พบผลลัพธ์ทั้งหมด 346 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5807/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยไม่ต้องรับผิด
ที่นาจำเลยตั้งอยู่เหนือที่นาโจทก์ ปกติน้ำจะไหลจากที่นาโจทก์ระบายผ่านที่นาจำเลย การที่จำเลยปิดร่องน้ำในที่นาจำเลยเพื่อมิให้ดินไหลเข้ามาทำความเสียหายแก่ต้นข้าวในที่นาของจำเลยเป็นการป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5720/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกัน: ความเสียหายต้องเกิดจากการทำงานในหน้าที่เท่านั้น
จำเลยที่ 1 เข้าทำงานเป็นพนักงานของโจทก์ในตำแหน่งพนักงานรักษาความปลอดภัย โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกันซึ่งมีข้อความว่า "เมื่อจำเลยที่ 1 ได้เข้าทำงานในธนาคารแล้ว ภายหลังได้หลบหลีกหนีหายไป หรือได้ฉ้อโกง ยักยอก หรือทำให้ธนาคารได้รับความเสียหาย หรือสูญเสียทรัพย์สินไม่ว่าด้วยประการใด ๆจำเลยที่ 2 ตกลงชดใช้เงินให้แก่ธนาคาร" ตามหนังสือค้ำประกันดังกล่าวนี้ย่อมหมายถึงความเสียหายที่โจทก์ได้รับอันเกิดจากการทำงานในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย มีหน้าที่ดูแลความสงบและความปลอดภัยภายในธนาคาร ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 หลอกลวงให้ลูกค้าของโจทก์ลงชื่อในใบถอนเงินและเป็นผู้ถอนเงินไป ก็เป็นการกระทำส่วนตัวของจำเลยที่ 1 เอง ไม่ใช่การกระทำในตำแหน่งหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัย จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5720/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันจำกัดความรับผิดเฉพาะความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ หากเกิดจากการกระทำส่วนตัว ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 เข้าทำงานเป็นพนักงานของโจทก์ในตำแหน่งพนักงานรักษาความปลอดภัย โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกันซึ่งมีข้อความว่า "เมื่อจำเลยที่ 1 ได้เข้าทำงานในธนาคารแล้ว ภายหลังได้หลบหลีกหนีหายไป หรือได้ฉ้อโกง ยักยอก หรือทำให้ธนาคารได้รับความเสียหาย หรือสูญเสียทรัพย์สินไม่ว่าด้วยประการใด ๆจำเลยที่ 2 ตกลงชดใช้เงินให้แก่ธนาคาร" ตามหนังสือค้ำประกันดังกล่าวนี้ย่อมหมายถึงความเสียหายที่โจทก์ได้รับอันเกิดจากการทำงานในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย มีหน้าที่ดูแลความสงบและความปลอดภัยภายในธนาคาร ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 หลอกลวงให้ลูกค้าของโจทก์ลงชื่อในใบถอนเงินและเป็นผู้ถอนเงินไป ก็เป็นการกระทำส่วนตัวของจำเลยที่ 1 เอง ไม่ใช่การกระทำในตำแหน่งหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัย จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5712/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากรถบรรทุกทำถนนเสียหาย นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วย
ป. ขับรถยนต์บรรทุกซึ่งบรรทุกมันสำปะหลังเต็มคันรถแล่นเข้าไปในถนนของโจทก์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถนนลาดยางแอสฟัลติคคอนกรีต บางแห่งมีหลุม บางแห่งมีน้ำขังอยู่ ซึ่งน่าจะรู้ว่าหากขับรถแล่นผ่านเข้าไปอาจทำให้ถนนได้รับความเสียหาย เมื่อแล่นเข้าไปเป็นเหตุให้รถติดหล่มเพราะถนนทรุดลง การกระทำของ ป.จึงเป็นการประมาทเป็นเหตุให้ถนนของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
การที่ ป. ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยแม้จะขับออกนอกเส้นทางที่เคยขับ แต่เมื่อยังอยู่ในเวลาทำงานในทางการที่จ้าง ซึ่งหาก ป. ขับรถผ่านไปได้ ย่อมสมความประสงค์ของจำเลย เช่นนี้จำเลยต้องรับผิดร่วมกับ ป. ในผลแห่งการที่ ป. ทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย.
