พบผลลัพธ์ทั้งหมด 346 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง สัญญาเช่าแปลงเป็นสัญญากู้ เงินกู้ไม่เข้าจริง สัญญาเป็นโมฆะ
คำพยานโจทก์ขัดต่อเหตุผลและตามคำพยานจำเลยฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญากู้ไว้แทนการเช่า โดยจำเลยมิได้รับเงินตามสัญญาเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริง ก็ย่อมบังคับตามสัญญากู้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดฐานการพนันของผู้เช่าซื้อ แม้จะไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดโดยตรง
ผู้ร้องที่ 1 ซื้อเครื่องรับโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเกมพร้อมอุปกรณ์มาให้ผู้ร้องที่ 2 เช่าซื้อจำนวน 5 เครื่อง โดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ร้องที่ 2 จะนำไปให้ผู้อื่นเช่าเล่น ดังนั้นการที่ผู้ร้องที่ 2 ให้จำเลยเช่าเครื่องเล่นวีดีโอเกมไปจากผู้ร้องที่ 2 ถึง 5เครื่อง นำมาตั้งให้เด็กเช่าเล่นเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าผู้ร้องที่ 1รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์โดยมีเจตนาใช้กำลังทำร้ายร่างกายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนเข้าไปในบ้านและพยายามลักทรัพย์ของผู้เสียหาย แล้วพวกของจำเลยดังกล่าวได้ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์ หรือพาทรัพย์ไปแต่ไม่สามารถพาทรัพย์นั้นไปได้ เพราะมีผู้มาพบเห็นเสียก่อน ดังนี้การที่พวกของจำเลยที่ 1 ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายดังกล่าว จึงมิได้นอกเหนือความมุ่งหมายหรือเจตนาของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวกจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคแรก 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีครอบครองที่ดิน: คำฟ้องชัดเจน การครอบครองเดิม และการแย่งการครอบครอง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดิน ส.ค. 1 ที่โจทก์ครอบครองอยู่เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง โดยบรรยายฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์มีอาณาเขตทิศไหนจดที่ดินของใคร และมีพื้นที่เท่าไร โจทก์ได้ครอบครองมาตลอด เช่นนี้ คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ส่วนที่ว่าอาณาเขตที่ดินของโจทก์ด้านไหนมีความกว้างยาวเท่าไร และโจทก์ได้ที่ดินมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถสืบในชั้นพิจารณาได้ คำฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง การที่จำเลยคัดค้านการรังวัดที่พิพาทของโจทก์ และห้ามโจทก์ถมที่พิพาทเป็นแต่เพียงการโต้แย้ง สิทธิของโจทก์เท่านั้น เมื่อจำเลยยังไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาท จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้แย่งการครอบครอง และต่อมาแม้จำเลยจะได้ล้อมรั้วและปลูกถั่วในที่ พิพาทอันเป็นการแย่งการครอบครองก็ตาม เมื่อโจทก์ฟ้องคดีห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในที่พิพาทยังไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ถูกจำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิด จำเลยต้องได้รับประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์มีพยานเพียงปากเดียวแต่มิได้รู้เห็นขณะจำเลยลักเอาเงินของผู้เสียหายไป โดยพยานออกไปจากกระท่อมนานานประมาณ 30นาทีก็กลับมาพบเห็นจำเลยยืนอยู่ใต้กระท่อมนา และพบว่าเงินของผู้เสียหายที่อยู่บนกระท่อมนาได้หายไป ดังนี้ หากจำเลยเป็นคนร้ายเมื่อได้เงินแล้วก็น่าจะรีบหนีออกไปจากกระท่อมนา ไม่มีเหตุผลใดที่จำเลยจะมายืนอยู่ใต้กระท่อมนา ทั้งกระท่อมนาที่เกิดเหตุตั้งอยู่ในที่เปิดเผยใกล้ทางที่ชาวบ้านผ่านไปมา ฉะนั้นระยะเวลาที่พยานไปและกลับมาที่กระท่อมนา คนที่เดินผ่านจึงมีโอกาสที่จะขึ้นไปลักเอาเงินบนกระท่อมนาได้โดยง่าย ส่วนการที่พยานถามจำเลยว่ามาทำอะไร จำเลยไม่ตอบกลับเดินออกไปและเมื่อจำเลยเห็นเจ้าพนักงานตำรวจก็วิ่งหนีนั้น แม้เป็นการกระทำอันเป็นพิรุธก็ตาม แต่การกระทำอันเป็นพิรุธของจำเลยดังกล่าวและการที่จำเลยยืนอยู่ใต้กระท่อมนาภายหลังจากที่เงินของผู้เสียหายได้หายไปนั้นเป็นเพียงพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่าจำเลยน่าจะเป็นคนร้ายเท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่มีพยานอื่นมาสืบประกอบเพื่อยืนยันให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดจริง พยานโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอเชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ลักทรัพย์ ศาลต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
