยงไก่ ระบุราคาลูกไก่ อาหารไก่ไว้แน่นอน เมื่อไก่เจริญเติบโตแล้วโจทก์ร่วมจะมาจับไปฆ่าโดยตีราคาไก่ตามน้ำหนักซึ่งเมื่อได้ยอดเงินเท่าใดก็จะเอายอดเงินค่าลูกไก่ อาหารไก่และวัคซีน ไก่มาหักออก หากเหลือเงินก็จะมอบให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยแต่ถ้าเงินไม่พอจำเลยจะต้องชำระค่าลูกไก่ อาหารไก่ และวัคซีน ไก่ที่ค้างอยู่ทั้งหมด จึงไม่ใช่สัญญาฝากทรัพย์ แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมยอมให้จำเลยซื้อลูกไก่ อาหารไก่และวัคซีน ไก่ด้วยเงินเชื่อโดยมีข้อตกลงว่าเมื่อไก่เจริญเติบโตแล้วจะต้องนำมาขายให้โจทก์ร่วมเมื่อโจทก์ร่วมส่งมอบลูกไก่ให้จำเลยกรรมสิทธิ์ในลูกไก่ย่อมตกเป็นของจำเลยทันที จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5055/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเลี้ยงไก่: กรรมสิทธิ์โอนทันที ไม่เป็นความยักยอก
สัญญาการเลี้ยงไก่ ระบุราคาลูกไก่ อาหารไก่ไว้แน่นอน เมื่อไก่เจริญเติบโตแล้วโจทก์ร่วมจะมาจับไปฆ่าโดยตีราคาไก่ตามน้ำหนักซึ่งเมื่อได้ยอดเงินเท่าใดก็จะเอายอดเงินค่าลูกไก่ อาหารไก่และวัคซีน ไก่มาหักออก หากเหลือเงินก็จะมอบให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยแต่ถ้าเงินไม่พอจำเลยจะต้องชำระค่าลูกไก่ อาหารไก่ และวัคซีน ไก่ที่ค้างอยู่ทั้งหมด จึงไม่ใช่สัญญาฝากทรัพย์ แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมยอมให้จำเลยซื้อลูกไก่ อาหารไก่และวัคซีน ไก่ด้วยเงินเชื่อโดยมีข้อตกลงว่าเมื่อไก่เจริญเติบโตแล้วจะต้องนำมาขายให้โจทก์ร่วมเมื่อโจทก์ร่วมส่งมอบลูกไก่ให้จำเลยกรรมสิทธิ์ในลูกไก่ย่อมตกเป็นของจำเลยทันที จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5028-5030/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการออกเช็ค-ความผิดพ.ร.บ.เช็ค: แม้มีการแลกเช็คคืน แต่เจตนาให้เรียกเก็บได้เมื่อถึงกำหนด ถือเป็นความผิด
โจทก์ขายเสาเข็มให้จำเลยมาหลายปี ในทางปฏิบัติเมื่อคิดบัญชีค่าเสาเข็มแล้ว จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้าประมาณครึ่งเดือนให้แก่โจทก์ และภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสั่งจ่ายในเช็ค ถ้าจำเลยมีเงินสดจำเลยจะนำเงินไปแลกเช็คคืนจากโจทก์แต่คราวใดจำเลยมีเงินในบัญชีพอจ่าย จำเลยจะให้โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารได้ แสดงว่าการสั่งจ่ายเช็คดังกล่าวทุกครั้งนั้น จำเลยมีเจตนาให้โจทก์นำไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารได้เมื่อถึงกำหนดวันสั่งจ่ายในเช็ค ไม่ใช่เป็นเรื่องมอบเช็คให้เป็นหลักฐานหรือประกันหนี้ เมื่อโจทก์นำเช็คพิพาทที่จำเลยสั่งจ่ายให้เนื่องจากการซื้อเสาเข็มไปเรียกเก็บเงินแล้ว ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินในบัญชีไม่พอจ่ายจำเลยจึงมีความผิด
ความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 เกิดขึ้นทันทีที่ธนาคารเจ้าของเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อความผิดเกิดขึ้นและโจทก์นำคดีมาฟ้องแล้วคดีจะระงับต่อเมื่อโจทก์ถอนฟ้องหรือยอมความกันโดย ถูกต้องตามกฎหมาย การชำระหนี้หรือเปลี่ยนตัวลูกหนี้ไม่เป็นเหตุให้คดีระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4996/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อ - ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ
ตามสัญญาเช่าซื้อกำหนดค่าเช่าซื้องวดแรกวันที่ 1 ตุลาคม 2531แต่จำเลยนำรถยนต์ไปกระทำความผิดและถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้ก่อนจะถึงกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดแรก แม้ผู้ร้องมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและให้ผู้เช่าซื้อจัดการส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืนหรือให้ชดใช้ราคาทรัพย์สินที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยหลังจากครบกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดแรกแล้ว 3 เดือนเศษก็ตาม แต่ยังไม่มีพฤติการณ์ใดส่อว่าผู้ร้องปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าซื้อแต่อย่างใด เพราะผู้เช่าซื้ออยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนส่วนผู้ร้องอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบว่าจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดฟังได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4996/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรถยนต์ไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ ย่อมมีสิทธิขอคืนรถยนต์ได้
ตามสัญญาเช่าซื้อกำหนดค่าเช่าซื้องวดแรกวันที่ 1 ตุลาคม 2531 แต่จำเลยนำรถยนต์ไปกระทำความผิดและถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้ก่อนจะถึงกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวด แรก แม้ผู้ร้องมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและให้ผู้เช่าซื้อจัดการส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืนหรือให้ชดใช้ราคา ทรัพย์สินที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยหลังจากครบกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดแรกแล้ว 3 เดือนเศษก็ตาม แต่ยังไม่มีพฤติการณ์ใดส่อว่าผู้ร้องปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าซื้อแต่อย่างใด เพราะผู้เช่าซื้ออยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนส่วนผู้ร้องอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบว่าจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดฟังได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจใน การกระทำความผิด
of 15