การที่ ป. ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยแม้จะขับออกนอกเส้นทางที่เคยขับ แต่เมื่อยังอยู่ในเวลาทำงานในทางการที่จ้าง ซึ่งหาก ป. ขับรถผ่านไปได้ ย่อมสมความประสงค์ของจำเลย เช่นนี้จำเลยต้องรับผิดร่วมกับ ป. ในผลแห่งการที่ ป. ทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5712/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากละเมิดและการรับผิดร่วมของนายจ้างต่อการประมาทของลูกจ้าง
ป. ขับรถยนต์บรรทุกซึ่งบรรทุกมันสำปะหลังเต็มคันรถแล่นเข้าไปในถนนของโจทก์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถนนลาดยางแอสฟัลติคคอนกรีต บางแห่งมีหลุม บางแห่งมีน้ำขังอยู่ ซึ่งน่าจะรู้ว่าหากขับรถแล่นผ่านเข้าไปอาจทำให้ถนนได้รับความเสียหาย เมื่อแล่นเข้าไปเป็นเหตุให้รถติดหล่มเพราะถนนทรุดลง การกระทำของ ป.จึงเป็นการประมาทเป็นเหตุให้ถนนของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ การที่ ป. ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยแม้จะขับออกนอกเส้นทางที่เคยขับ แต่เมื่อยังอยู่ในเวลาทำงานในทางการที่จ้าง ซึ่งหาก ป. ขับรถผ่านไปได้ ย่อมสมความประสงค์ของจำเลย เช่นนี้จำเลยต้องรับผิดร่วมกับ ป. ในผลแห่งการที่ ป. ทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5666/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตอนุญาตขุดดินสาธารณะเอื้อประโยชน์ผู้รับเหมา เบิกจ่ายเงินโดยมิชอบ
จำเลยเป็นกำนันและประธานกรรมการสภาตำบลท้องที่ มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของทางราชการที่เกิดจากโครงการสร้างงานในชนบท ได้อนุญาตให้ ช. ผู้รับเหมาทำถนนดินในตำบลท้องที่ขุดดินจากถนนเดิมซึ่งเป็นถนนที่สภาตำบลสร้างขึ้นตามโครงการสร้างงานในชนบทปีก่อน ๆ และอยู่ในความดูแลของสภาตำบลที่จำเลยเป็นประธานกรรมการไปถมทำถนนใหม่ และปล่อยให้ ช. ขุดดินจากข้างถนนเดิมขึ้นมาถมแทนดินที่ขุดไป ทำให้ ช. ไม่ต้องซื้อที่ดินจากที่อื่นมาถมถนนเดิมที่ขอยืมดินไปตามสัญญา แล้วจำเลยกลับเบิกจ่ายเงินค่าทำถนนให้ ช. ไปจนครบจำนวน จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5666/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตอนุญาตขุดดินถนนหลวงเพื่อเอื้อประโยชน์ผู้รับเหมา เบิกจ่ายเงินครบถ้วน
จำเลยเป็นกำนันและประธานกรรมการสภาตำบลท้องที่ มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของทางราชการที่เกิดจากโครงการสร้างงานในชนบท ได้อนุญาตให้ ช. ผู้รับเหมาทำถนนดินในตำบลท้องที่ขุดดินจากถนนเดิมซึ่งเป็นถนนที่สภาตำบลสร้างขึ้นตามโครงการสร้างงานใน ชนบทปีก่อน ๆ และอยู่ในความดูแลของสภาตำบลที่จำเลยเป็นประธานกรรมการไปถมทำถนนใหม่ และปล่อยให้ ช. ขุดดินจากข้างถนนเดิมขึ้นมาถมแทนดินที่ขุดไป ทำให้ ช. ไม่ต้องซื้อที่ดินจากที่อื่นมาถมถนนเดิมที่ขอยืมดินไปตามสัญญา แล้วจำเลยกลับเบิกจ่ายเงินค่าทำถนนให้ ช. ไปจนครบจำนวน จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5654/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกร้องค่าบริการโทรศัพท์: สิทธิเกิดขึ้นเมื่อใช้บริการ ไม่ใช่เมื่อทวงถาม
แม้โจทก์มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย มีหน้าที่เกี่ยวด้วยการให้บริการและการปฏิบัติการด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคมเพื่อความสะดวกแก่ประชาชนก็ตาม แต่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์จากในประเทศไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ค่าธรรมเนียมก็คือสินจ้าง จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าหรือผู้รับทำการงาน เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165 (7) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี และสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่จำเลยใช้บริการโทรศัพท์นั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 203
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5654/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ค่าบริการโทรศัพท์: สิทธิเรียกร้องเกิดขึ้นเมื่อใช้บริการ ไม่ใช่เมื่อทวงถาม
แม้โจทก์มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย มีหน้าที่เกี่ยวด้วยการให้บริการและการปฏิบัติการด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคม เพื่อความสะดวกแก่ประชาชนก็ตาม แต่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์จากในประเทศไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ค่าธรรมเนียมก็คือสินจ้าง จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าหรือผู้รับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) ซึ่งมีอายุความ 2 ปีและสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่จำเลยใช้บริการโทรศัพท์นั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 203
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อาวุธปืนป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่า
การที่โจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธติดตัวได้เข้าไปในบริเวณบ้านของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุสมควร ถือว่าเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย เมื่อจำเลยมาพบเข้า โจทก์ร่วมก็วิ่งหนีออกมาเหตุละเมิดจึงหมดไป การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าหากกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าหากกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80