โจทก์มีพยานเพียงปากเดียวแต่มิได้รู้เห็นขณะจำเลยลักเอาเงินของผู้เสียหายไป โดยพยานออกไปจากกระท่อมนานานประมาณ 30นาทีก็กลับมาพบเห็นจำเลยยืนอยู่ใต้กระท่อมนา และพบว่าเงินของผู้เสียหายที่อยู่บนกระท่อมนาได้หายไป ดังนี้ หากจำเลยเป็นคนร้ายเมื่อได้เงินแล้วก็น่าจะรีบหนีออกไปจากกระท่อมนา ไม่มีเหตุผลใดที่จำเลยจะมายืนอยู่ใต้กระท่อมนา ทั้งกระท่อมนาที่เกิดเหตุตั้งอยู่ในที่เปิดเผยใกล้ทางที่ชาวบ้านผ่านไปมา ฉะนั้นระยะเวลาที่พยานไปและกลับมาที่กระท่อมนา คนที่เดินผ่านจึงมีโอกาสที่จะขึ้นไปลักเอาเงินบนกระท่อมนาได้โดยง่าย ส่วนการที่พยานถามจำเลยว่ามาทำอะไร จำเลยไม่ตอบกลับเดินออกไปและเมื่อจำเลยเห็นเจ้าพนักงานตำรวจก็วิ่งหนีนั้น แม้เป็นการกระทำอันเป็นพิรุธก็ตาม แต่การกระทำอันเป็นพิรุธของจำเลยดังกล่าวและการที่จำเลยยืนอยู่ใต้กระท่อมนาภายหลังจากที่เงินของผู้เสียหายได้หายไปนั้นเป็นเพียงพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่าจำเลยน่าจะเป็นคนร้ายเท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่มีพยานอื่นมาสืบประกอบเพื่อยืนยันให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดจริง พยานโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและการบอกกล่าวเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381
น. สามีจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ผู้เป็นเจ้าของเมื่อ น.ตายจำเลยครอบครองต่อมาถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ การที่ น. ไปแจ้งขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ฉะนั้นแม้ น.และจำเลยจะทำประโยชน์ในที่พิพาทมาช้านานเพียงไรก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง โจทก์เรียกร้องให้คืนที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4579/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องอาญา: เหตุผลอันควร, รายละเอียดในฟ้อง, ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ขอแก้ฟ้องเกี่ยวกับวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดโดยอ้างเหตุว่าพิมพ์ผิดพลาด เป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้องและเหตุที่โจทก์อ้างมานั้นเป็นเหตุอันสมควรอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง เพราะอาจเกิดบกพร่องเช่นนั้นได้ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ และชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พยานโจทก์ก็เบิกความว่าจำเลยกระทำความผิดตามวันที่ที่โจทก์ขอแก้ จึงไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ชอบที่จะให้โจทก์แก้ฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4579/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอาญาเนื่องจากข้อผิดพลาดในการพิมพ์วันเวลาที่กระทำความผิด อนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ขอแก้ฟ้องวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดโดยอ้างเหตุว่าเนื่องจากพิมพ์ผิดพลาด เป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้องและเหตุที่โจทก์อ้างมานั้นเป็นเหตุอันสมควรอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้ เพราะอาจเกิดบกพร่องเช่นนั้นได้ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ และชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พยานโจทก์ก็เบิกความว่าจำเลยกระทำความผิดตามวันที่ที่โจทก์ขอแก้ จึงไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ชอบที่จะให้โจทก์แก้ฟ้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4579/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอาญา: เหตุผลอันควร, รายละเอียดในฟ้อง, ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ขอแก้ฟ้องวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดโดยอ้างเหตุว่าเนื่องจากพิมพ์ผิดพลาด เป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้องและเหตุที่โจทก์อ้างมานั้นเป็นเหตุอันสมควรอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้ เพราะอาจเกิดบกพร่องเช่นนั้นได้ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ และชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พยานโจทก์ก็เบิกความว่าจำเลยกระทำความผิดตามวันที่ที่โจทก์ขอแก้ จึงไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ชอบที่จะให้โจทก์แก้ฟ้องได้